12 COFFEEHOUSES IN CHIANGMAI

12 COFFEEHOUSES IN CHIANGMAI
เปิดประสบการณ์ 12 ร้านกาแฟในเชียงใหม่

สวัสดีครับ ผมเปียง คุณเป็นคนที่ชอบกาแฟเหมือนผมหรือเปล่าครับ? ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ชอบตระเวนชิมและดื่มด่ำกับกาแฟตามร้านต่างๆ ที่มีกาแฟชนิดพิเศษให้เราเลือก หนึ่งสิ่งที่ผมมักถามบาริสต้าในร้านกาแฟพรีเมี่ยมอยู่เสมอๆ ก็คือ
‘ขอโทษนะครับ เมล็ดกาแฟนี้มาจากแหล่งไหนครับ’
นั่นแหละครับ สิ่งนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับกาแฟมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการชิมกาแฟจากแหล่งต่างๆ

และเชื่อไหมครับว่า นอกจากรสชาติกาแฟในแบบของมัน สิ่งที่ส่งผลอย่างมากต่อการรับรู้ถึงการดื่มกาแฟชนิดนั้นๆ ก็คือสภาพแวดล้อมครับ กลิ่นในร้าน สีของแก้ว เพลงที่เปิด คำบรรยายที่อยู่ใน taste note ส่งผลให้เกิดการรับรู้ที่มี ‘complexity’ ที่ต่างกัน แม้ทั้งๆที่กาแฟที่วิธีการชงที่เหมือนๆกัน แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกันได้ ถ้าเปลี่ยนปัจจัยที่ว่านั้นนั่นเอง

ที่เชียงใหม่เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการพูดถึงกาแฟชนิดพิเศษอย่างแพร่หลายครับ เป็นเมืองที่โดดเด่นในเรื่องวัฒนธรรมกาแฟอย่างมาก ที่เข้ากันและเอื้อต่อกันไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้าง slow life อากาศที่ไม่ร้อนไป และบ้านเมืองน่ารักๆ แบบทางเหนือ สุดท้าย เรียกได้ว่า ถ้าไปถึงเชียงใหม่ ใครพูดถึงร้าน chainใหญ่ๆนี่กลายเป็นอะไร ที่ mass ไปในทันที เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมร้านกาแฟดีๆ ที่คัดสรรกาแฟดีๆมาจากทั่วประเทศและทั่วโลกนั่นเอง สำหรับร้านที่ผมจะพาทุกท่านไปชมและชิมต่อไปนี้ ผมได้รับการแนะนำมาจากหลายๆคนครับ เน้นไปที่ที่มีเรื่องกาแฟโดดเด่น จะมีสลับด้วยร้านสวยๆ ไม่ก็โดดเด่นเรื่องเครื่องดื่มอื่นๆ หรือขนมบ้างประปราย แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อรวมๆกันมันคือทริปที่สร้างประสบการณ์กาแฟที่สนุกมากๆครับ

ภาพทั้งหมดมาจาก Olympus OMD EM5 Mark II กับ Lens Pro 12-40 mm F2.8 กล้องหนึ่งเดียวคู่ใจของผมที่เป็นพระเอกในการถ่ายทอดประสบการณ์กาแฟในครั้งนี้ให้ออกมาอย่างประณีตที่สุด และพกพาง่ายที่สุด ลองไปชมกันครับ ว่า 12 ร้านที่ผมไปเยือนมาที่เชียงใหม่ในครั้งล่าสุดนี้มีที่ไหนบ้าง

ถ้าพร้อมแล้วตามมากันเลยครับ

เปียง

#OLYMPUS #OLYMPUSTHAILAND
#PYONGDOCTOR

1.Khagee
2.akha ama
3.Nuan cafe
4.maled coffe roaster
Looper & co
Yellow craft
Find cofee
Ris8tro
Graph
โกดผือกโกดำ
Asma coffee
Transit no8


เรามาเริ่มต้นกันเลยครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมเปียงนะครับ อาสาเป็นไกด์ในวันนี้ มาถึงกันแล้วครับกับร้านแรกของเรา Khagee ครับ


1 – Khagee
ยกร้านนี้เป็นที่แรก เพราะผมชอบร้านนี้ที่สุดครับ ร้าน ขจี ตั้งอยู่ริมน้ำปิง โทนขาวเทาของร้านและกลิ่นอายแบบบ้านเมืองญี่ปุ่นทำให้ผมรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น


มีกาแฟให้เลือกสรรหลายชนิด house blend ของที่นี่ก็ทำได้ดีเช่นกัน อยากให้ลองไปทำความรู้จักกับที่นี่ดูครับ


ที่เห็นคือ canele หรือ กานเล่ ครับ เป็นขนมฝรั่งเศส ที่มีเปลือกกรอบ นุ่มแบบคัสตาร์ดด้านใน มีกลิ่นวานิลล่าเด่น ที่ร้านทำได้ดีเลยครับ อร่อยมาก ขนมอื่นๆก็อร่อยมากเช่นกัน ตามสโลแกนที่ว่า Khagee – natural yeast bread cafe ตอกย้ำความใส่ใจในเรื่องการทำขนม


แสงหน้าต่างฝั่งเดียว และสีขาวสะอาดของร้าน ทำให้ในร้านดูมีมิติ ละมุน และอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ตกแต่งไม่ได้เยอะ แต่รสนิยมดีครับ ลงตัวแบบคลาสสิค


วันนี้ผมมากับเพื่อนยากสุดหล่อของผมครับ เป็นทริปที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้กับเจ้านี่ Olympus OMD EM5 Mark II กับ Lens Pro 12-40 mm F2.8 เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ผมสามารถเก็บได้ครบ ไม่ว่าจะเป็น landscape street และ portrait ด้วยกล้องและเลนส์ตัวเดียว สำหรับผมถือว่าจบ


กล้องไม่ใช่สิ่งที่แค่ใช้ถ่ายทอดสิ่งที่เราเห็น แต่มันยังเป็นเครื่องประดับด้วยสำหรับผม


2 – Akha Ama
ผมเดินทางมาถึงร้านต่อมา Akha Ama อ่านออกเสียงว่า ‘อาข่า อาม่า’ เป็นร้านที่มีคน recommend ผมมาเยอะมากครับ ด้วยความพิเศษของกาแฟที่ร้าน กับรสชาติที่เป็นของจริงสำหรับคอกาแฟ


ร้านนี้เป็น social enterprise ที่มี brand story ที่น่าสนใจมาก เป็นเรื่องราวจากหุบเขาและชาวอาข่าแห่ง ‘หมู่บ้านแม่จันใต้ เชียงราย’ ก่อตั้งโดย ‘ลี-อายุ จือปา’ หนุ่มชาวอาข่า ที่ได้สร้างร้านกาแฟโดยใช้ผลิตภัณฑ์จากชาวเผ่าที่มีคุณภาพระดับโลกของตนให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในขณะที่ได้ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวอาข่าผู้ผลิตในเวลาเดียวกัน สำหรับ Chalee เป็นเมล็ดตัวแนะนำครับ สัมผัสเป็น Honey กับ Mulberry


บรรยากาศหน้าร้านครับ


ปกติแล้วนอกจากกระเป๋าตัง ผมก็พกอยู่แค่นี้ครับ เวลาออกทริปที่ไหน เชื่อไหมครับว่า Olympus OMD EM5 Mark II กับ Lens Pro 12-40 mm F2.8 ผมซื้อมาตั้ง 2 ปีแล้ว แต่ผมรู้สึกว่ามันยังใหม่และทันสมัยอยู่ตลอด ไม่รู้ว่ากี่เมือง กี่ประเทศแล้วที่เราไปไหนมาไหนด้วยกัน


3 – Nuan
ร้านนี้เป็นร้านที่ผมประทับใจตั้งแต่แรกเห็นครับ เป็นบ้านทรงเก่า เหมือนโรงเรียนหรือสำนักงานเก่าๆ ซักอย่าง


เอามารีโนเวตเป็นร้านกาแฟสายมินิมอล ที่แต่งด้วยโทนขาวเหลืองทั้งหมด ตัดกับ เฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณ วัตถุสีทอง และแสงหน้าต่างที่ส่องเข้ามาแล้วนวลสมชื่อจริงๆ อบอุ่นเหมือนจิบกาแฟบ้านเพื่อน นี่คือคอนเซ็ปต์ของเขา


เจ้าของชอบสีเหลืองนวลจึงเป็นที่มาของชื่อร้านแห่งนี้ สำหรับด้านหลังและด้านบนเป็น Hostel ชื่อ Cozy ครับ ใช้เมล็ดกาแฟแบบ house blend พิเศษของทางร้าน


Orange Moon – Orange Espresso Honey และ Banoffee Pie เป็นเมนูแนะนำครับ


4 – Maled Coffee Roasters
ร้านกาแฟสีขาวเรียบๆ กับโลโก้ตัวเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นท่ามกลางตึกพาณิชย์ย่านม.เชียงใหม่


ไม่ต้องบอกก็ทราบในทันทีครับ ว่าที่นี่ดีพในเรื่องกาแฟขนาดไหน เพราะเครื่องคั่วกาแฟขนาดใหญ่หน้าร้านเนี่ยแหละ นับว่าเป็น gimmick ที่น่ารักมากของที่นี่ครับ เป็นเสมือนโรงคั่วกาแฟสำหรับทุกคนที่เข้าถึงได้ง่ายๆ house blend ของที่นี่ใช้กาแฟถึง 4 ชนิดด้วยกัน และยังมีกาแฟชนิดพิเศษให้เลือกชิมได้อีกมาก แนะนำเลยครับ


5 – Looper & Co
ร้านนี้เป็นร้านเด็ดครับ ร้านกาแฟผสมบาร์ค็อกเทล ยามกลางวัน ขายเมนูกาแฟเบสิก กาแฟซิกเนเจอร์ และ Coffee in Good Spirit ส่วนกลางคืนจะกลายเป็นบาร์ค็อกเทล


ตกแต่งด้วยวินเทจสไตล์ ปูนเปลือย มีความเป็นจีนนิดๆ ด้วยลูกกรงเหล็กแบบโกดังจีนโบราณ ตัวอักษรเขียนบนคาน รอยฝีแปรงลองสีต่างๆ บนผนัง ดูเท่ไปอีกแบบ บรรยากาศร้านอบอุ่นด้วยแสงที่เข้าจากทางหน้าต่างทั้ง 2 ฝั่งที่ขนาบบาร์ตรงกลางไว้ กาแฟชนิดพิเศษมีให้เลือกหลายตัวครับ ผมกับเพื่อนๆเลือกสองตัวนี้มาชิมครับ ดูในคอมเมนต์


เพลงวนลูปไปเรื่อยๆ กับบรรยากาศแบบนี้ เรียกได้ว่า สวรรค์ของคนรักกาแฟชัดๆ


6 – Yellow Craft
ร้านนี้โดดเด่นมาจากระยะ 200 เมตรด้วยป้ายสีเหลืองสดใสกับการออกแบบอาคารที่ค่อนข้างสะดุดตา


Yellow Craft ที่ว่า ไอเดียมาจากสีของเมล็ดถั่วเหลืองที่ใช้วัตถุดิบของเมนู soy milk craft ที่เป็น signature ของที่นี่ ที่นี่เขาเน้นการใช้นมถั่วเหลืองเป็นหลักเพื่อเป็นทางเลือกของคนแพ้นมวัว และจะใช้พวกวัตถุสีเหลืองมาเป็นส่วนประกอบในทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่แบบโฮมเมด เช่น ฟักทอง แครอท และไข่ โดยจะเลือกเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นออแกนิคล้วนเท่านั้น


ตามมาครับ ที่นี่มี slow bar กาแฟดริป ทางร้านมีเมล็ดกาแฟให้เลือกลองมากมายจากหลายแหล่งทั้งในและต่างประเทศ และยังมี Yellow Craft Roast Lab ที่เป็นโรงคั่วของร้านเอง มีเมล็ดกาแฟจำหน่าย 2 ตัวท็อปให้เลือกก็คือ Thailand และ Kenya ครับ มาถึงที่นี่อยากให้ลองกาแฟดริปดู


7 – Find Coffee
‘Quality & Fair’ เป็นคำโปรยของร้านนี้ครับ อยู่ถัดมาจาก Yellow Craft ไม่ถึง 100 เมตร


เจ้าของเดียวกับ GRAPH ร้านที่เราจะพูดถึงต่อๆไปที่มีพวกเมนู speciality และ cold brew แต่เจ้าของได้แตกอีกไลน์ขึ้นมาที่ราคาไม่แรง กาแฟไม่ดีฟมาก เหมาะกับคนที่ไม่ได้ทานกาแฟเป็นประจำ แต่อยากทานกาแฟที่มีคุณภาพ โลเคชั่นหัวมุมถนน ตกแต่งโทนสะอาดตา มีความ Muji


Find Coffee ที่หมายถึงก็คือ การตามหากาแฟดีๆ แต่ราคาไม่แพงนั่นเอง เริ่มต้นที่ 40 บาทเท่านั้น ร้านนี้ก็จะมีพวกกาแฟเบสิค และน้ำหวานต่างๆ ผมแวะมาพักตัดคาเฟอีนที่นี่ครับ


8 – Rise8tro
ร้านกาแฟ check in ในตำนาน ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเชียงใหม่ไปแล้ว ดีกรี Latte Art อันดับ 6 ของโลก และด้วยความโดดเด่นของตัวกาแฟ ทำให้ที่นี่ขึ้นแท่น the must ไปได้อย่างไม่มีข้อกังขา ผมมาแวะที่นี่เกือบทุกครั้งที่มาเชียงใหม่ครับ มาที่นี่ครั้งแรกตั้งแต่ 10 ปีก่อน คนแน่นขึ้นทุกๆวัน Rise8tro อ่านว่า ‘ริสเทรตโต้’ ความหมายคือกาแฟที่เข้มข้นกว่า Expresso เท่าตัวครับ ตั้งอยู่ตรงถนนนิมมานเหมินทร์ ติดถนนใหญ่ ทุกวันนี้จอแจด้วยลูกค้าทุกเชื้อชาติ


เมนูกลุ่ม coffee in good spirit มาในแก้วรูปกะโหลก กับถาดไม้ ขอบอกเลยว่าพลาดไม่ได้ เพราะมุมมองกับกาแฟของคุณจะเปิดกว้างขึ้นมาก เมื่อได้ลองสิ่งนี้ครับ


9 – GRAPH
ถึงแล้วครับกับ GRAPH สาขา ONE NIMMAN เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่คนแน่นตลอดวัน ตกแต่งด้วยสไตล์ industrial บรรยากาศด้านในมืด มีความคล้ายบาร์ลับเบาๆ


ONE NIMMAN เป็นอีกที่ ที่น่ามาเดินถ่ายรูปมาก


มีความพิถีพิถันในการจัดวางและรสนิยมในการตกแต่งร้าน GPARH เป็นร้านที่ด้านในค่อนข้างมืดครับ Olympus OMD EM5 Mark II กับ lens ตัวนี้ ทำได้ดีในที่แสงน้อยๆ ผสมกับระบบกันสั่น 5 แกนของตัวกล้อง ทำให้ภาพที่ได้ออกมาสวยแบบที่เห็นนี้


Coldbrew no.10 พิเศษตรงที่มีการอัดก๊าซเข้าไป ทำให้ได้รสนุ่มๆ แบบ cold brew แต่ซ่าๆ ไปพร้อมกัน


10 – โกเผือกโกดำ
ร้านกาแฟกับขนมยามเช้าเล็กๆ ที่คนแน่นมากครับ มีคนมาถ่ายรูปกันเยอะมาก ต้องรอคิว ไม่มีที่จอดรถ เราไปดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น


ไม่ได้เด่นเรื่องกาแฟมาก แต่ด้วยความคลาสสิคบนเพิงไม้แบบเก่ากับต้นไม้ที่แทงทะลุขึ้นไป ต้องยอมรับว่าดูมีเสน่ห์ไม่เบา


เต็มไปด้วยเมนูแบบร้านสภากาแฟ พวกกาแฟโบราณ ชาเย็น นมเย็น ขนมปัง และไข่กะทะ ร้านนี้โด่งดังมาจากเมนูนี้แหละครับ ขนมปังเนย กับสังขยาหลากสี น่ารักดีนะครับ ว่ามั้ย?


11 – Asama Cafe
อสมาคาเฟ่ เป็นร้านเล็กๆ ในบรรยากาศร่มรื่นติดริมคลอง ชิลมากขึ้นไปอีกด้วยบรรยากาศแบบเชียงใหม่นี้


กาแฟ house blend ที่โปรไฟล์ดีมากครับ อยากให้ไปลองกันดู Gravity เมนูแนะนำที่นี่เป็นเลเยอร์ครีมสด นมข้นและ Expresso เป็นตัวแนะนำของที่นี่ครับ


12 – Transit no.8
มาถึงที่สุดท้ายก่อนจากกันไปในวันนี้ครับ กับร้านกาแฟเปิดใหม่สไตล์มินิมอลที่กำลังโด่งดังใน instagram ขณะนี้ ด้านหน้าร้านดัดแปลงมาจากบ้านทาวน์โฮมที่ทำออกมาใหม่เป็นทรงเหลี่ยมเลขาคณิตได้อย่างน่าสนใจ


ด้านในโปร่ง เปิดโล่ง ตกแต่งน้อยๆ ด้วยสี monotone


มีกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นจางๆ มีเครื่องดื่มและขนมเบาๆให้ลองทานกันครับ


จบไปกับ 12 ร้านกาแฟที่ผมไปเยือนมาในทริปเชียงใหม่ล่าสุดนะครับ หวังว่าจะถูกใจกันกับลิสต์ที่ว่านี้ ไว้มีโอกาสลองไปตามชิมกันดูได้ครับ เซฟไว้เป็น reference ในทริปเชียงใหม่ครั้งหน้าได้เลย

วันนี้ผมและ Olympus OMD EM5 Mark II ขอตัวลาไปก่อนนะครับ แล้วพบกันใหม่ในคอนเทนต์หน้า

รัก, เปียง

#OLYMPUS #OLYMPUSTHAILAND
#PYONGDOCTOR