SIX SENSES YAO NOI
REAL-LIFE PICTURESQUE EXPERIENCE
ความเหนือระดับในการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติในรีสอร์ตที่มีทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดและมีระบบนิเวศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
สวัสดีครับ ผมเปียง ทิ้งท้ายปีนี้กับช่วง High Season ของทะเลใต้ ด้วยประสบการณ์สุดพิเศษของผมที่ Six Senses Yao Noi จากที่ได้ไปสัมผัสมาช่วงท้ายปี 2020 ครับ ท่ามกลางความกว้างใหญ่ของทะเลอันดามัน บนเกาะยาวน้อยที่ห่างจากท่าเรือภูเก็ตไปเพียง 30 นาที มีโรงแรมแห่งหนึ่งที่เป็นสถานที่ระดับ Dream Destination ของผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก Six Senses Yao Noi โรงแรม Ultra Luxury ระดับโลกที่ตั้งอยู่ในจุดที่มีทิวทัศน์ที่ดีที่สุดที่โรงแรมแห่งหนึ่งจะสามารถมีได้ครับ เส้นขอบฟ้าที่ถูกคั่นด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่วางเรียงรายกันอย่างไม่เป็นระเบียบ ตัดกับพระอาทิตย์ที่ค่อยๆเคลื่อนที่ขึ้นจากผิวน้ำช้าๆ เป็นภาพที่ประทับใจไม่รู้ลืมที่ผมยังจำได้ชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ สิ่งนี้เติมเต็มความรู้สึกพิเศษที่ยากจะหาสถานที่อื่นมาเทียบเคียงได้
Six Senses คือประสบการณ์และความรู้สึกทางใจที่แขกสัมผัสได้ครับ นอกเหนือจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่รับรู้ผ่าน ตา หู จมูก ลิ้น และ กาย กลายเป็นความทรงจำที่ดีติดตัวกลับไปหลังจากได้มาเยือน Six Senses Yao Noi แห่งนี้ ไม่ใช่ที่ไหนก็ได้ แต่ Six Sense เลือกตั้งโรงแรมบนเกาะยาวน้อยในสถานที่ที่มีความลงตัวที่สุดในทุกๆบริบท วิลล่าหรูขนาดต่างๆที่สร้างจากไม้เรียงรายไปตามเนินเขาในพื้นที่ของ Six Senses Yao Noi แทรกตัวกับป่าดิบชื้นและป่าโกงกางทั่วทั้งบริเวณ เสียงคลื่นและลมทะเลที่ลอยผ่านอากาศมาจากระยะใกล้ๆ และ ระบบนิเวศที่สมบูรณ์ครบถ้วน หากโชคดี ในตอนเช้า นกเงือก สัตว์ป่าหายากของไทยอาจจะบินมาเกาะที่หน้าต่างวิลล่าทักทายพวกเราด้วยครับ
3 วัน 2 คืนของผมเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่ามากๆครับ การพักอยู่ที่นี่ทำให้เราได้มองเห็นอีกแง่มุมหนึ่งของบริการโรงแรมที่มี service mind ดีมากๆ ทุก ๆ วิลล่าจะมี butler ประจำหลัง ใน Six Senses Yao Noi มีชื่อตำแหน่งว่า GEM หรือ Guest Experience Maker เป็นผู้ที่คอยดูแลแขกที่มาพักให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดระยะเวลาที่เข้าพักครับ หรืออีกความหมายหนึ่งคือ อัญมณีของรีสอร์ตนั่นเอง เป็นผู้คอยให้บริการแบบเต็มรูปแบบ 24 ชั่วโมงในทุก ๆ กิจกรรม ตั้งแต่การบริการทั่วไปในเรื่องที่พักและอาหารการกิน การให้คำแนะนำ การช่วยในการวางโปรแกรมต่างๆของโรงแรม จนไปถึงการช่วยเหลือใด ๆ ที่ผู้พักร้องขอ เป็นบริการที่น่าประทับใจมากครับสำหรับผม
ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่นี่ทำให้เราเห็นได้ชัดว่ารีสอร์ตแห่งนี้ไม่ใช่มีจุดเด่นเพียงแค่วิวทิวทัศน์เท่านั้น แต่ Six Senses Yao Noi ยังพร้อมไปด้วย Brand Story ที่มีเสน่ห์อย่างยิ่งในทุกๆแง่มุม ความงดงามเชิงสถาปัตยกรรม ระบบการบริการที่น่าประทับใจ และแนวคิดการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน นับเป็นจุดยืนที่เข้มแข็งและชัดเจนมากที่สุด เป็นความสมดุลและการอยู่ร่วมกันของธุรกิจโรงแรมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ไม่แปลกใจเลย ที่ Six Senses Yao Noi จะขึ้นแท่นหนึ่งในรีสอร์ตที่ดีและสวยงามที่สุดสำหรับผม
เรื่องราวฉบับเต็มต่อเนื่องมาจากวิดีโอของผมในคอนเทนต์ที่แล้ว ได้เรียบเรียงมาแบบครบถ้วนให้ทุกท่านที่นี่แล้วครับ ตามไปดูกันครับ ตั้งแต่เช็คอินที่ห้องจนขึ้นเรือกลับไปสนามบินภูเก็ต ผมได้ประสบการณ์อะไรจากที่นี่บ้าง เผื่อเป็นแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวของคุณทริปถัดไปในวันที่สถานการณ์การท่องเที่ยวที่เหมาะสมกลับมาอีกครั้งครับ
พร้อมแล้วไปกันครับ
เปียง
#SIXSENSESYAONOI #SIMPLYSIXSENSES #STAYCATIONINGWITHPYONG #PYONGDOCTOR
SIX SENSES YAO NOI
REAL-LIFE PICTURESQUE EXPERIENCE
ความเหนือระดับในการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติในรีสอร์ตที่มีทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดและมีระบบนิเวศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ทะเลอันดามัน คือสวรรค์แห่งท้องทะเลไทย คงเป็นคำกล่าวที่ไม่น่าจะเกินจริงไปนัก และถ้าจะกล่าวถึง ภูเก็ต-พังงา ในชื่อเสียงระดับโลกแล้ว ที่นี่คือปลายทางของการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในอันดับต้นๆแบบ definitely true
ในเดือนสุดท้ายของปี 2020 ที่เป็นสัญลักษณ์ของความสุขแบบนี้ ผมภูมิใจนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอส่งท้ายการ staycation ในทะเลภาคใต้ของไทย ภูเก็ต-พังงา ไปก่อนหน้านี้แล้ว และเพื่อ relate ไปกับคอนเทนต์วิดีโอ ผมจึงขอขยี้ให้แน่นเข้าไปอีก ตอกย้ำความเป็น paradise ของทะเลในแถบนี้แบบเติมเต็มกันให้ประทับใจใน photo album นี้ ต้อนรับปี 2021 ครับ
จุดหมายปลายทางของผมในทริปนี้ Six Senses Koh Yao Noi ครับ “เกาะยาวน้อย” ตั้งอยู่ในทะเลพังงา เป็นหนึ่งในสามของหมู่เกาะของอำเภอเกาะยาว นั่นก็คือ เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ และ เกาะพรุใน นับจำนวนได้มากมายถึง 44 เกาะด้วยกัน พื้นที่รวม 137 ตารางกิโลเมตร เกาะยาวน้อย หนึ่งในหมู่เกาะในทะเลฝั่งอันดามัน ที่จะว่า unseen ไหม ก็ไม่น่าจะพูดได้เต็มปากนัก เพราะจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนหรือแม้แต่จำนวนประชากรที่อาศัยอยู่บนเกาะยาวน้อยแห่งนี้มีมากถึง 5000 คน ก็อธิบายความไม่ธรรมดาของเกาะแห่งนี้ได้ นักท่องเที่ยวน่าจะรู้จักกันในแวดวงท่องเที่ยวมิใช่น้อยเลยทีเดียวครับ
เกาะยาวน้อย ตั้งอยู่ในเขตมรสุม รับลมทะเลทุกด้าน ทำให้มีลักษณะทางภูมิอากาศคล้ายๆภูเก็ตและพังงา กลางวันไม่ร้อนมาก มีลมทะเลพัดตลอดทั้งวัน มีฝนตกชุกตลอดปี การเดินทางจากแผ่นดินใหญ่ ทำได้โดยเดินทางจากท่าเรือทั้งในจังหวัดพังงา ภูเก็ต และกระบี่ ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือสปีดโบ้ท เพียงแค่ 30 นาที วันที่ผมออกเดินทางจากท่าเรืออ่าวปอด้วยสปีดโบ้ทของทางรีสอร์ต สายฝนก็ค่อยๆโปรยลงมาเบาๆ ถึงจะไม่มีแสงแดด แต่ก็เย็นสดชื่นดีครับ
ท่าเรืออ่าวปอ
ทางรีสอร์ตเปิดทริปด้วยการนำเสนอการท่องเที่ยวตั้งแต่บนเรือเลยครับ โดยได้จัดพนักงานขับเรือและพนักงานต้อนรับที่มีความชำนาญ มาคอยดูแลเราตลอดเส้นทาง มีการเล่า story และแนะนำจุดท่องเที่ยวที่เราผ่าน พนักงานเสิร์ฟ welcome drink ตั้งแต่บนเรือ เมื่อมาถึงจุดชมวิวกลางทะเลที่คลื่นสงบ พนักงานขับเรือ ก็ได้เชิญชวนให้ออกมายืนชมวิวและถ่ายรูปเก็บความประทับใจได้ แม้จะเป็นเวลาแค่ 30 นาทีเล็ก ๆ ในการข้ามมายังเกาะ ก็สามารถเปิดหัวทริปเราได้ดีไม่ใช่น้อยเลยครับ
Six Senses Yao Noi เป็นรีสอร์ตสไตล์ Rustic Luxury วิลล่า 56 หลัง 11 แบบ รอบรีสอร์ต ตั้งแต่ 154 ตารางเมตร ไปจนถึง 500 ตารางเมตร บนพื้นที่ 60 ไร่ บนเกาะยาวน้อย ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดภูเก็ตและพังงา โดยสามารถเห็นวิวทั้งอ่าวพังงา และ อ่าวกระบี่ได้ ทั้งหมด
Six Senses คือประสบการณ์และความรู้สึกทางใจที่แขกสัมผัสได้ นอกเหนือจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่รับรู้ผ่าน ตา หู จมูก ลิ้น และ กาย รวมเป็นประสาทสัมผัสทั้ง 6 เป็นความทรงจำที่ดีติดตัวกลับไปหลังจากได้มาเยือน Six Senses แห่งนี้ นอกจากนี้ในส่วนของโลโก้ของแบรนด์ มีแรงบันดาลใจมาจากรอยเจิมในงานมงคลต่างๆ เช่น งานแต่งงาน เจิม 3 จุด งานขึ้นบ้านใหม่หรือเปิดกิจการใหม่ เจิม 9 จุด ส่วน 6 จุดบนโลโก้นั้น สื่อถึงประสาทสัมผัสทั้ง 6 นั่นเอง
Six Senses เกาะยาวน้อย เป็น Ultra Luxury Hotel ระดับโลกแบบไม่มีอะไรกังขาเลยครับ เป็นโรงแรมที่ take วิวที่ดีที่สุดที่มองเห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่ของทะเลพังงา และ ทะเลกระบี่ได้แบบกว้างๆ 180 องศา สุดลูกหูลูกตา ห้องพักแบบวิลล่าส่วนตัวที่แทรกอยู่กับธรรมชาติบนเกาะอย่างลงตัว กับการบริการที่เป็นเลิศตลอด 24 ชั่วโมง ห้องอาหารและจุดชมวิวระดับ World Class ที่มาเติมเต็มการพักผ่อนของเราได้ special ที่สุด รวมไปถึงกิจกรรมที่ส่งเสริมการอยู่รวมกันกับชุมชนภายนอกอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยในรูปแบบการพึ่งพาตัวเอง ใส่ใจเรื่องการจัดการขยะ จัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้เกิดประโยชน์ ไม่ก่อมลพิษให้ชุมชน จัดตั้งโรงผลิตน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคจากแหล่งน้ำฝนที่เก็บกักไว้เพื่อผ่านกรรมวิธีออกมาเป็นน้ำดื่มน้ำใช้ภายในโรงแรมทั้งหมด แถมยังส่งต่อแนวคิดนี้สู่ชุมชนรอบข้างด้วย ตลอดจนการสร้างสรรค์กิจกรรมและโครงการที่สร้างขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้แขกที่เข้าพักได้มีโอกาสเรียนรู้การเกษตรอินทรีย์แบบที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ ถือเป็นงานด้าน Sustainability ที่มีความเข้มแข็งมากแห่งหนึ่งเท่าที่ผมเคยสัมผัสมา ปิดท้ายด้วยงานทางด้านการอนุรักษ์นกเงือก ที่ค่อนข้างลดจำนวนลงไปทุกที หากแต่ที่นี่ถือว่าเป็นจุดที่อุดมสมบูรณ์มากที่นกเงือกอาศัยอยู่ และทางรีสอร์ตก็ได้มีส่วนร่วมกับหน่วยงานด้านการอนุรักษ์นกเงือกอย่าง มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก เป็นพันธสัญญาในการดูแลและอนุรักษ์พันธุ์นกเงือกให้คงอยู่ตลอดไป
Six Senses Yao Noi สร้างขึ้นบนพื้นที่สวนยางพาราในอดีต ต้นยางพาราเป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทยและเกาะยาวน้อย เนื่องจากมีการกรีดน้ำยางเพื่อผลิตยางธรรมชาติและจำหน่าย สร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นจำนวนมาก ในการสร้างรีสอร์ตมีการเก็บต้นยางพาราจำนวนมากไว้ เพื่อสร้างร่มเงาจากแสงแดดและป้องกันการพังทลายของดิน นอกจากนี้ภูมิทัศน์และสวนป่ายังได้รับการดูแลด้วยปรัชญาในการสร้างพันธุ์ไม้เขตร้อนขึ้นมาใหม่เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา หากพื้นที่นั้นไม่ถูกแตะต้อง มีการปลูกพืชและไม้ผลในท้องถิ่นเพิ่มเพื่อเกื้อกูลชีวิตน้อยใหญ่ในป่า โดยเฉพาะนกเช่น นกเงือกซึ่งเป็นสัตว์ปีกที่มีความสำคัญบนเกาะ และสิ่งมีชีวิตในป่าอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเงินตัวทอง จิ้งเหลน เต่าตลับ ตุ๊กแก ค้างคาว ชะนี และ กบกินปู ก็จะเป็นการช่วยอนุรักษ์ผืนป่าให้คงรูปเดิมต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ที่นี่มีบริการ Check-in / Check-out แบบ in-villa ได้ทั้งหมด สะดวกสบาย โดยทางรีสอร์ตจะส่ง butler คอยดูแลเราตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหน้าที่นี้ ใน Six Senses Yao Noi เรียกว่า Guest Experience Maker เป็นผู้ที่คอยดูแลแขกที่มาพักให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีๆตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก หรืออีกความหมายหนึ่งคือ อัญมณีของรีสอร์ต ความหมายดีทีเดียวครับ
shirt / shorts : Leisure Projects
ห้องพักของผมเป็นแบบ Ocean View Pool Villa ครับ เป็นห้องที่ผมแฮปปี้มาก ๆ เพราะเราจะสามารถมองเห็นวิวทะเลจากบนที่นอนได้ ตัว villa ตั้งอยู่บนเนินเขา ทำเป็น 2 ชั้นด้วยกัน ชั้นบนเป็นห้องรับแขกที่มีโซฟา ลงบันไดมาด้านล่างจะเป็นส่วนพักอาศัยครับ ตกแต่งด้วยไม้ทั้งหมด เล่นกับโทนสี ส้ม เหลือง และน้ำตาล ให้ความรู้สึก tropical อบอุ่น และ สนุกไปพร้อม ๆ กัน
พื้นที่นั่งเล่นบนชั้น 2 ของวิลล่า มีขนาดใหญ่มาก สามารถชมวิวกว้างๆของอ่าวพังงาและอ่าวกระบี่ได้
ห้องน้ำมีแบบ indoor outdoor และ bathtub แยกส่วนกันไปชัดเจนทั้ง 3 โซนเลย บริเวณ bathtub จะสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ด้วยนะครับ
วิวเบื้องหน้านี้ ไม่ว่าผมหรือคุณ ถ้าได้ไปเห็นกับตาแล้ว จะยอมรับเลยว่า คำว่า ระดับโลก ก็ไม่น่าเกินจริงล่ะครับ ที่นี่คือ The Hilltop Reserve จุดชมวิว ห้องอาหาร และบาร์ ที่น่าตะลึง ตรงนี้มีภาพที่สวยตั้งแต่เช้ายันดึก ภาพและสีที่ปรากฏต่อสายตาเรา เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวัน สวยมากครับ
นอกจากวิวที่ว่าไปแล้ว สระว่ายน้ำหลักของที่นี่ก็มีส่วนทำให้ที่ตรงนี้มีความน่าตะลึงอยู่ไม่น้อยประกอบกันไป เส้นขอบฟ้า และ ขอบของผิวน้ำจากสระ ไล่ชั้นกันอย่างสวยงามเมื่อกระทบแสงอาทิตย์ instagramable สุด ๆ ไปเลยครับ
The Hilltop Reserve เป็นห้องอาหารแบบ all-day dining ตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึง สี่ทุ่ม แบ่งเป็นส่วนของ dining area และ บาร์เครื่องดื่ม โดยทั้งหมด หันหน้าเข้าวิวทะเลครับ
ห้องอาหารที่นี่เริ่มกันแต่เช้า breakfast สามารถเรียก buggy เพื่อนำเรามาส่งที่นี่ หรือขอให้เสิร์ฟแบบ in-villa ก็ได้ครับ โดยอาหารจะเป็นทั้งแบบ ไทย และ ตะวันตก สามารถให้พนักงานแนะนำได้ทุกเมนูครับ
T-shirt : Leisure Projects
อาหารเช้า ขนมอบ และน้ำผลไม้สกัดเย็นของที่นี่เชฟครีเอทมาอย่างดีครับ แยมทาขนมปังก็ทำจากผลไม้ท้องถิ่น รวมถึงน้ำผลไม้ต่าง ๆ ด้วยครับ
หากต้องการความไพรเวทในมื้อ dinner บน Hilltop ก็รีเควสต์พื้นที่หน้าบาร์เครื่องดื่มนั่งทานข้าวได้ครับ นั่งกับ bean bag แบบชิลๆ ไม่ต้อง formal มาก ก็ช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินได้เป็นอย่างดีครับ
เครื่องดื่มก็ถูกคิดมาอย่างดีแล้วว่าต้องดื่มคู่กับเมนูอาหารให้ได้เข้ากัน ตัดเลี่ยนได้ เบรคเผ็ดได้ อย่างเครื่องดื่มที่ผมได้ลอง Ginger Smack มีความเผ็ดซ่าของ ginger เป็นหลัก ผสมกับความเปรี้ยวอมหวานของน้ำผลไม้ ส่วน Aperol Spritz ก็คือเครื่องดื่มที่ชูกลิ่นของเหล้า Aperol บวกกับโซดาและส้ม Yuzu ให้ความสดชื่น นั่งดื่มด่ำบรรยากาศเคล้าแสง dim ของไฟหน้าบาร์ เพิ่มความสนุกให้กับค่ำคืนได้มากครับ
อาหารเริ่มเสิร์ฟแล้ว ล้างปากเรียกน้ำย่อยด้วยน้ำกะทิในรสชาติที่ผมเองก็ทึ่งไม่น้อย on top ด้วย เนื้อมะพร้าวเผาพอเกรียมให้ได้กลิ่นหอมนิด ๆ ครับ
ฟิวชั่นที่ทยอยเสิร์ฟนี้มีทั้ง ต้มยำ on the rock มีเกลือตกแต่งแบบ on rim ได้ความเค็มของเกลือ รวมกับความเปรี้ยวหวานของ cocktail ที่ดื่ม เพิ่มรสชาติให้เมนูนี้ ทานกับคานาเป้ พล่าปลาทูน่า (ลาบดิบ) Feta Cheese และ Parma ham และอีกเมนู คือ Asparagus Soup (ซุปครีมหน่อไม้ฝรั่ง) เมนูนี้ดื่ม Ginger Smack ตัดความเลี่ยนของครีม ปิดท้ายด้วย Chocolate Lava เป็นเมนูขนมหวานครับ
สวัสดีตอนเช้า ของอีกวันครับ ทางรีสอร์ตได้นำเสนอกิจกรรมสำหรับผู้ที่มาเข้าพักในรูปแบบของ Cultural Tour ประสบการณ์ที่อาจจะดูไม่ได้หวือหวา แต่สำหรับผม มันพิเศษมากๆกับการนั่งตุ๊กตุ๊กแบบในกรุงเทพฯ ชมวิถีชาวบ้าน และรับลมทะเลรอบ ๆ เกาะยาวน้อย
อย่างที่ผมกล่าวไปตอนแรกแล้วว่า เกาะยาวน้อย มีพื้นที่ขนาดใหญ่และมีคนอาศัยอยู่มากกว่า 5000 คน ดังนั้น การที่เราได้นั่งรถสัมผัสธรรมชาติและวิถีชุมชนรอบเกาะ จึงค่อนข้างใช้เวลานานมาก ต้องผ่านชุมชนหลายชุมชน ชายหาด อ่าว แหล่งทำประมง พื้นที่เกษตร ป่าชุมชน ตลาด ร้านค้าชุมชน วัด มัสยิด และจุดชมวิวต่าง ๆ
ตลอดสองข้างทาง เราจะผ่านสวนยางและสวนมะพร้าว ไปเรื่อยๆ สังเกตว่าถ้าไม่ใช่ที่นา หรือสวนอย่างใดอย่างหนึ่งเฉพาะแล้ว ก็เป็นสวนสมรมแบบทางภาคใต้ทั่วไปครับ
ผมได้มีโอกาสแวะชมแหล่งทำการประมงขนาดใหญ่ของที่นี่ สังเกตจากเรือประมงของชาวบ้านสิครับ ที่นี่เป็นแหล่งจับปลา ส่งออกไปยังตัวเมืองพังงาได้มาก เช่น กุ้งมังกร ปลากะพง ปลาเก๋า และ ปลาบาราคูด้า
ไม่ไกลกันนักเป็นจุดชมวิวที่กว้างมาก สงบเงียบมาก จนต้องขอแวะครับ ป่าทรายบีช คือจุดชมวิวที่สวยอันดับต้น ๆ ของชุมชนเกาะยาวน้อยครับ
จุดชมวิวสะพานยาว หากเรานำโดรนขึ้นไปบิน ช่วงเวลาที่น้ำลด เราจะเห็นผืนดินที่โผล่กลางทะเล เป็นรูปสันหลังมังกรครับ ตรงนี้เดินไปกลับไกลมากกว่าจะมาถึงปลายสุดของสะพาน แต่วิวที่ได้เห็น ยอมแลกกับความเหนื่อยแล้วคุ้มครับ
จบไป 1 ทริปในช่วงกลางวันครับ
ขอพาทุกคนกลับมาที่ Earth Lab ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณเดียวกับ The Main House และ Library ของ Six Senses ครับ เป็นอีกที่ที่เราจะมาทำกิจกรรมกันต่อครับ
ที่นี่ถือเป็น common room ส่วนกลางของรีสอร์ตก็ว่าได้ครับ ทุกคนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ส่วนนี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยให้บริการห้องสมุด พื้นที่นั่งพักผ่อน ห้องทำงาน มีบริการ internet ฟรี
Shirt / Pants : Leisure Projects
Earth Lab กิจกรรมเพื่อการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน
พูดกันให้สั้นๆเข้าใจง่ายๆก็คือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทาง Six Senses ตั้งขึ้นมาภายใต้ umbrella ของ Sustainability Management Department สำหรับทำกิจกรรมในหลากหลายรูปแบบ เป็น Customize ตามความชอบของแขกที่เชิญชวนให้เลือกทำตามโปรแกรมที่แนะนำไว้ โดยจัดสตาฟคอยให้ความรู้และพาเราทำกิจกรรมตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด อาทิ การทำเกษตรอินทรีย์ , Zero Waste Lifestyle , Sustainable Living , การทำน้ำหมักจำพวก Apple Vinegar และ กอมบูชา , workshop การลดการใช้พลาสติกด้วยการเรียนรู้การทำ B-wax , คอร์สวาดภาพ เพ้นต์ผ้าบาติก รวมไปถึงกิจกรรมทางด้านสุขภาพ ซึ่งจัดได้ว่ามีความหลากหลายน่าลองมาก อีกทั้ง Earth Lab ยังเป็นหัวแรงใหญ่ในการดูแล ศูนย์จัดการขยะ ที่เรียกว่า Eco Centro ได้รับการพัฒนาโดยใช้เทคนิคในการรีไซเคิลขยะ เพื่อจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ชุมชนท้องถิ่นมีบทบาทในการได้รับการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมด้วย
ในส่วนของการจัดการขยะ Six Senses มุ่งเน้นวิธีลดขยะที่เกิดขึ้นและกำจัดอย่างจริงจัง รบกวนสิ่งแวดล้อมภายนอกให้น้อยที่สุด Supplier ต่างๆที่เข้ามาส่งของกับทางรีสอร์ต ได้รับคำสั่งให้ลดบรรจุภัณฑ์เมื่อส่งมอบ (ใช้ให้น้อยชิ้นที่สุด) เน้นการใช้วัสดุสิ้นเปลือง กระดาษพิมพ์มีฉลาก Eco หรือรีไซเคิล และนำกลับมาใช้ใหม่ reuse กระดาษเอกสารที่พิมพ์แล้วที่ด้านหลังยังไม่ใช้ ลดการใช้ถุงดำให้มากที่สุด แต่ใช้ถังขยะแบบหมุนเวียนแทน หรือใช้ถุงผ้าแบบซักได้ รวมไปถึงลดการตัดต้นไม้ และปลูกเพิ่ม แบตเตอรี่แบบชาร์จไฟยังใช้เพื่อลดมลพิษจากการเผาไหม้ได้อีกด้วย ใส่ใจทุกจุดที่เป็นดีเทลเล็กๆจริงๆครับ ในห้องพักจะสังเกตได้ว่าเราจะไม่พบพลาสติกเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทุกอย่างทำจากวัสดุที่มาจากธรรมชาติ สามารถย่อยสลายได้ด้วยตัวเอง
กิจกรรมที่เพลินมากๆ คือการได้ลองทำ กอมบูชาครับ Kombucha กอมบูชา (กัมบูชา,กอมบูฉะ) คือ ชาหมักที่เป็น trend ที่กำลังได้รับความสนใจเรื่อยๆในระยะหลังนี้ ตัวน้ำหมักที่ได้ สามารถนำไปเป็นน้ำหมักตั้งต้นในการผสมกับน้ำผลไม้ หรือชาชนิดต่างๆที่เราชอบ เป็นชาหมักที่ให้โปรไบโอตินสูง มีประโยชน์ต่อลำไส้ จากตัวตั้งต้นที่เรียกว่าหัวเชื้อ Scoby ที่ถือว่าเป็น Symbiotic Culture of Bacteria and Yeast ภูมิปัญญานี้มีมากว่า 2000 กว่าปีแล้ว แต่ประเทศไทยเราเพิ่งจะเริ่มนิยม 2-3 ปีนี้เอง เป็น workshop ที่นำเสนอโดย Earth Lab ให้แขกได้ลองทำกิจกรรมนี้ ได้ความรู้ สามารถนำเอาไปทำเองที่บ้าน และได้ดื่มน้ำชาหมักฝีมือของตัวเองด้วย ขอบคุณ คุณพิม Sustainability Manager ที่ให้การต้อนรับและให้ความรู้อย่างละเอียดครับ
เป็นครั้งแรกของผม กับ กอมบูชาครับ ส่วนตัวชอบมากครับ มีสัมผัสคล้าย cider เปรี้ยวหวานอร่อย สดชื่นทันทีหลังดื่ม
ที่นี่มีกิจกรรมนำเสนอหลากหลายตามความถนัดและความชอบของเราครับ การเพ้นต์ผ้าบาติก ก็เป็นอีกกิจกรรมหากใครสนใจ เมื่อเพ้นต์เสร็จแล้ว ทางรีสอร์ตจะนำไปซักแห้งให้เรียบร้อย และจัดส่งให้เราทางไปรษณีย์ถึงบ้านเลยครับ เป็นไอเดียที่น่ารักมากเลย
นั่ง buggy จาก Earth Lab ลงมาด้านล่างแค่นิดหน่อย เราก็จะมาเจอพื้นที่คล้ายๆกับฟาร์มเกษตรเล็กๆครับ ตรงนี้ ผมขอให้ข้อมูลที่น่าชื่นชมของ Six Senses ในฐานะผู้ที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากนั่นคือ แนวคิด Sustainable Living หรือ Sustainability Management ซึ่งในวันที่ผมไปเยี่ยมชมโปรเจกต์ มีคุณยุ Executive Assistant และ คุณ พิม Sustainability Manager พาทัวร์ครับ
การผลิตและใช้พลังงานมักจะสร้างมลภาวะและเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดของภาวะโลกร้อน Six Senses ยึดมั่นในความยั่งยืนและพันธะผูกพันต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนเสมอตามปรัชญาของกลุ่ม Six Senses โดยให้คำมั่นที่จะดูแลระบบนิเวศและ carbon footprint จากกิจกรรมต่างๆของรีสอร์ตเช่น ที่พัก การรับประทานอาหาร ทัศนศึกษา สปา กีฬา และ กิจกรรมทางน้ำ ที่อาจมีส่วนก่อให้เกิดการใช้พลังงานทั้งที่ไม่จำเป็นหรืออาจเกินความจำเป็นไป ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบอย่างช้าๆ จึงมีการดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อลดการใช้พลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียน การใช้พลังงานทดแทน ป้องกันการใช้พลังงานในปริมาณที่ไม่จำเป็น โดยยึดโยงกับภาระหน้าที่ของ Sustainability Management Department หน่วยงานทางด้าน Sustainability จึงเกิดขึ้นมาอย่างน่าภูมิใจมากสำหรับ Six Senses Yao Noi ที่มีบทบาทในการดูแลสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกรีสอร์ต โดยไม่ผลักภาระไปสู่ชุมชน งานด้านสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบตั้งแต่การจัดการขยะ การบริหารจัดการน้ำ การจัดสรรพื้นที่เป็นผืนป่าสีเขียวในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติ เช่น ป่าโกงกาง พื้นที่อาศัยของนกเงือก และ ทรัพยากรทางทะเล ตลอดจนการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ปลุกจิตสำนึกต่อการเห็นค่าของทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด
ฟาร์มไก่ไข่นี้ เป็นอีกสถานที่หนึ่งในส่วนของกิจกรรมทัวร์ภายใน Six Senses เป็นอีกไอเดียที่สร้างสรรค์ขึ้นมาที่นอกจากจะทำให้ Leisure Time ของแขกที่เข้ามาพักได้เติมเต็มให้มีความสุขตลอดเวลาที่เข้าพักแล้วนั้น ยังส่งต่อแนวคิดในการไม่เบียดเบียนธรรมชาติโดยรอบด้วยการพึ่งพาสารเคมี หรือการนำเข้าสิ่งของที่ไม่จำเป็นที่อาจก่อมลภาวะ ฟาร์มไก่จึงเป็นตัวแทนในการบอกผู้คนทั่วไปได้ว่า การพึ่งพาตนเอง การใช้ผลิตภัณฑ์อินทรีย์เพื่อการบริโภค เป็นทฤษฎีทางเลือกที่ปลอดภัย สะอาด คุ้มค่า และไม่ทำร้ายธรรมชาติ
ไอเดียน่ารักๆแทรกอยู่เสมอ ณ ที่แห่งนี้ เราสามารถนำตะกร้าสานจากในห้องพักโรงแรมมาเก็บไข่ไก่เองสด ๆ จากในฟาร์มแห่งนี้เพื่อนำกลับบ้านหรือให้ทางครัวปรุงออกมาเป็นเมนูไข่ที่เราอยากรับประทานได้เลยครับ
ไก่ ก็มี story นะครับ จากป้ายด้านหน้าของโรงเลี้ยง จะเขียนไว้ว่า Chicken can dream นั่นหมายความว่า ไก่ก็เหมือนเรานี่แหละ หลับได้ ก็ฝันได้เหมือนคน ไก่ดูมีความสุขมากในการเลี้ยงแบบเปิด ที่เซอร์ไพรส์มากก็คือ ที่นี่เปิดเพลงแจ๊สให้ไก่ฟังด้วยนะครับ เขาเชื่อว่าจะทำให้ไก่อารมณ์ดี แล้วส่งผลต่อไข่ไก่ที่มีคุณภาพดีครับ ในโรงเลี้ยงไก่จึงเปิดเพลงคลอเบาๆเพื่อให้ไก่ได้สัมผัสเสียงเหล่านี้ ซึ่งผมจะค่อยๆเล่าถึงเรื่อง Music Therapy ของที่นี่ให้ฟังต่อไปครับ
จะมีซักกี่ครั้งที่เราตื่นมาตอนเช้าแล้วเก็บไข่ไก่จากฟาร์ม แล้วนำไปประกอบอาหารต่อเอง ที่นี่เปิดโอกาสให้เราได้ทำกิจกรรมนี้ครับ
โรงเลี้ยงแพะ เปิดให้แขกได้เยี่ยมชมและให้อาหารเล็กๆน้อยๆแก่แพะด้วยครับ น้ำนมที่ได้จากแพะ ทางรีสอร์ตก็นำไปใช้ประโยชน์ต่อครับ
ปริมาณการใช้น้ำบนเกาะยาวน้อยค่อนข้างมีความน่ากังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะมีปริมาณฝนตกต่อปีค่อนข้างสูง หากเมื่อเทียบกับการใช้น้ำ ก็ยังถือว่าน่าเป็นห่วงอยู่ นอกจากนี้ น้ำเสียเป็นปัญหาที่อาจก่อให้เกิดมลพิษโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล Six Senses Yao Noi จัดการกับความท้าทายเหล่านี้ด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำที่ใช้อุปโภค บริโภค ผ่านการจัดตั้ง Water Bar โรงผลิตน้ำดื่มน้ำใช้เองอย่างจริงจังมากว่า 13 ปีแล้วตั้งแต่โรงแรมเปิด เนื่องจากสมัยแรกๆ การคมนาคมขนส่งจากชายฝั่งเข้ามายังเกาะค่อนข้างลำบาก จึงได้ทำน้ำดื่มเองจากการกักน้ำฝน ครึ่งหนึ่งให้บริการฟรี เป็น complimentary สำหรับแขกที่เข้าพักในวิลล่า อีก 50% ที่เหลือจะถูก charge เมื่อใช้บริการในส่วนของห้องอาหาร มื้อ Lunch และ Dinner โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งจัดตั้งโครงการ Clean Water Fund ติดตั้งโรงผลิตน้ำดื่ม รวมถึง know-how ทั้งหมดให้แก่ชุมชนที่เข้าไม่ถึงการผลิตน้ำดื่มโดยรอบเกาะยาวน้อย โรงเรียนทุกโรงบนเกาะยาวน้อย โรงพยาบาลตะกั่วป่า โรงพยาบาลเกาะยาวชัยพัฒน์ และเมื่อก่อนยังเคยถูกส่งต่อ know-how นี้ไปไกลถึงประเทศใกล้เคียงอย่างกัมพูชาด้วย ซึ่งตัวเลขของชาวบ้านที่ได้รับ impact จากโปรเจกต์นี้มีกว่า 1 แสนคน และ 32 ชุมชนแล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก
น้ำดื่มที่ผลิตได้ ถูกผลิตออกมาเป็น 2 แบบคือ Still Water และ Sparkling Water รสชาติน้ำที่ใช้ในโรงแรมโอเคเลยครับ มีความเบา เฝื่อนเล็ก ๆ ในทางที่ดี ทางโรงแรมเล่าว่าใช้กระบวนการแบบ reverse osmosis ฆ่าเชื้อด้วยแสงอาทิตย์ และมีการเติมแร่ธาตุด้วยการให้น้ำไหลผ่าน alkaline stone เพิ่มรสให้น้ำด้วย ไม่แตกต่างจากน้ำดื่มทั่วไปในร้านสะดวกซื้อ เพราะทางโรงแรมควบคุมคุณภาพได้เอง นี่เป็นหนึ่งตัวอย่างในการพึ่งพาตนเอง ลดจำนวนขยะแบบครบวงจรและอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างมีความสุข
นอกจากนี้ น้ำที่ใช้ในการอุปโภค หรือน้ำที่ใช้ในรีสอร์ตและวิลล่าทุกหลัง Six Senses Yao Noi สามารถผลิตน้ำประปาใช้เองโดยการเก็บน้ำฝนไว้ในบ่อพัก รวมไปถึงบ่อบาดาลที่นำน้ำขึ้นมาผ่านกระบวนการทำน้ำประปาแบบบริสุทธิ์ ทุกคนที่มาพัก ไว้ใจในความสะอาดและปลอดภัยได้ และในปี 2020 นี้เอง Six Senses Yao Noi ได้รับรางวัล HICAP 2020 Sustainable Awards ในฐานะที่ Clean Water Project เป็นโครงการที่มี impact ต่อชุมชนอย่างมาก มีระบบน้ำดื่มน้ำใช้ที่คนมากกว่าแสนคนได้รับประโยชน์จากโครงการที่ส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมนี้
การได้เข้ามาอยู่ในโลกของ Six Senses แน่นอน เวลาของคุณจะถูกทำให้ช้าลงไปปริยาย Six Senses Yao Noi ได้จัด complimentary ที่เป็น Resort Activity ในรูปแบบหลากหลาย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เรียก buggy เพียงไม่กี่นาที เราก็ถูกพาตัวลงมายัง Water Sport Beach ด้านหน้าโรงแรมแถว Six Senses Pier แล้วครับ
ตัว cottage นี้เป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมทางน้ำทั้งหมด แต่ในส่วนของ boxing ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19นี้ ทางรีสอร์ตได้งดการให้บริการชั่วคราวครับ
Stand up paddle board ฝึกการทรงตัว เล่นไม่ยากครับ ผมทำได้ ทุกคนก็ทำได้ เล่นเพลิน ๆ ไปโผล่กลางทะเล ห่างจากฝั่งเยอะเลยครับ
Sailing ก็เป็นอีก water sport ที่ผมชอบนะครับ แต่เสียดายที่วันนั้นลมสงบมากครับ แล่นไม่ไปเท่าไหร่ ต้องพากลับเข้าฝั่งดีกว่า
จริงๆแล้วทางรีสอร์ตมีกิจกรรมหลายอย่างเลยครับ เช่น ชกมวย โยคะ บาร์บีคิว รวมไปถึง Cinema Paradiso โรงหนังกลางแปลงบริเวณชายหาดด้วย หากไปพักผ่อนกัน อาจจะเช็คดูดีๆก่อนว่ากิจกรรมใดสามารถจัดได้บ้างในช่วงเวลาดังกล่าว ทาง GEM จะได้จัดให้เหมาะสมกับความต้องการของเราครับ
Hornbill’s home กิจกรรมตามหานกเงือก
Six Senses Yao Noi อุดมไปด้วยผืนป่า ทะเล ภูเขาที่สมบูรณ์มาก โดยอีกด้านหนึ่งของรีสอร์ต บริเวณหาดไหมไทย จะมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ชื่อว่า Mangroove Forest Walkway ที่เป็นพื้นที่ป่าโกงกางขนาดใหญ่ จัดเป็นหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ธรรมชาติ ระหว่างทาง เราจะเดินผ่านป่าโกงกางไปเรื่อยๆ มีต้นไม้ดอกไม้ชนิดต่างๆพร้อมป้ายอธิบายพันธุ์พืชเหล่านี้ เสริมความรู้ไปตลอดทาง เส้นทางนี้เหมาะกับการเดิน trail ในยามเช้าอย่างมาก เพราะสภาพพื้นที่เอื้ออำนวยไปหมด ทั้งป่าไม้ เส้นทางเดินแบบแนวราบและแนวชัน รวมไปถึงจุดชมวิวที่สวยงามมากจุดหนึ่ง เติมเต็มความสุขยามเช้าของเราได้ดีเลย
ในบริเวณภายในรีสอร์ตกินอาณาบริเวณกว้างที่เป็นพื้นที่สีเขียว ทะเล และภูเขา เป็นแหล่งอาศัยของนกเงือก สัตว์ป่าสายพันธุ์หายากของไทยอย่าง นกเงือก Oriental Pied ถือเป็นสัตว์ป่าที่โดดเด่นที่สุดบนเกาะ และเป็นสายพันธุ์ที่กำลังลดน้อยลงเป็นจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่ Six Senses Yao Noi นี้ เป็นสถานที่ที่พบเห็นได้บ่อย เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ของผลไม้ซึ่งเป็นอาหารหลักของนกเงือก ธรรมชาติของนกเงือกนั้น ในฤดูผสมพันธุ์ ตัวผู้จะเป็นฝ่ายหาโพรงไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติให้ตัวเมียไว้ใช้ตอนฟักไข่และเลี้ยงลูกนกจนโตพร้อมที่จะบิน ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน แต่ในปัจจุบันโพรงไม้ตามธรรมชาติเกิดยากและหายากขึ้น เนื่องจากต้นไม้ใหญ่ถูกทำลายไป ทางโรงแรมจึงได้ทำงานร่วมกับ มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก มหาวิทยาลัยมหิดล ในการสร้างโพรงเทียมขึ้นไปติดบนต้นไม้ให้นกเงือกได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ ช่วยเพิ่มประชากรนกเงือก นอกจากนี้ ยังได้ทำงานร่วมกับชุมชนในการนำโพรงไปติดตามจุดต่าง ๆ รอบเกาะ ที่เป็นจุดที่ปลอดภัยและเหมาะสมต่อนกเงือก เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล รวมไปถึงบ้านเรือนของชาวบ้านที่เข้ามามีบทบาทร่วมในการอนุรักษ์นกเงือก ซึ่งตามข้อมูล ณ ปัจจุบัน ได้ทำการติดตั้งไปแล้วกว่า 15 โพรง มีลูกนกเงือกที่เกิดจากโพรงเทียมมากกว่า 50 ตัวภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น ถือเป็นเรื่องน่ายินดีมาก เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ทางรีสอร์ตกำลังช่วยให้พวกเขาเหล่านกเงือกนี้ อยู่รอดได้อย่างสุดความสามารถ
นกเงือก เป็นสัตว์ปีกโบราณอายุมากกว่า 50-60 ล้านปี โดยนกเงือกที่พบและอาศัยอยู่ในประเทศไทย มีอยู่ 13 สายพันธุ์ โดยป่าดงดิบ ป่าดิบชื้น ทางภาคใต้ของไทยจะเป็นถิ่นอาศัยของบรรดานกเงือกเป็นอย่างดี นกเงือกเป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของการมีรักเดียวใจเดียว จนถูกตั้งให้เป็นตัวแทนแห่งความรัก อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่มีส่วนช่วยให้ระบบนิเวศสมบูรณ์และช่วยปลูกป่า เพราะนกเงือกจะคาบผลไม้หรือเมล็ดผลไม้จากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งซึ่งมีระยะห่างกันมากพอสมควร เมื่อกินแล้วขับถ่ายออกมาแล้วได้รับความชุ่มชื้นในฤดูฝน เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก็จะงอกงามเกิดขึ้นเป็นต้นไม้ในป่าในที่สุด
ขอบพระคุณภาพจากพนักงานที่โรงแรมครับ ที่แบ่งปันภาพมาให้ชมกัน ทริปนี้ที่ทาง GEM คุณอุ๋ย พามาตามหานกเงือก ผมมีโอกาสได้ยินแต่เสียงนกเงือกร้องไกลๆเท่านั้นเอง ไม่ได้เจอตัวจริง แต่โดยปกติแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรครับ ที่จะเจอน้องๆได้ตามต้นไม้ในรีสอร์ต
พื้นที่ด้านบนเนินเขา จะเป็นส่วนของลานกิจกรรมขนาดใหญ่ที่ในช่วงเวลาปกติจะใช้ในการจัดกิจกรรมประเภทโยคะและการนั่งสมาธิ ด้านบนนี้บรรยากาศดีมาก และยังมีวิวสวยมากๆอย่างที่ผมบอกไว้เลยครับว่า โรงแรมนี้ take วิวที่เป็นที่สุดไว้หลายมุมเลยครับ
ใช้แรงกันไปกับกิจกรรมหลากหลายรูปแบบเกือบทั้งวัน ปิดท้ายด้วยการผ่อนคลายที่สปา ก็เป็นไอเดียที่ดีครับ Six Senses Spa เป็นที่รู้จักกันในฐานะสุดยอดสปาของโลกอยู่แล้วครับ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้มาสัมผัสของจริงกัน
ไม่ใช่แค่ถามประวัติ แต่ยังมี consultant ที่ให้บริการด้วยครับ มีการวัด vital signs ต่างๆ ก่อนเริ่มคอร์สกัน นอกจากนี้ ยังมีการวัดเครื่อง BIA เพื่อประเมินน้ำหนักกล้ามเนื้อ ไขมัน ฯลฯ ที่อยู่ในร่างกาย น้อยครั้งที่ผมจะได้ทำอะไรพวกนี้ก่อนทำสปา
สปาของที่นี่จะเป็น tailor-made ครับ กล่าวคือ จะเป็นการโฟกัสที่ปัญหาของผู้รับบริการ ว่าต้องการให้ช่วยเรื่องไหน สำหรับผม เป็นคนที่อยู่หน้าคอมฯบ่อย แต่ก็ออกกำลังกายในยิมบ่อยด้วย จึงมีอาการตึงตัวของกล้ามเนื้อไปทั่ว จึงเลือกแบบ deep tissue massage ที่จะช่วยในเรื่องการคลายพังผืดกล้ามเนื้อด้วย
เทคนิคพิเศษของ Six Senses คือการใช้เสียงเช่นเดิมครับ บาตรสีทองที่นำมาหมุนรอบศีรษะตอนนวด คือ บาตรธิเบต หรือ Tibetian Singing Bowl เป็นการบำบัดด้วยคลื่นเสียงและแรงสั่นสะเทือน ตามวิถีของ Six Senses ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเสียงในทุกๆส่วนของรีสอร์ต ตามที่ผมได้กล่าวแทรกมาเรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องเสียง หากได้เข้าพักในรีสอร์ต ถ้าสังเกตดี ๆ เราจะได้ยินเสียงเพลงอยู่ทุกชั่วขณะ ทางโรงแรมเล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้เสียงในการบำบัดและฟื้นฟู Heart & Soul มาก ในวิลล่าที่เราพักเองจะมี playlists ของ Six Senses เป็น Collection ในแบบตัวเอง เปิดเพลงตามจุดต่างๆของต้นไม้ ฟาร์มไก่ ฟาร์มเป็ด ฟาร์มแพะ สปา ยิม หรือแม้แต่ในโรงทำน้ำดื่มก็ด้วย
มีการศึกษาวิจัยถึงผลดีของเสียงเพลงต่ออารมณ์และสภาพจิตใจออกมาจำนวนมากครับ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ เสียงมีผลกับโมเลกุลของน้ำด้วยนะ ในเชิงวิทยาศาสตร์ เป็นประเด็นที่น่าศึกษาต่อว่า มันส่งผลต่อน้ำในร่างกายเราอย่างไร นั่นเป็นไอเดียหนึ่งที่ Six Senses ใช้เพลงในการทำให้แขกผ่อนคลายครับ
ให้ความรู้สึกเหมือนโดนสะกดจิตนิดๆครับ หัวโล่งไปเลยสักพักหลังได้ยินเสียงของบาตร บวกรวมกับกลิ่นของถ่านหินที่วางเป็นรูปโลโก้ Six Senses และถูกเผาให้กลิ่นออกมาบำบัด เป็นอะไรที่ผมประหลาดใจมาก สมกับ concept ประสาทสัมผัสทั้ง 6 อย่างดีเยี่ยมครับ
3 วัน 2 คืนผ่านไปอย่างรวดเร็วที่ Six Senses Yao Noi แต่เป็นเวลาที่มีความสุขและคุ้มค่ามากๆ กับประสบการณ์พิเศษต่างๆที่เราได้เจอ ผมเช็คเอาท์ใน villa ครับ หลังจากนั้น ทางโรงแรมก็ได้มารับไปที่ท่าเรือต่อ เพื่อรอส่งพวกเราที่นั่น พนักงานยืนส่งพวกเราที่ท่าเรือ พร้อมโบกมือลาจนเรือลับสายตาเป็นภาพที่น่ารักมาก ๆ
ขณะที่กำลังเดินทางไปสนามบินภูเก็ตนั้น ผมคิดว่าผมเจอใครบางคนมาส่งพวกผมล่ะ
ใช่แล้วครับ “ฉลามวาฬ” น้องมาวนรอบๆเรือสักพักแล้วว่ายจากไป ทุกคนบนเรือประทับใจครับ เป็นทริปที่พวกเราโชคดีมากจริงๆกับการได้เจอปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งมหาสมุทรที่นักดำน้ำต่างก็ว่าหาเจอยากนั่นเองครับ
ฉลามวาฬ เป็นปลาขนาดใหญ่ อยู่ในวงศ์ Rhincodontidae ในอันดับ Orectolobiformes หรือกลุ่ม Carpet Shark ตัวโตเต็มที่มากกว่า 10 เมตร เป็นปลาที่มีอายุยืนมากถึง 80 ปี โดยกว่าที่ตัวผู้จะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ก็มีอายุมากถึง 17 ปี สามารถพบฉลามวาฬได้ในทะเลเขตร้อนทั่วโลก ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกประมาณ 75% และ 25% ในมหาสมุทรแอตแลนติก หากแต่ปัจจุบัน มีการลดลงของจำนวนฉลามวาฬไปเรื่อยๆ ฉลามวาฬถูกคุกคามรอบด้าน ด้วยการล่าเอาชิ้นส่วนเพื่อทำประโยชน์จากกลุ่มที่มีความเชื่อเฉพาะกลุ่ม เราจึงได้ยินข่าวการเสียชีวิต การพบซาก หรือการขายชิ้นส่วนฉลามวาฬกันอย่างต่อเนื่อง ฉลามวาฬจึงถูกจัดเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และได้รับการคุ้มครองทั้งโดยกฎหมายภายในประเทศ ทั้งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และพระราชกำหนดการประมง ที่กำหนดให้ฉลามวาฬเป็น “สัตว์ห้ามจับหรือนำขึ้นเรือ” ปัจจุบันจึงมีการร่วมมือจากหลายกลุ่มหลายฝ่ายเพื่อผลักดันให้การอนุรักษ์และคุ้มครองเป็นไปอย่างมีรูปธรรมและยั่งยืน เพื่อให้ฉลามวาฬยังคงอยู่คู่ทะเลไทยต่อไป
ประสบการณ์ต่างๆที่นี่ทำให้เราเห็นได้ชัดว่ารีสอร์ตแห่งนี้ไม่ใช่มีจุดเด่นเพียงแค่วิวทิวทัศน์เท่านั้น แต่ Six Senses Yao Noi ยังพร้อมไปด้วย Brand Story ที่มีเสน่ห์อย่างยิ่งในทุกๆแง่มุม ความงดงามเชิงสถาปัตยกรรม ระบบการบริการที่น่าประทับใจ และแนวคิดการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน นับเป็นจุดยืนที่เข้มแข็งและชัดเจนมากที่สุด เป็นความสมดุลและการอยู่ร่วมกันของธุรกิจโรงแรมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ไม่แปลกใจเลย ที่ Six Senses Yao Noi จะขึ้นแท่นหนึ่งในรีสอร์ตที่ดีและสวยงามที่สุดสำหรับผม
ฝากไว้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างทริปในวันข้างหน้าที่โอกาสเหมาะ ๆ หลังสถานการณ์อะไร ๆ กลับมาดีขึ้น เหมาะสมกับการออกเที่ยวอย่างมั่นใจและปลอดภัยครับ
แล้วพบกันทริปหน้าครับ
เปียง