PHULAY BAY, A RITZ CARLTON RESERVE
สวัสดีครับ ผมเปียง ไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสไปเยือนจังหวัดกระบี่มาครับ นอกเหนือไปจากธรรมชาติสุด exotic ของท้องทะเลใต้ น้ำทะเลสีเขียวไข่กา และเม็ดทรายขาวละเอียดแล้ว อีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของผมก็คือประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่เหมือนครั้งไหนที่ Phulay Bay, A Ritz Carlton Reserve ได้มอบให้กับผมนั่นเองครับ ก่อนจะไปชมทุกอย่างพร้อมกันตั้งแต่วัน check in จนถึงวัน check out ผมอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักรีสอร์ตบนทำเลสุดพิเศษแห่งนี้กันก่อนครั
ครั้งแรกของโลกกับ Boutique Resort จาก Ritz Carlton Reserve พร้อมให้บริการที่พักส่วนตัวแบบ exclusive พร้อมด้วย “ต้นห้อง” หรือ personal butler ที่พร้อมจะอำนวยความสะดวกในทุกก้าวที่ย่างไปในพื้นที่แห่งนี้
ไม่ใช่แค่ความหรูหราเหนือระดับเท่านั้น แต่ Phulay Bay, A Ritz Carlton Reserve แห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่ง World’s Destination ที่ต้องมาสักครั้งหนึ่ง การันตีด้วยคำว่า Reserve จากชื่อแบรนด์ที่ Ritz Carlton ภาคภูมิใจ โดยเป็นหนึ่งใน 5 แห่งจากทั่วโลก (กระบี่, ประเทศไทย / อูบุด, หมู่เกาะบาหลี, ประเทศอินโดนิเซีย / ลอส คาโบส, ประเทศเม็กซิโก / หาดโดราโด, เครือรัฐเปอร์โตริโก และหมู่บ้านนิเซโกะ, เกาะฮอกไกโด, ประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งล้วนถูกคัดเลือกมาแล้วว่ามีทำเลที่เหมาะสม มีมนต์ขลังเพียงพอที่จะสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่ดีที่สุด สำหรับใครก็ตามที่โหยหาประสบการณ์สุดพิเศษเหล่านี้
ภูเลย์ เบย์ไม่ใช่ชื่ออ่าวหรือชื่อเฉพาะทางภูมิศาสตร์แต่อย่างใดครับ ชื่อนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากด้านหน้าของรีสอร์ตที่หันเข้าหาทะเล ซึ่งถูกประดับประดาด้วยเกาะภูเขาน้อยใหญ่ที่โอบอุ้มบริเวณตรงนี้เอาไว้ เกิดเป็นความงามทางภูมิทัศน์ซึ่งยากที่อะไรจะมาเทียบเคียงได้
รีสอร์ตหรูส่วนตัวแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดยคุณเล็ก บุนนาค สถาปนิกไทยผู้มีชื่อเสียง ออกแบบและตกแต่งให้ออกมาร่วมสมัย โดยดึงลักษณะเด่นจากการออกแบบสไตล์โมรอคแคนมาผสมผสานกับกลิ่นอายของความเป็นไทยที่ลงตัว โดยดึงจุดเด่นของมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมไทย ช่วยเนรมิตบรรยากาศรีสอร์ตส่วนตัวแห่งนี้ให้เป็นจุดหมายที่ดีที่สุด เมื่อต้องการมาเยือนและสัมผัสความงามแห่งท้องทะเลอันดามัน
ในครั้งนี้ ผมจะค่อย ๆ พาทุกท่านไปชมในแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของที่พัก อาหารการกิน และกิจกรรมต่าง ๆ เข้าไปหาคำตอบกันว่าทำไมที่แห่งนี้ถึงถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ Reserve ของทาง Ritz Carlton และเพราะเหตุใด ผู้คนทั่วโลกถึงต้องมาเยือนที่แห่งนี้ให้ได้สักครั้งในชีวิต ถ้าพร้อมแล้ว ตามผมไปชมกันครับ
เปียง
#STAYCATIONINGWITHPYONG #PhulayBay #RCReserve #RCMemories
PHULAY BAY, A RITZ CARLTON RESERVE กับประสบการณ์ที่กระบี่ของผมในครั้งนี้ครับ
เพียง 1 ชั่วโมงจากสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะนี้ผมเดินทางมาอยู่ที่จังหวัดกระบี่ในที่สุดครับ
จากสนามบินกระบี่ สู่ ตัวรีสอร์ตใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงในการเดินทาง ผมเพลิดเพลินกับการชื่นชมทัศนียภาพข้างทาง เผลอแวบเดียวเราก็ถึงที่หมายในที่สุด
เมื่อความงามจากสองวัฒนธรรมได้เข้ามาผสมผสานกัน สถาปัตยกรรมที่ดูโอ่อ่า สวยสง่าเรียงรายอยู่ทั่วทั้งรีสอร์ตให้เราได้ชื่นชมครับ
สถานที่ตั้งของ RITZ CARLTON RESERVE ล้วนถูกคัดเลือกมาแล้วว่ามีทำเลที่เหมาะสม มีมนต์ขลังเพียงพอที่จะสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่ดีที่สุด สำหรับใครก็ตามที่โหยหาประสบการณ์สุดพิเศษเหล่านี้ครับ
ฉากหลังที่เราเห็นคือเกาะแก่งน้อยใหญ่ ณ หาดส่วนตัวของรีสอร์ตซึ่งดูงดงามมากโดยเฉพาะในเวลาพระอาทิตย์ตกแบบนี้
ตอนที่ ๑ : A WARM WELCOME TO THE PALACE
เสียงฆ้องดังขึ้น 3 ทีติด ดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวขาลงมาจากรถครับ เป็นเสมือนการต้อนรับการมาถึงของแขกอย่างพวกเรา เมื่อเดินเข้าไปเราจะพบกับ ศาลาศรีจันทร์ หรือ Arrival Pavilion ศาลาหน้าจั่วทรงไทยขนาดมโหฬารที่ถูกโอบล้อมด้วยน้ำ โดยผู้ออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมในโซนภาคเหนือ เฉพาะเจาะจงลงไปอีกนิดก็คือจังหวัดน่านนั่นเอง โดยเฉพาะภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง ที่ถูกรังสรรค์ออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินทางเข้าสู่คุ้มเจ้าหลวงในประวัติศาสตร์ภาคเหนือก็ว่าได้ครับ
ถึงแล้วครับผม Phulay Bay, A Ritz Carlton Reserve โดดเด่นด้วยสีม่วงเข้ม ดูสง่างามและทรงพลังในเวลาเดียวกัน
มุมแรกของวันในฝั่งตรงกันข้ามของ pavilion เมื่อซักครู่ครับ จะสังเกตเห็นว่า ที่นี่มีการใช้สีม่วงและสีส้มเป็นสีหลักในการเล่าเรื่องทั้งหมด ซึ่งจะได้เห็นโทนสีแบบนี้เรื่อย ๆ ทั้งรีสอร์ตนี้
หลังคารูปทรงแปลกตา กลิ่นอายจั่วแบบไทยเรา แต่มีการประยุกต์ในแง่ของรายละเอียด อนุมานว่าน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากหลายชนชาติผสมผสานกันเลยทีเดียวครับ
ค่อย ๆ เดินตามทางเข้าไปเรื่อย ๆ ผ่านบริเวณน้ำที่ล้อมรอบเราครับ
เจอเจ้าของเสียงฆ้องดังสนั่นเมื่อสักครู่นี้ครับ เขาบอกว่าการที่ต้องตีฆ้องทุกครั้งก็เพื่อให้ทุกคนได้ทราบว่ามีแขกท่านใหม่ได้เดินทางเข้ามาถึงแล้ว เพื่อให้พนักงานทุกคนในรีสอร์ตได้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับแขกใหม่นั่นเอง
แวะเช็ดหน้าเช็ดตาให้สดชื่นด้วยผ้าขนหนูเย็น ๆ พร้อมมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวรีสอร์ตกันครับ
personal butler ของพวกเราครับ ในนาม ต้นห้อง (Ton Hong) กับการดูแลแบบ full service ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่พักผ่อนอยู่ที่นี่ ต้องการอะไร เรียกหาอะไร เพียงแค่ติดต่อต้นห้อง เขาจะคอยช่วยเหลือเราทุก ๆ อย่างที่เราร้องขอครับ หากต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับโรงแรม หรือ ตัวจังหวัดกระบี่ ต้นห้องเป็น expert ที่จะพาไปสัมผัสกับวัฒนธรรมต่าง ๆ ของที่นี่ครับ
ต้นห้อง น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากชื่อตำแหน่งคนดูแลห้อง ในสังคมชนชั้นสูงในอดีต ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลทรัพย์สิน และสมบัติมีค่า อาจรวมถึงการดูแลกุญแจห้องและกุญแจตู้เซฟด้วยครับ
ทางเดินที่ถูกขนาบด้วยกำแพงสีม่วงขนาดใหญ่ผิวสัมผัสแปลกตา นำพาเราเข้ามาอยู่ด้านในบริเวณของรีสอร์ต ระหว่างชมทุกอย่างไปพร้อม ๆ กับผม สิ่งที่ผมอยากให้ทุกท่านลองสังเกตก็คือสีครับ สังเกตให้ดีจะพบว่าพาเล็ตสีที่เขาเลือกหยิบมาใช้จะค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก อย่างทางเดินที่เราเพิ่งผ่านมานั้น ในสมัยโบราณ สีม่วงเป็นสีที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องแสดงความสูงศักดิ์ ให้ภาพของความหรูหรา เหตุผลก็คือ สมัยก่อนสีม่วงเป็นสีที่ทำได้ยากกว่าสีอื่น ๆ มีราคาแพงจึงจำกัดการใช้อยู่ในผู้มีฐานะดีเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจครับ
รถกอล์ฟที่จะพาเราไปยังส่วนต่าง ๆ ของโรงแรมครับ ธารน้ำเล็ก ๆ ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ธารน้ำนี้รับน้ำมาจากเขาหงอนนาคครับ ซึ่งเป็นอีกหมุดหมายสำคัญของกระบี่อีกเช่นกัน
ตอนที่ ๒ : THE BRAND
Ritz Carlton กับคำว่า Reserve ที่ภาคภูมิใจ อย่างที่ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่ง World’s Destination ที่ต้องมาสักครั้งหนึ่ง โดยเป็น 1 ใน 5 Flagship Boutique Private Resort ซึ่งล้วนถูกคัดเลือกมาแล้วว่ามีทำเลที่เหมาะสม มีมนต์ขลังเพียงพอที่จะสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่ดีที่สุด สำหรับใครก็ตามที่โหยหาประสบการณ์สุดพิเศษเหล่านี้
โดย Phulay Bay แห่งนี้ถูกจัดอยู่ในระดับ High Reserve โดยนอกจากความหรูหราโออ่าแล้ว ยังมุ่งหวังให้แขกผู้มาพัก ได้มีโอกาสเรียนรู้ศิลปะวัฒนธรรมของพื้นที่นั้น ๆ ไปด้วย โดยมุ่งเน้นไปที่เอกลักษณ์เฉพาะด้านเช่น วัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะ ความทรงจำ ที่แตกต่างกันแต่ละพื้นที่ ทำให้แขกที่มาพักเกิดความรู้สึกที่ “เหนือกว่าความประทับใจ” ขึ้นไปกว่าหลายระดับขั้น ซึ่ง Phulay Bay, a Ritz-Carlton Reserve แห่งนี้ถือเป็น reserve แห่งแรกของโลกเลยครับผม
สาเหตุที่หลาย ๆ ท่านอาจไม่รู้จักที่นี่มาก่อน เพราะก่อนหน้านี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ลูกค้าหลักของรีสอร์ตเป็นชาวต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ครับ เพิ่งมีในช่วง 1-2 ปีนี้เอง ที่เริ่มกลับมาจับตลาดคนไทยมากขึ้น
การตกแต่งในส่วนต่าง ๆ ที่ถูก curate มาอย่างดี ผสานวัฒนธรรม 2 รูปแบบให้เข้ากันอย่างลงตัว ทั้งในส่วนของสีที่ได้พูดไปแต่แรก การเลือกใช้กระเบื้องอิฐในส่วนต่าง ๆ ช่วยเสริมความรู้สึก exotic ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีกครับ
ไม่ใช่บาฮามาสหรือหมู่เกาะในอเมริกากลางแต่อย่างใด ที่นี่กระบี่ครับ
ตอนที่ ๔ THE BAR, THE BEACH & THE WORKSHOP
ในบริเวณเดียวกันนี้จะมี Tawan Sunset Lounge เป็น bar เล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ให้สังสรรค์ริมทะเลในเวลาค่ำคืน หรือจะนั่งสบาย ๆ ในระหว่างวัน ก็ให้ความสงบไปอีกแบบครับ
นอกจากบริการเครื่องดื่มแล้วเขามีหลักสูตรเร่งรัดสำหรับใครที่อยากลองเขย่าเครื่องดื่มด้วยตนเองด้วยนะครับ ถือเป็นอีกเรื่องสนุกและแปลกใหม่สำหรับผมในการมาพักผ่อนครั้งนี้ครับ
Mojito Mocktail แก้วแรกด้วยตัวเองของผมครับ ชักเริ่มติดใจศาสตร์นี้ขึ้นมาแล้วสิครับ
Station popcorn พร้อมคั่ว ตรงนี้ต้องบริการตนเองนะครับ
เตาถ่านสำหรับทำ popcorn ริมหาดครับ ตัวนี้เก๋มาก ๆ เป็นอะไรที่ฟีลดีมากครับ กลิ่น popcorn อ่อนผสมกับกลิ่นทะเล พร้อมลมเย็น ๆ ในช่วงเวลาแบบนี้
หาดที่นี่ไม่ได้มีพื้นที่ที่เป็นทรายมากนักครับ แต่แทนที่ด้วยโขดหินที่ดูสวยงามไปอีกแบบ
หาดที่นี่จะมีความพิเศษอย่างหนึ่งครับ จริง ๆ แล้วพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นหินโสโครกเสียส่วนใหญ่ พื้นที่ตรงนี้อุดมไปด้วยหอยและสัตว์ทะเลเปลือกแข็งมากมาย ในช่วงเย็น ๆ เราจะสังเกตเห็นพี่น้องชาวบ้านในพื้นที่ มานั่งเก็บหอยกันอย่างขะมักเขม้น
หากพิจารณาดูดี ๆ แล้วเราจะพบว่าหาดแห่งนี้เป็นที่ ๆ ความเจริญทางวัตถุสามารถอยู่ร่วมกับวิถีชาวบ้านได้อย่างกลมกลืน ผมคิดว่าสิ่งที่ผมได้เห็นอยู่ตรงหน้านี้เป็นภาพการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่งดงามมาก ตรงนี้ขอชมเชยครับ
อุดมสมบูรณ์และยั่งยืน
เมื่อมองออกไปสู่ทะเล เรากำลังมองไปที่ทิศทางของเกาะยาวน้อยครับ เกาะแก่งที่อยู่ระหว่าง 2 จุดนี้ เป็นวิวที่เราเห็นได้คล้าย ๆ กัน นี่คือความพิเศษสุด ๆ ของที่นี่
วิวพระอาทิตย์ตกดินที่นี่งดงามเหมือนภาพวาดครับ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขกับการนั่งนิ่ง ๆ ดูพระอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า
ตอนที่ ๕ : THE VILLA
มาถึงในส่วนของที่พัก ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสพักที่ Reserve Pool Villa Seaview โดยไฮไลท์ก็คือวิวติดทะเล และสระว่ายน้ำส่วนตัว ซึ่งวิวทะเลนี้มีเฉพาะบางหลังเท่านั้น ด้วยสเกลที่มีความใหญ่โตผิดไปจากปกติ และการตกแต่งที่ได้รับอิทธิพลจากสไตล์โมรอคแคนมาค่อนข้างมาก ผสมผสานกับรายละเอียดไทย ๆ มันใหญ่โต หรูหรา และมีความ exotic สูงมาก ๆ เลยทีเดียวครับ
โดยการตกแต่งในส่วนต่าง ๆ ของวิลล่าแต่ละหลังจะมีความแตกต่างกัน สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง มีความพิเศษเฉพาะตัวในทุกครั้งที่ได้เข้าพัก
สระว่ายน้ำส่วนตัวพร้อมวิวทะเลครับ วิวนี้เราสามารถมองเห็นได้ 3 ระดับด้วยกัน สระของวิลล่า สระของโรงแรม และ ทะเล ครับ
เตียงนอนที่นี่เป็นอีกหนึ่งดาวเด่นของวิลล่าหลังนี้ครับ โดยจะเป็นการสั่งทำพิเศษขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ด้วยขนาดที่ใหญ่ถึง 4×2 เมตร อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเตียงนอนที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับโรงแรมเลยก็ว่าได้ครับ
มุมสวนเล็ก ๆ มุมหนึ่งของตัว villa ครับ
ภาพเขียนบานหน้าต่าง เป็นงานจิตรกรรมที่วาดให้แต่ละห้องครับ โดยในแต่ละหลังจะมีความแตกต่างกัน พบเรื่องราวที่ต่อเนื่องเมื่อเปิดเข้าไปดูด้านใน
ได้เห็นงานจิตรกรรมแบบนี้ ด้วยตัวละคร และลายเส้น ทำให้ผมนึกถึงภาพจิตรกรรมฝาผนัง กระซิบรักบันลือโลก “ปู่ม่านย่าม่าน” ณ วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน
Amenities ต่าง ๆ ที่ทางโรมแรมจัดมาให้ครับ กลิ่นหอมแบบไทย ๆ ที่สำคัญคือความน่ารักของ packaging ครับ เป็นเรื่องราวเดียวกับที่เราเห็นในงานจิตรกรรมฝาผนังเมื่อครู่
โซนกลางของวิลล่า เป็นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ครับ มองไปข้างบนจะพบกับช่องเล็ก ๆ ตรงนี้สามารถนั่งดูดาวได้ในคืนเดือนมืด
บริเวณอ่างล้างหน้ากับกระจกบานใหญ่ แสดงให้เห็นวิวในส่วนของ courtyard ภายนอกตัว villa ครับ ซึ่งเป็นอีกโซนหนึ่งสำหรับอ่างของ outdoor อย่าลืมว่าทั้งหมดนี้เรายังอยู่ในวิลล่าเดียวนะครับ มีอ่างอาบน้ำถึง 2 อ่างด้วยกัน และ สระว่ายน้ำสวนตัวอีก 1 สระ
อ่างอาบน้ำรูปทรงลาย Moroccan Trellis ครับ เป็นลวดลายเฉพาะที่สามารถพบเห็นได้ในศิลปะแบบโมรอคแคน
ห้องอาบน้ำระบบ shower ครับ เป็นห้องอาบน้ำกระจกที่เชื่อมกับ courtyard ด้านนอก
outdoor bath กลาง villa ครับผม เป็นอีกไฮไลต์หนึ่งของไทป์วิลล่าแบบนี้ อ่างนี้เราสามารถแจ้งต้นห้องได้นะครับ สามารถทำเป็น bubble bath ได้
ตอนที่ ๖ : THE (HEALTHY) RECREATION
นอกเหนือไปจากวิลล่าแล้ว บรรยากาศโดยรวมของที่นี่ร่มรื่นและสวยงามในทุก ๆ จุดครับ เราสามารถเพลิดเพลินรอบ ๆ รีสอร์ตได้ อาจจะเดินก็ได้ หรือเรียกรถกอล์ฟพาชมก็ได้เช่นกัน
Jacket : Vinn Patararin
Shirt : Vinn Patararin
ฟิตเนสของที่นี่ทำออกมาค่อนข้างกว้างครับ มีเครื่องเล่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบถ้วน
อีกหนึ่งประสบการณ์ที่ต้องแวะมาเกือบทุกครั้งในโรงแรมต่าง ๆ ก็คือพาร์ทของ wellness นั่นเอง ผมพาทุกท่านมาชม The Spa หรือสปาของทางโรงแรมครับ
ภายในอาคารของ The Spa มีการจัดโซนไว้อย่างกว้างขวาง แยกฝั่งผู้หญิงและผู้ชาย โดยจะมีทั้งโซนแบบใช้รวมกัน และ โซนไพรเวต สำหรับผู้ที่จองไว้ครับ
บ่อน้ำร้อนรวม แยกชายหญิง เปิดออกสู่ธรรมชาติด้านนอก
โซน recreation สำหรับการนอนพักผ่อนฟังเสียงดนตรีเบา ๆ หลังแช่น้ำร้อน ส่วนภาพขวาคือห้องซาวน่ารวมครับ
โซนที่ผมมาใช้บริการจะเป็นโซนไพรเวตครับ เป็นห้องนวดสำหรับ 2 ท่าน มีทั้งโซนด้านในและด้านนอก และมีอ่างน้ำร้อน สำหรับแช่เพื่อผ่อนคลายที่หันหน้ารับกับธรรมชาติด้านนอกอีกด้วย
ขันทิเบต เป็นอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ทรงพลังมากนะครับ เสียงก้องกังวานไปทั่วทั้งห้อง โดย therapist จะวนตัวขันเป็นวงกลมเดินรอบ ๆ เรา ก่อนเริ่มการนวด ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และมีสมาธิมากขึ้นทันที
ศิลปะการนวดแผนไทยนั้นมีมายาวนานมาก สังเกตท่าทางต่าง ๆ จะมีความอ่อนช้อย คล้ายคลึงกับวรรณคดีไทยหลาย ๆ เรื่องครับ โดยนอกจากมือแล้ว ผู้นวดจะสามารถใช้อวัยวะส่วนอื่นของร่างกายในการทุ่นแรงได้ อย่างที่เห็นในภาพจะเป็นการใช้หัวเข่าและน้ำหนักตัวสร้างแรงกดครับ ในคอร์สที่ผมทำ จะเน้นเป็นการดัดยืดมากกว่าการนวดคลำครับ
ตอนที่ ๗ : THE EXPEDITION
หลังจากใช้เวลาอยู่ในบริเวณโรงแรมกันมาพักใหญ่ ๆ แล้ว เรือลำเล็กก็มาเทียบที่บริเวณชายหาด พร้อมนำเราไปสู่หมู่เกาะห้องครับ ที่นี่เลือกใช้เป็นบริการเรือท้องถิ่นของกระบี่ครับ จะเป็นเรือหางยาวไม้ แบบที่เราคุ้นชินกัน จริง ๆ สำหรับพวกเราอาจจะไม่ได้ตื่นเต้นมาก แต่แน่นอนว่าหากเราเป็นชาวต่างชาติที่มาเที่ยวไทย นี่คือประสบการณ์ที่ exclusive มาก ๆ ทีเดียวล่ะ
หลังจากนั่งเรือมาประมาณ 30 นาที เราก็เดินทางเข้าสู่บริเวณเกาะห้องครับ
ผาธรรมชาติ เป็นร่องแนวยาวเปิดเข้าสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ด้านใน
เกาะห้อง หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เกาะเหลาบิเละ โดยตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ 65,000 ไร่ หรือ 104 ตารางกิโลเมตร
Lagoon หรือทะเลใน เปรียบเสมือนเวิ้งน้ำถูกซุกซ่อนโอบล้อมไว้โดยธรรมชาติอย่างแนบเนียน น้ำทะเลสีเขียวมรกต ล้อมรอบไปด้วยภูเขาหินปูนและป่าโกงกาง นอกจากความสวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราแล้ว อีกหนึ่งประโยชน์สำคัญก็คือ การที่ชาวเรือยังใช้ลากูนนี้เป็นที่หลบภัยกำบังมรสุมอีกด้วยครับ
เกาะห้องมีสภาพภูมิประเทศเป็นป่าดงดิบที่มีธารน้ำไหลลอดภูเขา เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ
ซึ่งที่นี่เป็นเกาะห้องคนละที่กับเกาะห้องในเขตจังหวัดพังงานะครับ เกาะห้อง เป็นหมู่เกาะที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ โดยเกาะห้องเป็นเกาะทางทิศใต้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด รูปทรงคล้ายตึกหลังใหญ่มีซอกหินคล้ายเป็นห้อง จึงเรียกว่าเกาะห้อง จุดเด่นของที่นี่คือ อ่าวรูปทรงโค้งคล้ายครัวซองต์ 2 อ่าว เรียงตัวเชื่อมเข้าหากันจนมองเห็นคล้ายปีกนก ลักษณะโดยทั่วไปของตัวเกาะเป็นเขาหินปูน
นอกจากความสวยงามที่กล่าวมา ยังมี unseen จุดใหม่ให้ได้ลองขึ้นไปชมกัน เพราะเป็นจุดชมวิวที่เพิ่งเปิดใช้งานได้ไม่นาน นั่นคือ จุดชมวิว 360 องศา เกาะห้อง ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเกาะห้องและจังหวัดกระบี่เลยทีเดียวครับ
จุดชมวิวแห่งนี้ต้องเดินขึ้นบันไดเหล็กที่ค่อนข้างสูงและชัน ขอให้ระมัดระวังกันด้วยครับ ระหว่างทางเราจะเดินลัดเลาะผ่านยอดไม้ หน้าผา ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ ระยะทางวัดจากแนวดิ่ง 109 เมตร หรือรวมระยะทางในการเดินทั้งหมด 239 เมตร จำนวนขั้นบันไดทั้งหมด 419 ขั้น มีลานพักเป็นระยะ รวม 6 จุด ให้วิวที่แตกต่างกันไป แต่จุดสูงสุดคือ จุดชมวิว 360 องศา
เกาะห้องแห่งนี้ นับเป็นหอชมวิวแบบ 360 องศาที่สูงที่สุด ชมทัศนียภาพได้ครบทั้ง 4 ทิศทาง และมีแห่งเดียวในฝั่งทะเลอันดามัน สามารถมองเห็นเกาะลูกโดดกว่า 10 เกาะ ใน จังหวัดกระบี่และพังงา โดยทางทิศเหนือมองเห็น 13 เกาะเลยทีเดียวครับ
ตอนที่ ๘ : THE CUISINE & THE COOKING CLASS
พาร์ทนี้จะเป็นการรวมประสบการณ์การรับประทานอาหารในมื้อต่าง ๆ ของที่นี่ครับ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้า กลางวัน และ เย็น มีอันไหนแนะนำเป็นพิเศษ ผมจะค่อยๆเล่าให้ฟังในแต่ละมื้อนะครับ
ที่เห็นอยู่นี้คือ Chef Aong’s Garden ครับ สวนพืชผักสวนครัวและสมุนไพรสำหรับประกอบอาหารไทยโดยเฉพาะของทางรีสอร์ต และที่นี่จะเป็นสถานที่ทำ workshop พิเศษในครั้งนี้อีกด้วย
Cooking class เป็น workshop พิเศษของที่นี่ครับ เป็นการร่วมทำอาหารกับเชฟ เพื่อสร้างสรรค์มื้ออาหารเป็นของเราเอง โดยในที่นี้ก็จะเป็นการผสมผสานเทคนิคต่าง ๆ ของเชฟลงไปด้วย เน้นไปที่วัตถุดิบท้องถิ่น และผลิตภัณฑ์แบบ organic โดยอาจจะรีเควสเป็นอาหารไทยก็ได้ครับ
ภาพรวมแต่ละจานของวันนี้ครับ
มาดูที่ส่วนอื่นๆที่เกี่ยวกับอาหารกันครับ ช่วงเช้าผมรับประทานเป็นแบบ in villa breakfast มีโอกาสได้ลอง signature menu หลายตัวของทางโรงแรม โดยตัวที่ผมว่าดีงามเป็นพิเศษจะมีดังนี้ครับ
ไข่เขียวหรือ egg avocado ครับ poached egg เสิร์ฟคู่กับ hollandaise sauce เคียงด้วย avocado และ asparagus เป็นการเริ่มต้นมื้ออาหารได้ดีเลยทีเดียวครับ
Catalan egg ไข่กระทะสไตล์สเปน เขาจะใส่เครื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพริกหวานสีต่างๆ มันฝรั่ง และโชริโซ่ ไส้กรอกเผ็ดของสเปน รับประทานคู่กับตัว toast ที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน จานนี้อร่อยเอาเรื่องในระดับนึงเลยครับ
พวกโยเกิร์ตกับผลไม้ก็ทำออกมาดีมากครับ เหมาะกับสายเฮลท์ตี้ รวมถึง Cold cuts และชีสประเภทต่าง ๆ รับประทานแกล้มเพลิน ๆ ครับ
ปิดท้ายมื้อเช้าด้วย signature ตัวเด็ดของเขา Coconut French Toast ตัวนี้ผมขออนุญาตรับประทานเป็นของหวานนะครับ ตัวขนมปังชุบตัว batter มาหอมกำลังดี ผมไม่แน่ใจว่าใส่กะทิลงไปด้วยหรือเปล่า เทกเจอร์นุ่มละมุนลิ้น หอมมะพร้าวมาก อร่อยสมคำร่ำลือครับ
จริง ๆ แล้ว ต้องแจ้งว่าที่รีสอร์ตมีห้องอาหารหลายแห่งด้วยกันครับ แต่สำหรับช่วงที่ผมไปมาผมได้แวะมาทานอาหารที่ห้อง Sri Trang Restaurant เพียงแห่งเดียว ทั้งช่วงมื้อกลางวันและมื้อเย็น
บรรยากาศห้องอาหารริมชายฝั่งทะเล มีสระว่ายน้ำเล็ก ๆ วางอยู่หน้าหาดด้วย บรรยากาศของที่นี่ต้องยกให้เลยครับ ในเรื่องของความชิล
อาหารที่เชฟนำเสนอ จะเป็นอาหารที่เป็นส่วนผสมระหว่างความเป็นอาหารไทยใต้ และ อาหารสไตล์เวสท์เทิร์นผสมกัน เสิร์ฟเป็น a la carte ครับ เราจะได้รับประทานอาหารอย่างพวกขนมจีนแกงปูรสชาติถึงเครื่อง ประกบคู่กับสลัดเนื้อปูสไตล์เวสเทิร์น โรยด้วยคาเวียร์ แซมด้วยกลิ่นเลมอนที่เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังบริยอชในมื้อเดียวกัน
อาหารทะเล ต้องยกให้ที่นี่เหมือนกันครับ เสิร์ฟมาเป็นแบบ sea food platter ไซส์ยักษ์ที่ให้เราได้อร่อยไปกับ ปลากะพง ปลาหมึก และกุ้งสด ๆ จากทะเลในเขตนี้ มีเสิร์ฟกุ้งมังกรสดด้วยนะครับ รับประทานแบบซาซิมิ เป็นอะไรที่ฟินมาก ๆ
หอยชักตีนกลายเป็นหอยจานโปรดของผมในทริปนี้ครับ ที่นี่เลือกเสิร์ฟตัวใหญ่ รับประทานกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษครับ จัดจ้านเลยทีเดียว
อาหารดีทั้งหมดจริง ๆ ครับ อร่อยทุกเมนูที่ผมลองมา
ปัจฉิมบท : THE END
ก่อนจะจากลาไป แวะมาชมพระอาทิตย์ตกสวย ๆ ที่หาดกันครับ
ประสบการณ์จากการมาเยือน Phulay Bay ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งครั้งที่วิเศษมาก ๆ และจะอยู่บนหน้าสำคัญในบันทึกเล่มเล็ก ๆ ของผมอย่างแน่นอน
ทั้งความงดงามทางสถาปัตยกรรม ธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่ถูกผสมผสานกันอย่างลงตัว
สิ่งสำคัญคือของขวัญจากธรรมชาติที่ยังคงอยู่อย่างครบถ้วนครับ เป็นความสวยงามที่นอกจากตาแล้ว ยังต้องใช้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นในการรับรู้ด้วยเช่นกัน
สุดขอบฟ้าปลายท้องทะเลที่ทอดไป กับดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าไป ผมคงคิดถึงวิวนี้ไปอีกนาน และหากมีโอกาส ผมคงได้กลับมาเยือนหาดแห่งนี้อีกครั้งในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอนครับ
พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว แล้วกลับมาเที่ยวกันใหม่ด้วยกันอีกในโอกาสหน้านะครับ
แล้วพบกันในทริปต่อไป สวัสดีครับ
เปียง