PATHIO VIBES
ปะทิว-ชุมพร เมืองทะเลกับมุมที่คุณไม่เคยเห็น

สวัสดีครับ ผมเปียง ห่างหายไปนานกับทริปใหม่ๆของผมครับ ช่วงนี้วุ่นวายเล็กน้อยกับงานที่โรงพยาบาล กับสถานการณ์โรคระบาดที่ค่อยๆจางลงไปแล้วในวันนี้ คนไทยเริ่มกลับมาเที่ยวอีกครั้งครับ จึงอยากนำทริปหนึ่งในอดีตมาเล่าให้ฟัง บางครั้งการที่ตั้งใจเดินทางไปสถานที่ไหนโดยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก มันก็มักจะนำมาซึ่งอะไรที่เหนือความคาดหมายอยู่เสมอๆ เช่นเดียวกันกับผมที่อำเภอแห่งนี้ครับ “ปะทิว” เมืองเลียบชายฝั่งทะเล จังหวัดชุมพร เมืองเล็กๆ ที่ความประทับใจไม่เล็กเลย

ปะทิว เป็นอำเภอเล็กๆ ของจังหวัดชุมพร ถือเป็นประตูแรกของภาคใต้ก็ว่าได้ เป็นอำเภอแรกจริงๆที่คนมักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญนัก ถ้าเป็นคนใช้เส้นทางนี้เพื่อลงไปท่องเที่ยวยังจังหวัดใหญ่ๆที่เป็นที่นิยม ก็มักจะเร่งเครื่อง ขับผ่านไปให้เร็วที่สุด ปะทิว จึงมีสถานะเป็นเมืองทางผ่านในความคิดของนักท่องเที่ยวหลายๆคน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบสรรหาสถานที่ที่สงบๆแบบไม่ค่อยซ้ำใคร แต่มีทัศนียภาพทะเลที่สวยงามครบทุกมุมมอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ควรจะเป็นอีกที่หนึ่งที่เราต้องทำความรู้จักและเปิดใจเพื่อไปเยือนให้จงได้ครับ

“จากกรุงเทพฯสู่หัวหิน” และ “จากหัวหินสู่ปราณบุรี” ทริปที่เต็มไปด้วยรูทท่องเที่ยวยอดฮิตแบบนี้ อาจจะเจอกันบ่อยแล้วหรือเปล่าครับ ลองดูสิครับ “จากปราณบุรี สู่อำเภอปะทิว” เมืองเลียบชายฝั่งที่เต็มไปด้วยทัศนียภาพอันสวยงาม และประวัติศาสตร์อันน่าค้นหา อีกเส้นทางที่เราจะได้เจอกับสถานที่แปลกใหม่แบบที่ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังมาก่อน เวิ้งทะเลที่สวยมากในยามเย็นแบบสุดลูกหูลูกตา แนวสวนมะพร้าวสุด exotic วัดวาอารามบนเนินสูง สันทรายขาวละเอียดกับมุมถนนที่ทอดยาว และเกาะแก่งสุดอลังการจากมุมภูเขา ทั้งหมดนี้ผมยังไม่เคยเห็นในรีวิวตัวไหนมาก่อน และดีใจมากที่ได้มาเจอกับมันด้วยตัวเอง วันนี้ผมอยากเอามาเล่าต่อให้ฟัง ผ่านภาพและเรื่องราวที่ค้นมาอย่างดีครับ

ลองตามมาดูด้านใน ผมจะพาทุกคนไปชมสถานที่เจ๋ง ๆ ของอำเภอแห่งนี้กัน
เปียง

#PATHIOVIBES #PYONGDOCTOR #PYONGSEEWHATISEE

PATHIO VIBES
ปะทิว-ชุมพร เมืองทะเลกับมุมที่คุณไม่เคยเห็น

พื้นที่เลียบทะเลริมฝั่งอ่าวไทยด้านตะวันตกของประเทศไทยนั้น นับว่ายังเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างมาก หากใครที่เคยเดินทางท่องเที่ยวตามเส้นทางนี้อยู่บ่อยๆในระยะที่สามารถขับรถจากรุงเทพฯได้ไม่นานนัก แน่นอนจะต้องคุ้นเคยกับสถานที่ยอดฮิตอย่าง ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี สามร้อยยอด ไปจนถึงตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบสรรหาสถานที่ที่สงบๆแบบอันซีนหรือไม่ค่อยซ้ำใคร แต่มีทัศนียภาพที่สวยงามครบทุกมุมมอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ควรจะเป็นอีกที่หนึ่งที่เราต้องทำความรู้จักและเปิดใจเพื่อไปเยือนให้จงได้ อยากให้ช่วยสะกิดบอกคนรอบข้างช่วยกันว่าเมืองไทยยังมีอำเภอเล็กๆอำเภอหนึ่ง ที่รอเราเข้าไปทำความรู้จักอยู่ครับ

ถ้าเราจะลองใช้เวลาว่างของเราเพียงแค่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ท่องเที่ยวเมืองที่สงบแต่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางการท่องเที่ยว ปะทิว ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะปะทิวอยู่ห่างจากหัวหิน แค่ไม่ถึง3ชั่วโมงเท่านั้น เราก็จะหลุดไปอยู่อีกชายฝั่งทะเลที่สงบและสวยงามมากแห่งหนึ่งของไทย หลีกหนีจากความวุ่นวายในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายๆที่ที่เราคุ้นตา เป็นการเปิดประตูสู่ภาคใต้ที่ไม่เลวเลยทีเดียว

จริงๆแล้ว ปะทิว ที่หลายๆคนไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้ เป็นอำเภอที่เราคุ้นมากกว่าที่คุณคิดนะครับ ทราบหรือไม่ว่า ถ้าเราจะโดยสารด้วยเครื่องบินไปที่จังหวัดชุมพร สนามบินจังหวัดชุมพร หรือ ท่าอากาศยานชุมพรนั้น ตั้งอยู่ที่ตัวอำเภอปะทิว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ทุกคนจะต้องถึงปะทิวก่อนชุมพรนั่นเอง และชายหาดที่สวยงามเรียงรายจรดทะเลยาวทั่วทั้งตัวอำเภอ ห่างจากตัวสนามบินเพียงแค่ชั่วอึดใจ และอีกเหตุการณ์ที่หลายๆคนยังคงจดจำได้ดีเมื่อ 30 ปีก่อน จากพายุไต้ฝุ่นเกย์ที่พัดเข้าทำความเสียหายกับจังหวัดชุมพร ปะทิวเป็นอำเภอที่ได้รับความเสียหายอย่างมากในเวลานั้นครับ

ปะทิว หรือ ปากทิว เป็นเมืองขนาดเล็กทางภาคใต้ของไทย ปรากฏชื่อที่มีการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยอยุธยา เมืองปะทิวขึ้นอยู่กับเมืองอุทุมพร หรือชุมพร หัวเมืองหน้าด่านปักษ์ใต้ที่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรนครศรีธรรมราช แสดงให้เห็นว่าชาวเมืองปะทิว ทำมาหากินตั้งถิ่นฐานเป็นเมืองปะทิวมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เมื่อมีการศึกหรือภารกิจยังหัวเมืองทางใต้ อย่างเมืองนครศรีธรรมราช ข้าราชการและผู้คนจะต้องผ่านเมืองปากทิวที่เป็นเมืองออกสู่ทะเลตะวันออกจากทางพื้นที่สูงฝั่งเหนือและตะวันตกอยู่ทุกครา มีเรื่องเล่าว่ากันไปหลายอย่างของที่มาของคำว่า ปะทิว บ้างก็ว่ามาจากภาษาเขมรว่า “ปฐวี” เมื่อออกเสียงเร็วๆตามสำเนียงถิ่นใต้จึงแผลงไปเป็น “ปะทิว” บ้างก็ว่า เพราะบริเวณแถบนี้เมื่อก่อนมีทิวไม้ชายฝั่งทะเลที่สวยงาม หรือบ้างก็ว่าน่าจะสัมพันธ์กับชื่อคลองปะทิวที่ชาวบ้านออกเสียงว่า “คลองกะทิว”

นับจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 124 ปีแล้ว ที่อำเภอปะทิวได้ถูกตั้งขึ้นตามรูปแบบการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล ตัวอำเภอเมืองปะทิว อยู่ห่างจากอำเภอเมืองชุมพรราว 50 กิโลเมตร หรือจากท่าอากาศยานชุมพรเพียง38กิโลเมตรเท่านั้น โดยอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของอำเภอปะทิวได้แก่ การเป็นประตูเมืองทักษิณหรือเมืองปักษ์ใต้ ถิ่นอาศัยของค้างคาวแว่น สะพานปลาสะพลีแหล่งประมงที่มีชื่อ มีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ ชายหาดทอดยาวทั้งตัวอำเภอ และมีจุดชมวิวบนยอดเขาเจดีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของอำเภอด้วย

ในแง่ของประวัติศาสตร์ ผมอยากเสริมเรื่องราวเกี่ยวกับปะทิวที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักที่นี่มากขึ้น ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ของอำเภอปะทิวที่อยู่ติดชายฝั่งยาวไปทั้งอำเภอ ทำให้มีหลายต่อหลายครั้งที่อำเภอปะทิวต้องประสบกับภัยทางธรรมชาติหรือวาตภัยบ่อยครั้ง แต่มีเหตุการณ์ที่คนปะทิวและชุมพรยังจดจำได้ไม่ลืมเลือนที่เป็นข่าวมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทยครั้งหนึ่งนั่นคือ การที่พายุไต้ฝุ่นเกย์ได้พัดเข้าปะทะฝั่งที่อำเภอปะทิวอย่างรุนแรงในเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2532 ถือเป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยแรงลมในทะเลที่เคลื่อนตัวได้เร็วมากกว่า 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เมื่อขึ้นฝั่งพายุไต้ฝุ่นเกย์ยังความเสียหายในหลายอำเภอด้วยแรงลมมากกว่า 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทิ้งร่องรอยอันสาหัสให้กับผู้คนนับแสน บ้านเรือนน้อยใหญ่ เรือกสวนนับแสนไร่ สวนมะพร้าว สวนยางพารา สวนกาแฟ พังพินาศราบเป็นหน้ากลองเพียงชั่วพริบตาในช่วงเช้าของวันอันโหดร้ายนั้น รวมไปถึงชีวิตมนุษย์อีกหลายร้อยชีวิตที่เสียชีวิตและสูญหายทั้งบนฝั่งและนอกฝั่ง พายุพรากเอาชีวิตนับร้อยจากคนที่พวกเขารักไปในทันที ประชาชนไร้ที่อยู่ ความเสียหายกินอาณาบริเวณกว้าง ถนนตัดขาด น้ำท่วมกว่า 2,500 ตารางกิโลเมตร บ้านเรือนพังเสียหายกว่า 47,000 หลังคาเรือน ประชาชนกว่า 200,000 คนได้รับผลกระทบ การทำมาค้าขายหยุดชะงัก ใช้เวลาเยียวยาสภาพพื้นที่ใหม่นานหลายปี และใช้งบประมาณในการเยียวยาไปมากถึง 12,000 ล้านบาทในขณะนั้น ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างน่าเศร้าที่ยังถูกเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้คำว่า อำเภอปะทิว จะยังพอมีภาพจำต่อหลายๆคนจากเหตุการณ์นี้อยู่บ้าง

ในปัจจุบันพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายก็กลับฟื้นคืนมาตามกาลเวลา ชาวบ้านปะทิวยังคงทำมาหากินด้วยอาชีพประมงและสวนเกษตรตามแบบวิถีดั้งเดิม ควบคู่ไปกับความเจริญที่แผ่เข้ามาเรื่อยๆ รวมไปถึงการปรับตัวของชาวบ้านที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจการท่องเที่ยวในท้องถิ่น จะเห็นได้ว่ามีจำนวนโรงแรม รีสอร์ต โฮมสเตย์ และธุรกิจคู่ขนานการท่องเที่ยวได้เปิดตัวเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้รับงบพัฒนาจากภาครัฐ พลิกฟื้นธรรมชาติให้มีชีวิตชีวา เปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามามากขึ้น โดยเส้นทางเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทยของอำเภอปะทิว ก็ถือเป็นอีกเส้นทางที่สำคัญที่ได้งบพัฒนานี้ จัดสร้างถนนเลียบชายฝั่ง ทำให้การคมนาคมเลียบชายทะเลมีความสะดวกและน่าเที่ยวมากขึ้น จะเห็นได้ว่าอำเภอปะทิวนั้นมีอ่าว ชายหาด ที่พัก เรียงรายติดๆกันไปตลอดเส้นทาง นักท่องเที่ยวสามารถเก็บที่เที่ยวได้คราวละเยอะๆ ใช้เวลาเดินทางจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งไม่นาน และทะเลชุมพร โดยเฉพาะหมู่เกาะน้อยใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์ในแบบที่ยังไม่โดนสิ่งเร้าจากภายนอกมาทำลายไปมากนัก จึงยังคงความบริสุทธิ์อยู่มาก ถือเป็นจุดแข็งของการท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย

สำหรับท่าอากาศยานชุมพร สนามบินแห่งนี้เป็นผลพลอยได้จากมติรัฐมนตรีที่ต้องการผ่านแผนการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจเมื่อปีพ.ศ. 2533 ของจังหวัดชุมพรภายหลังเพียงแค่1ปีจากเหตุการณ์วาตภัยพายุไต้ฝุ่นเกย์พัดเข้าทำความเสียหายทั้งจังหวัด แต่กว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดบินครั้งแรกโดยสายการบิน PB AIR (เจ้าของคือ บริษัทบุญรอด) ในปี 2541 ก็เกิดกระแสต่อต้านจากชาวบ้านและชุมชนรอบพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากบริเวณก่อสร้างอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าชุมโค-ป่าหนองไซ ของ อ.ปะทิว แต่ท้ายที่สุด โครงการก็ก่อสร้างแล้วเสร็จบนพื้นที่กว่า 2,400 ไร่ โดยมีการแต่งตั้งให้สนามบินชุมพรเป็นสนามบินศุลกากร เปิดเป็นช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง ขอรับการตรวจลงตราด่านตรวจคนเข้าเมืองชุมพร นำเข้าและส่งออกสินค้า ณ บริเวณเขตท่าอากาศยานชุมพร โดยนับแต่เริ่มเปิดบิน มีเพียงสายการบินสัญชาติไทยและสายการบินเหมาลำเพียงแค่ 3 สายการบินทำการบินลง ในระยะเวลาไม่กี่ปีก็ประสบปัญหาขาดทุนต้องปิดตัวและยกเลิกบินไป ทำให้ตอนนั้นสนามบินมีความเงียบเหงา ขาดนักท่องเที่ยว ในระยะหลังผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในจังหวัดชุมพรได้มีการร่วมมือในด้านการจัดการการท่องเที่ยวเพื่อทำให้การเดินทางในรูปแบบอากาศยานยังคงดำเนินต่อได้ โดยจับมือกับสายการบินนกแอร์เข้ามาทำการบินลงที่สนามบินแห่งนี้จนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันมีจำนวนผู้เดินทางโดยเครื่องบินมายังชุมพรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มียอดรวมผู้โดยสารมากกว่า 1,600,000 คนต่อปี สร้างรายได้ให้แก่จังหวัดชุมพรเพิ่มขึ้น ถือเป็นสนามบินที่น่าจับตามองในแง่ของการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเป็นอย่างมาก

Location – อ่าวบางสน

เริ่มต้นทริปกับที่นี่เลยครับ ผมมาถึงตั้งแต่ช่วงสายๆ ถ้าเราขับรถล่องใต้เข้ามายังปะทิว เราจะสามารถแวะหาดบางสนได้เป็นที่แรก อ่าวบางสนเป็นอ่าวลักษณะโค้ง มีชายหาดสีขาว เม็ดทรายนุ่ม มีความสงบเงียบและไพรเวทสูง ในตำบลบางสน

ทรายเม็ดละเอียดสีเข้มขึ้นเมื่อเปียกน้ำทะเล

นับเป็นชายหาดสวยงามมากที่คนไม่พลุกพล่าน

เรายังคงเห็นชาวบ้านที่ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการทำประมง ยังคงพักเรือที่หน้าอ่าว ตากปลาหมึก สานอวน ซ่อมเรือ ให้เห็นจนชินตา แต่ยังแทรกตัวด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก โฮมสเตย์แบบวิถีใหม่ไม่กี่หลังริมชายหาด ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากหลีกหนีจากความวุ่นวายมาพักผ่อนยังชายหาดที่มีความเงียบสงบสูงแห่งนี้

ถ้ามีโอกาสได้พักโฮมสเตย์ เราจะสามารถร่วมกิจกรรมเสริมนอกเหนือจากการเข้าพักที่บ้านได้ อาทิ ดำน้ำ หาหอยพู่กัน ตกปลา ตกหมึก นั่งเรือชมหิ่งห้อยผ่านแนวป่าโกงกางชมวิถีชาวบ้าน ทานอาหารทะเลสดๆที่เราหามาได้จากการเที่ยวทำกิจกรรม

ด้วยความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านและวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนบางสนเข้ามามีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน รู้จักเปิดรับแนวคิดใหม่ที่ทันต่อโลกของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อนำรายได้เข้าสู่ชุมชน ทำให้การมาเที่ยวที่ชุมชนนี้ดูมีอะไรๆมากขึ้น อยากให้ลองมาสัมผัสเป็นอย่างยิ่งครับ

เป็นภาพที่อาจจะดูไม่ได้สวยงามตามพิมพ์นิยม แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันเต็มไปด้วยเรื่องราว และมีเสน่ห์อย่างมากด้วยตัวมันเอง

Location – เนินทรายงาม หนึ่งในสยาม Sand Dune
เนินทรายงามในปัจจุบันถูกพัฒนาให้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติเพื่อการเรียนรู้และอนุรักษ์ธรรมชาติ

แต่เดิมเป็นเพียงเนินทรายขนาดความสูงราว 20 เมตร เป็นเนินทรายเม็ดละเอียดสีขาว

วันที่ฟ้าใส จะเห็นทรายสะท้อนตาอย่างสวยงาม มีทางเดินลงไปยังชายหาดด้านล่าง และมีแนวหินทรายเรียงราย ระยะทาง1กิโลเมตร

การก่อตัวของเนินทรายนี้แต่เดิมเกิดจากอิทธิพลมรสุมของพายุที่รุนแรงริมฝั่งทะเล ทำให้เกิดการพัดพาทรายมาทับถมกันจนมีความสูงขึ้นตามกาลเวลา กลายเป็นเนินย่อมๆคล้ายกับทะเลทรายเล็ก ๆ

สวยงามมากและแปลกตาสำหรับเมืองไทยครับ นึกถึงบรรยากาศทะเลทรายในเวียดนาม

พอได้เป็นจุดแวะถ่ายรูปอีกจุดหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่น่าสนใจครับ

มีโอกาสได้ขับรถผ่านสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร เลยเอามาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมกันครับ เพราะถือเป็นวิทยาเขตที่ใหญ่มาก และทำให้เราเห็นว่ามีนักศึกษาจำนวนมากอยู่ในอำเภอแห่งนี้ ที่นี่จัดตั้งขึ้นจากมติของทางสถาบันฯ ที่มีความเห็นว่าควรจะได้มีการขยายงานการศึกษา การวิจัย และบริการสังคมของสถาบันไปสู่ภูมิภาค จึงได้สรรหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการจัดตั้ง โดยเล็งเห็นว่าพื้นที่ ตำบลชุมโค อำเภอปะทิวแห่งนี้มีความเหมาะสม เนื่องจากมีพื้นที่สวยงาม ติดทะเล ส่วนหนึ่งที่เป็นที่ราบ ส่วนหนึ่งเป็นที่เนินเขา จึงได้ขออนุญาตใช้พื้นที่กับทางกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อดำเนินการก่อสร้าง เริ่มดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2528 มีที่ดินบางส่วนที่ทางสถาบันได้มอบให้ทางจังหวัดจัดสรรพื้นที่เพื่อก่อสร้างท่าอากาศยานชุมพร ทำให้พื้นที่บางส่วนของสถาบันลดลงไป แต่เหตุผลหลักก็เพื่อการเอื้อประโยชน์แก่สาธารณะและอำนวยความสะดวกให้กับบรรดาบุคลากรและนักศึกษาของสถาบันในการเดินทางมายังวิทยาเขตแห่งนี้ และที่ดินส่วนหนึ่งก็ถูกจัดสรรเป็นที่ทำกินให้ชาวบ้านในรอบๆนั้น มีมหาวิทยาลัยที่นำความเจริญทางด้านการศึกษามาตั้ง มีสนามบินที่สะดวกสบายในการคมนาคม ได้ประโยชน์แบบ win-win กันทุกฝ่าย อยู่ร่วมกันอย่างสันติ

วิทยาเขตชุมพรฯ แห่งนี้ จัดการเรียนการสอนครั้งแรกในปีพ.ศ.2539 ในสาขาเทคโนโลยีการผลิตพืช ต่อเนื่อง 2 ปี และ หลักสูตร 4 ปี ในสาขาพืชสวน ปัจจุบันเปิดสอนในสาขาหลากหลายทางด้านวิทยาศาสตร์เช่น เกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์การประมง สัตวศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ มีการเปลี่ยนมาใช้นามตามท้ายว่า “วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร” ตั้งแต่ปีพ.ศ.2556 เป็นต้นมา

สำหรับตึกอิฐแดง เป็นอาคารหลังแรกของมหาวิทยาลัย ในปี 2541 สมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินมาวางศิลาฤกษ์อาคาร พร้อมทั้งทรงเปิดป้ายมหาวิทยาลัยด้วย ถ้าเคยไปที่พระจอมเกล้าฯลาดกระบังที่กรุงเทพฯ เราจะพบตึกที่โทนคล้าย ๆ แบบนี้เหมือนกันครับ

Location – จุดชมวิววัดแก้วประเสริฐ

ถัดจากหาดถ้ำธงไม่ไกล จะเป็นเส้นทางเลียบทะเลอีกด้านที่สามารถมองเห็นวิวอีกฝั่งของปะทิวแบบพาโนรามาได้ หากแต่ต้องสังเกตจุดแวะขึ้นไปจุดชมวิวสักหน่อย เพราะไม่เช่นกันจะขับผ่านเลยไป ผมขับเลยไปแล้วเรียบร้อย แต่ตัดสินใจหันรถกลับทัน

วิวด้านบนไหนสุดลูกหูลูกตาครับ ด้านบนเป็นจุดชมวิวแบบ 270 องศา มองเห็นเกาะเวียง อ่าวกรวด แหลมสน ในทะเลชุมพร และเกาะน้อยใหญ่บนทะเลอ่าวไทยเรียงรายมากมาย

วัดแก้วประเสริฐนี้ เป็นวัดที่ก่อตั้งโดยหลวงพ่อจง เดิมชื่อสำนักสงฆ์ควนเจริญ ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดแก้วประเสริฐ มีความหมายถึงดวงแก้วอันดีงามต่อมนุษยชาติ สื่อถึงผู้ที่มาปฏิบัติธรรม

บนวัดแห่งนี้ ประดิษฐานรูปปั้นพระนาคปรกสูง 9.99 เมตร และ เจ้าแม่กวนอิมสูง 9.99 เมตรเช่นเดียวกัน ในบริเวณวัดยังมี หอแก้ว ลานธรรม บันไดสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ของสะสมโบราณและภาพกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ให้ไหว้สักการะด้วย ไฮไลต์ที่อลังการที่สุด ที่ปัจจุบันแม้จะยังทำการก่อสร้างอยู่ยังไม่แล้วเสร็จ คือพระพุทธรูปปางห้ามมาร อิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนตัก พระหัตถ์ขวายกขึ้นแสดงอาการห้าม ขนาดมหึมา จากฐานด้านล่างจรดบนสุดสูงราวตึก10ชั้น โดยโถงใต้ของพระพุทธรูปเป็นพื้นที่สงฆ์ แต่สามารถเดินบันไดวนขึ้นมายังจุดชมวิวด้านบนใต้ฐานพระได้ เนื่องจากพื้นที่ของวัดตั้งอยู่บนเชิงเขา เพื่อความปลอดภัย วัดได้จัดพื้นที่จอดรถไว้ด้านล่าง สำหรับคนที่ขับรถขึ้นเขาไม่สะดวก หรือถ้าจะขับขึ้นมา จะต้องมีความระมัดระวังและมีความชำนาญในการขับขี่รถขึ้นที่สูงอย่างยิ่ง และโปรดสำรวมกาย-วาจา งดเสียงดัง เนื่องจากเป็นเขตสงฆ์ครับ

ทิวทัศน์สวยงามระดับที่เรียกว่าหาได้ยากเลยครับ ข้างบนนี้ ผมประทับใจมากๆ

Location หาดถ้ำธง อ่าวทุ่งมหา

ด้วยความที่ปะทิวมีชายทะเลขนานไปกับทะเลอ่าวไทยยาวสุดลูกหูลูกตา ทำให้มีอ่าว ชายหาด และจุดชมวิวอยู่เยอะมาก หาดถ้ำธง อ่าวบางเบิด อ่าวทุ่งมหา มีพื้นที่ติดกัน ทอดตัวยาวกว่า 5 กิโลเมตร สามารถเดินหรือวิ่งออกกำลังกายริมชายหาดได้โดยไม่มีแนวเขา ป่าหรืออะไรมากั้นให้เป็นอุปสรรค มีความสงบเงียบมาก

วิวในมุมกว้างเป็นทะเลสีฟ้าครามสลับกับเทือกเขาหินปูนทรงแปลกตา แทรกตัวกับหมู่บ้านริมทะเลและป่าสนโดยรอบ มองเห็นทะเลชุมพรในฝั่งอ่าวไทยได้กว้างๆ และที่นี่ชาวบ้านยังนำอาหารทะเลสดๆมาตั้งขายในตลาดอีกด้วย ในบางช่วงของปีก็มีการจัดอีเวนต์ หลาดเล อ่าวทุ่งมหา เป็นงานออกร้านแบบสมัยนิยมและจำหน่ายอาหารทะเลสดๆ สร้างรายได้อีกต่อหนึ่งด้วย

เป็นอีกสถานที่ที่ดูเหมือนเราสามารถเห็นได้ทั่วไป แต่ก็เป็นอะไรที่ photogenic ไม่เบาเลยนะครับ กับสะพานประมงแห่งนี้

Location – ปากคลองบางสน

ในอดีตเมื่อ31ปีก่อน บริเวณแห่งนี้ประสบภัยจากพายุเกย์อย่างสาหัส เรือประมงที่เราเห็นนี้พังเสียหายหนัก พายุพัดเอาเรือออกไปไกลทุกทิศทุกทาง ต้นมะพร้าวล้มไปหมดทุกต้น ภาคการเกษตรเสียหายทั้งหมด มองไม่เห็นแม้พื้นดิน เมื่อระยะเวลาได้ฟื้นฟูพื้นที่แห่งนี้กลับมา เราจะเห็นได้ว่าสภาพโดยรอบแวดล้อมไปด้วยป่ายาง สวนมะพร้าว แทรกด้วยป่าสน มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรทางทะเลมาก

เรือประมงสีสันฉูดฉาด ดูดีทีเดียวครับ กับบรรยากาศช่วงเย็น

บริเวณแห่งนี้ยังคงวิถีเดิมของชาวประมงไว้ ยังคงเป็นจุดพักเรือและสะพานปลาสำหรับขึ้นปลาของชาวบ้าน เป็นปากอ่าวที่ออกสู่ทะเลอ่าวไทย

สีสันของสะพานข้ามปากคลองบางสนแห่งนี้มีความตัดกันมากจนใคร ๆ ก็ต้องแวะถ่ายรูปเสมอ

Location – หาดสะพลี

สะพลีเป็นตำบลเล็กๆที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอปะทิว มีพื้นที่ติดทะเลทอดยาวทางฝั่งอ่าวไทย เป็นที่ตั้งของชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่าง หาดทุ่งวัวแล่น และเขาดินสอ จุดชมวิวบนยอดเขาที่เป็นทำเลในการชมเหยี่ยวอพยพที่ดีที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี จะมีเหยี่ยวและนกนานาชนิดบินอพยพลงมาจากทางประเทศทางตอนเหนือเช่น รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฯลฯ หนีความหนาวเย็นมาอาศัยยังเขตอบอุ่นบริเวณเขาดินสอแห่งนี้นี่เอง นอกจากนี้สะพลียังมีชื่อเสียงในด้านการประมงในแถบนี้อีกด้วย

เป็นอีกแนวหาดที่น่าประทับใจครับ อากาศดีมากๆในช่วงบ่ายแก่ ๆ แบบนี้

บรรยากาศสงบ น่ารัก ๆ ของหาดสะพลี

Location – CocoHut Garden

อาคารสีเหลือง mustard ขนาดกะทัดรัด กับหลังคาสี cobalt blue ตั้งเด่นตระหง่านท่ามกลางสวนมะพร้าว 2 ฝั่งถนน จะนิยามสถานที่แห่งนี้ในแบบสั้นๆ ก็อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปได้ เพราะในสวนแห่งนี้มีความหลากหลายมารวมกันอยู่มาก จึงต้องบรรยายให้เห็นภาพกันดีกว่า จะได้นึกภาพออกว่าจะให้นิยามว่าเป็นอะไร โดยแต่เดิมคือบ้านสวนที่คุณหลิว อ้อมใจ ศรีชู ซื้อที่ดินติดทะเลนี้ไว้หลายปีก่อน ในสมัยที่ที่ดินราคาไม่สูงนัก ความเจริญยังไม่เข้ามาถึงนัก “เป็นบ้านสวนที่อยู่ในสวนจริงๆ” เพราะทั้งบริเวณปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ สวนมะพร้าว สวนเกษตรอินทรีย์ แปลงผักออร์แกนิก โรงเลี้ยงเป็ด-ไก่ไข่ โรงเพาะเห็ด โรงไม้ คาเฟ่ โรงทำสบู่จากธรรมชาติ และที่เซอร์ไพรส์สุดคือมีบ้านพักแบบ Airbnbตกแต่งอย่างดีให้เข้าพักด้วย แถมตัวบ้านส่วนตัวของคุณหลิวนั้นยังเป็นบ้านดินหลังใหญ่รูปทรงทันสมัยอีกด้วย

คุณหลิววางแปลนของสวนได้น่าสนใจมาก โดยรวมคือจัดให้เป็นสวนเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน เราจะสังเกตว่าที่ว่างใต้ต้นมะพร้าวหรือริมทางเดินจะไม่ถูกปล่อยให้เสียประโยชน์ไปเปล่าๆ แต่จะปลูกพืช ผัก ผลไม้ท้องถิ่นและไม้เศรษฐกิจแทรกไปตามแนวของพื้นที่ว่างนั้น มีบ้านไก่บ้านเป็ดที่ออกแบบน่ารักๆไว้เก็บไข่กินด้วย สำหรับพืชไม้และผลไม้ในสวนก็มีหลากหลายเช่น กาแฟ โกโก้ เงาะ ชมพู่ มะม่วงหิมพานต์ น้อยหน่า มัลเบอร์รี เชอร์รี อะโวคาโด เสาวรส ฯลฯ ในส่วนพื้นที่ด้านหน้าของสวนได้สร้างกระท่อมน่ารักสีสันสะดุดตาต่างจากบ้านเรือนของชาวบ้านในแถบนี้ ไว้เป็นคาเฟ่เล็กๆคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่แวะมาเยี่ยมเยียน เน้นจำหน่ายขนมและเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบจากสวนที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำผักผลไม้ปั่นจากสวน ชาสมุนไพรจากสวน ไอศกรีมโฮมเมดจากผลไม้ในสวน คัสตาร์ดพุดดิ้ง โยเกิร์ตครัมเบิล และคุณหลิวยังได้ทำผลิตภัณฑ์สบู่จากธรรมชาติที่ใช้วัตดุดิบทั้งหมดจากสวน Cocohut Garden แห่งนี้ แม้กระทั่งน้ำที่ใช้ในการทำสบู่ยังใช้น้ำฝนเท่านั้นเพื่อให้แน่ใจว่าอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิวจริงๆ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆในร้าน อาทิ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ลิปบาล์มธรรมชาติ ยาดมสมุนไพร กระเป๋าผ้าทำมือ โคมไฟตกแต่งบ้านจากเถาย่านาง บรรจุภัณฑ์ทุกชิ้นผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น ล้วนแล้วแต่เป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

ปัจจุบันคุณหลิวและสามี คุณ Ruben Patino De Lera เลือก settle down ที่นี่โดยมีลูกชาย 1 คนอาศัยรวมกันที่อำเภอปะทิวนี้ คุณหลิวและสามีตัดสินใจออกจากเมืองใหญ่มาใช้ชีวิตแบบสงบและพอเพียงที่นี่เพราะอยากลองใช้ชีวิตแบบที่พึ่งพาตัวเองมากๆ อิงอาศัยผู้อื่นให้น้อยที่สุด ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ให้ความอิสระและมั่นคงในชีวิต คุณหลิวฝากmessageถึงนักท่องเที่ยวที่อยากแวะเวียนมาทักทายกันว่ายินดีต้อนรับและหวังว่าจะได้พบกับทุกท่านที่นี่ ในช่วงระยะนี้ขอเปิดรับลูกค้าเฉพาะผู้ที่ติดต่อเข้ามาสอบถามล่วงหน้าเท่านั้นครับ

Location – หาดทุ่งวัวแล่น

และแล้วก็มาถึงสถานที่สุดท้ายของวันนี้ ก่อนเราจะจากกันไปในคอนเทนต์นี้ครับ สำหรับใน guidebook ของจังหวัดชุมพรแล้ว หาดทุ่งวัวแล่นคือตัวชูโรงอันดับ 1 ของจังหวัดนี้ ซึ่งแน่นอน ชายหาดแห่งนี้อยู่ในเขตของตำบลสะพลี อำเภอปะทิว แต่มีระยะทางที่ใกล้เขตอำเภอเมืองมากกว่าหาดไหนๆ จึงสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ง่ายและรวดเร็ว

ชื่อของทุ่งวัวแล่น มีที่มาจากตำนานเรื่องเล่าที่น่าตื่นเต้นเรื่องหนึ่งของอ่าวแห่งนี้ว่า เมื่อก่อนอยู่ในเขตป่ารกเรื้อ มีสัตว์อาศัยอยู่มากมายหลายชนิด สำหรับนายพรานแล้ว ป่าแห่งนี้ยากต่อการไล่ล่าสัตว์ป่ามาก บรรดานายพรานจึงได้รวมตัวกัน ทำการ “บุกป่า” แห่งนี้ เมื่อเข้าไปก็ได้พบกับ “วัวตัวหนึ่ง” วิ่งผ่านมา จึงพากันกระหน่ำยิงวัวหมายชีวิตเพื่อแล่เอาเนื้อมาปรุงอาหาร เมื่อวัวโดนกระสุนหลายต่อหลายนัดยิงเข้าใส่ ก็เจ็บปวดร้องครวญคราง วิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปมายังหาดแห่งนี้ จนล้มลงไปนอน นายพรานจึงแล่เอาเนื้อมาย่างกินและคุยโวโอ้อวดกันใหญ่ถึงวีรกรรมของพวกตน แต่ไม่ทันขาดคำ วัวที่โดนแล่เนื้อแล้วถูกย่างเนื้อกินตัวนี้ ก็ลุกขึ้นมามีชีวิตดังเดิม แล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป ยังความตกตะลึงและหวาดกลัวกับเรื่องราวอันเร้นลับนี้เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกหาดแห่งนี้

บรรยากาศชิลๆยามเย็นครับ หาดทุ่งวัวแล่น เป็นชายหาดสีขาวนวลตา ทรายเม็ดละเอียดนุ่มเท้าทอดยาวไปจรดภูเขาหินปูนทางทิศใต้ น้ำทะเลที่นี่มีความตื้น ชายหาดลาดลงเพียงเล็กน้อย จึงเหมาะแก่การเล่นน้ำ และไม่อันตราย ถือเป็น meeting point หรือจุดเริ่มต้นการเดินทางของกลุ่มนักดำน้ำที่จะออกไปท่องเที่ยวเชิงนิเวศตามหมู่เกาะใกล้เคียงต่างๆในทะลชุมพร ซึ่งมีชัยภูมิที่เหมาะแก่การดำน้ำทั้งแบบน้ำลึกและแบบผิวน้ำเพื่อชมปะการังใต้น้ำ และไฮไลต์อีกอย่างก็คือ ทะเลชุมพรยังเป็นที่อาศัยของฉลามวาฬ ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลอีกด้วย บรรดารีสอร์ตและคาเฟ่หลายๆแห่งนิยมตั้งอยู่ใกล้หาดแห่งนี้ ถือเป็นชายหาดที่ค่อนข้าง popularของชุมพร แต่จำนวนของนักท่องเที่ยวไม่ค่อยแออัดนัก มีความสงบเงียบไม่พลุกพล่านเหมือนหาดที่มีชื่อเสียงอื่นๆในไทย เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของทะเลชุมพรอย่างแท้จริง ถ้าใครอยากเริ่มต้นเที่ยวในตัวเมืองปะทิว แนะนำให้มาเริ่มที่นี่ก่อน จะดีไม่น้อย