CHIANG MAI 2021
14 สถานที่ที่เชียงใหม่ เมืองที่ “ใหม่” ทุกครั้งที่ไปเยือน
สวัสดีครับ ผมเปียง ต้อนรับหน้าหนาวปี 2021 นี้ด้วยคอนเทนต์ของจังหวัดที่ผมรักมากที่สุดครับ ดีใจมากที่ได้มาเยือนที่นี่และได้นำเรื่องราวการเดินทางในเชียงใหม่มาฝากเพื่อน ๆ อีกครั้ง
ในยุคที่อะไรต่อมิอะไรก็เร็วไปเสียหมด เทรนด์ใหม่ ๆ ในโลกออนไลน์ที่เปลี่ยนได้ทุกชั่วโมง ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่วิ่งขึ้นลงอย่างผันผวน การเข้ามาของนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างเช่น metaverse ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เชียงใหม่ก็เช่นกัน ไม่เจอกันนานแค่เพียงปีเดียว แต่มีอะไรใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาเพียบ บรรยากาศใหม่ กิจการใหม่ กิจกรรมใหม่ แหล่งท่องเที่ยงใหม่ ๆ ที่กำลังค่อย ๆ ปรับตัวให้พร้อมต่อการต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
หากใครสังเกตจะพบว่าเชียงใหม่เป็น destination สำคัญที่อยู่คู่กับเพจ PYONG Traveller x Doctor มาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่ทำให้ที่แห่งนี้ยังมีมนต์เสน่ห์ชวนให้กลับมาเยือนอยู่บ่อย ๆ นอกจากประวัติศาสตร์ที่งดงามและยาวนานแล้ว ทุกครั้งที่ไปมักจะมีอะไรใหม่ ๆ ให้เราได้ออกค้นหาและชื่นชมเสมอ เป็นแหล่งอารยธรรมความชิคที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ครับ มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ กับการเดินทางไปเชียงใหม่แต่ละครั้ง เพราะเขาได้มอบประสบการณ์ที่ “ใหม่” ให้แก่ผมในทุกครั้งจริง ๆ
สำหรับทริปนี้เป็นทริปล่าสุดของปี 2021 ที่ผมได้เดินทางไปเยือนหลาย ๆ สถานที่ในเชียงใหม่ครับ ทั้งใหม่บ้าง เก่าบ้าง สลับกันไป ผมรวบรวมร้านอาหาร คาเฟ่ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัด รวมถึงกิจกรรมที่น่าสนใจในช่วงนี้มาฝากกัน สำหรับครั้งนี้ผมจะพาไปที่ไหนบ้างนั้น ตามไปชมกันครับ
เปียง
#CHIANGMAI2021 #CNX2021 #CNXCAFEHOPPING #PYONGSEEWHATISEE
มีวัดวาอารยธรรมงามหยดย้อย
เขียวชดช้อยพฤกษาชาติท่านเลือกสรรค์
ร้านอาหารชิคและคูลก็มากอัน
คาเฟ่นั้นจัดว่าดีผมว่าโดน
เราตามไปชม 14 สถานที่พร้อม ๆ กันครับ
คาเฟ่
หากพูดถึงเชียงใหม่แล้ว destination สำคัญที่หลายคนมุ่งมั่นจะมาเยือนนั่นก็คือคาเฟ่นั่นเองครับ เมืองนี้ผมกล้าพูดได้เลยว่าวัฒนธรรมคาเฟ่ถือว่าเรืองรองมาก ๆ ปัจจัยหลัก ๆ อยู่ที่เมล็ดกาแฟนั้นส่งตรงจากแหล่งผลิตครับ อย่างที่หลาย ๆ ท่านทราบกัน ภาคเหนือของไทยเป็นแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟชนิดชั้นเลิศพร้อมด้วยโปรไฟล์รสชาติเฉพาะที่มีความซับซ้อนที่ดี เปรี้ยวสดชื่นและละมุนลิ้นเป็นที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจหากที่นี่จะมีร้านกาแฟและคาเฟ่สวย ๆ เกิดขึ้นใหม่ในทุก ๆ ปีพร้อมกับกิมมิคของแต่ละร้านที่นอกเหนือไปจากตัวเครื่องดื่ม อย่าง ขนม และธีมการตกแต่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและคนเมืองเข้าไปแวะเวียนอยู่ตลอด สำหรับรอบนี้ผมเลยถือโอกาสตามไป hopping มาหลายที่ด้วยกัน จะเป็นยังไง เตรียมกล้อง แต่งตัวให้คูล แล้วตามผมมาครับ
ก่อนนี้ผมเคยทำรีวิวเอาไว้หลายครั้งครับ กลับไปย้อนชมของเก่าได้ที่นี่นะครับ
12 COFFEEHOUSES IN CHIANGMAI
เปิดประสบการณ์ 12 ร้านกาแฟในเชียงใหม่, 2019
https://www.facebook.com/pyongdoctor/posts/2229484070448221
THE BARISTRO ASIAN STYLE
หากใครเป็นสายคาเฟ่ที่แท้ เมื่อได้มาเยือนเชียงใหม่ เชื่อว่ากว่า 90% จะไม่มีวันพลาดการเช็คอินยังร้านดังต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเป็น The Baristro, Transit No.8, The Baristro at Ping River และ The Baristro at Train Station อย่างแน่นอน ซึ่งในปีนี้ซีรีส์ The Baristro ยังถูกนำเสนออย่างต่อเนื่องในที่แห่งใหม่นี้ครับ กับ “The Baristro Asian Style” น้องใหม่ของแบรนด์ The Baristro ซึ่งตั้งอยู่ในย่านวัดอุโมงค์ หรือชุมชนหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั่นเองครับ
https://www.facebook.com/Thebaristroasianstyle
ที่นี่เจ้าของเขาเริ่มจากการ renovate บ้านไม้เก่า ๆ หลังหนึ่ง เนรมิตออกมาเป็นอย่างที่ทุกคนเห็นนี่แหละครับ จะสังเกตว่ามีลักษณะของความเป็นเอเชียจากหลายชาติเข้ามาผสมผสานกัน ให้กลิ่นอายความเป็นเกียวโต ผสมกับอารยธรรมล้านนาแบบแซม ๆ แต่งแต้มเข้ามานิด ผสมความเป็นโลหะเข้าไปหน่อย กลายเป็นคาเฟ่ที่ดูน่าสนใจและน่ารักมาก ๆ สำหรับผมครับ
พื้นที่ของร้านจะถูกแบ่งออกเป็นบ้านหลายหลังที่มีทางเดินเชื่อมหากัน โดยมี courtyard สีเขียวสบายตา ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นลานบ้านแบบหมู่บ้านชาวเอเชียแบบที่เรามักจะพบได้ในซีรีส์หลาย ๆ เรื่องครับ
โซนกาแฟที่แยกเป็นแบบ speed bar และ slow bar เพื่อตอบสนองความเร่งรีบและความประณีตที่แตกต่างกันไปตามแต่ละสไตล์ของปัจเจกบุคคลนั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีโซน matcha bar ที่ให้บริการชาเขียวที่ชงด้วยกรรมวิธีแบบ oriental แท้ ๆ ให้บริการสำหรับคอชาเขียวอีกด้วยครับ
Jacket & Pants: Moomoothings
เป็นอีกที่ที่มีความ photogenic สูงมาก ทั้ง indoor และ outdoor กดมากี่ใบก็สวยไปหมด สำหรับที่นี่ highly recommended ครับ
MARS.CNX
ไม่ใช่ท้องฟ้าจำลองแต่อย่างใดครับ ที่แห่งนี้คือคาเฟ่อีกแห่งที่เรามาเยือนในทริปนี้ครับ คาเฟ่ธีมอวกาศที่ทำให้เราสนุกได้เสมือนนั่งดื่มกาแฟบนดาวอังคาร
Mars.CNX นั่นเองครับ
การเดินทางสะดวกมาก ๆ เพราะอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ โดยตัวร้านตั้งอยู่ในบริเวณริมคูเมืองด้านใน ด้วยความโดดเด่นแหวกแนวนี้เอง ทำให้ชื่อของ Mars.CNX ต้องถูกปักหมุดเพื่อมาเช็คอินเมื่อได้มาเยือนเชียงใหม่ แต่สำหรับดาวอังคารดวงนี้ เราไม่ต้องใส่ชุดนักบินอวกาศเพื่อหายใจนะครับ ว่าแล้วก็ออกสำรวจความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นกันดีกว่า
https://www.facebook.com/MARScnx
Installation ต่าง ๆ ถูกจัดวางอย่างน่าสนใจ จำลองบรรยากาศของดาวอังคาร เสมือนเป็นท้องฟ้าจำลองขนาดย่อม ๆ ด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่ถูกนำมาใช้ บอกเลยว่าแปลกตามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค wallmaping ฉายภาพเข้าผนัง รวมทั้งพื้นผิวต่าง ๆ ของงานตกแต่ง ทำได้ดีเลยทีเดียวครับ
กลับเข้ามาในบริเวณยาน โลหะที่นำมาตกแต่ง ผมมองว่าจริง ๆ แล้ว การแต่งด้วยธีมอวกาศไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การตกแต่งให้เรารู้สึกว่าเขาทำถึง อันนี้คือสิ่งที่ต้องชื่นชมครับ มันดูจริง เทสต์ดี และเห็นแล้วรู้ได้ว่าตั้งใจทำ
โต๊ะและเก้าอี้ที่ถูกทำขึ้นมาให้สอดรับกับธีมของร้าน ตรงนี้งานละเอียดมาก ขอชมเชยครับ วันนี้ผมดื่มเครื่องดื่มชื่อ Black Hole ครับ เป็นการใช้ tonic water ผสมกับ espresso shot ที่เข้มถึงใจมาก หอมกลิ่นอ่อน ๆ จากตัวอบเชยด้านบนที่นำมาประดับไว้ ให้อารมณ์เหมือนดื่มค็อกเทลดี ๆ ซักแก้ว
ไม่แน่ว่าวันนึงการไปอวกาศอาจจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราก็ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ครับ
หากทางโลกได้ยินแล้วตอบกลับด้วย ทราบแล้วเปลี่ยน
เปียง กันตพงศ์ พูดจากดาวอังคารครับ
CARAMELLOW
เป็นคาเฟ่บรรยากาศร่มรื่นในสวนสไตล์อังกฤษครับ ตั้งอยู่ภายในโรงแรม Parc Borough City Resort บริการเครื่องดื่มและอาหารทั้งไทยและตะวันตก โดยมีการผสมผสานกลิ่นอายของอาหารเหนือเข้ามาสร้างความแปลกใหม่ เป็นคาเฟ่น่ารัก ๆ เหมาะกับการมานั่งจิบกาแฟพร้อมกับอ่านหนังสือในวันชิล ๆ
พื้นที่สวนที่แฝงการตกแต่งแบบล้านนาเข้าไป น่ารักดีนะครับ
สารพัดของหวานและเครื่องดื่มที่ผมและทีมสั่งมาชิมในวันนี้
ครัวซองต์ที่เห็นอยู่ไม่ใช่ครัวซองต์ธรรมดาครับ แต่เป็นครัวซองต์ที่ใช้ “ข้าวก่ำ” หรือข้าวเหนียวดำ ข้าวเหนียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเป็นส่วนประกอบ หากมองใกล้ ๆ เราจะเห็นว่าครัวซองต์มีสีแดงแซม ๆ อยู่ตามเนื้อขนมด้วย นอกจากจะให้กลิ่นที่หอมของข้าวเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมีสัมผัสที่กรอบนอก แต่หนึบหนับด้านในครับ คำแรกจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แบบครัวซองต์ปกติ แต่พอถึงด้านใน จะมีความรู้สึกคล้ายกับเวลาเราเคี้ยวแป้งโมจิ ซึ่งเป็นสัมผัสที่เซอร์ไพรส์สำหรับผมมาก ๆ ในการรับประทานครัวซองต์ ถือว่าเข้าใจคิด เป็นจุดเด่นที่ทำให้ครัวซองต์ที่นี่แตกต่างจากที่อื่นครับ
เช็คบิลเสร็จแล้วก็ไปกันต่อที่ร้านถัดไปครับ
BLACK BISCUIT
มาสู่คาเฟ่ต่อมาครับ คาเฟ่สำหรับสายดาร์ค กับการตกแต่งเท่ ๆ กลิ่นอายแบบ industrial ไม่ว่าจะเป็น อิฐ ไม้ หรือโลหะ กับเครื่องดื่มและขนมที่มีการนำเสนอแบบแปลก ๆ ลองไปดูกันครับ
https://www.facebook.com/blackbiscuitchiangmai
สำหรับตัวร้านนั้นตั้งอยู่ในคลับเฮ้าส์ของนอร์ธ ฮิลล์ กอล์ฟ คลับ โดยสำหรับเครื่องดื่มและขนมที่จะทานกันในวันนี้ บอกเลยว่าเด็ดมาก ว่าแล้วก็ขอตัวเดินไปสั่งสักครู่ครับ
มุมถ่ายรูปเท่ ๆ เต็มไปหมด
Starry Night ภายในแก้วทรงสูงนี้นอกจากตัวเครื่องดื่มแล้ว ยังมีการใส่กากเพชรแบบทานได้ นำเสนอออกมาได้ดูหรูหรามากเลยทีเดียวครับ
และถัดมา Blackpresso On The Rock ที่นำวิธีการดื่มวิสกี้ที่หลายท่านคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มาใช้เสิร์ฟกาแฟหอม ๆ เข้ม ๆ แก้วนี้ครับ
AIR DIAMOND CAFE AND HOTEL
เห็นเครื่องบินกับท้องฟ้าสดใสแบบนี้ ไม่ใช่สนามบิน และผมยังไม่กลับนะครับ ระหว่างทางด้านแม่ริมและแม่แตง บริเวณแยกบายพาสแม่มาลัย-ปาย จะสังเกตเห็นเครื่องบินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ที่นี่คือคาเฟ่เปิดใหม่อีกที่ครับ กับ “Air Diamond Cafe & Hotel” โดยในส่วนของ cafe นั้น ทางโรมแรม operate ร่วมกับ Black Canyon Cafe ครับ
แอร์บัสลำใหญ่นี้จะพาเราไปที่ไหน เตรียม boarding pass ให้พร้อมแล้วขึ้นเครื่องกันครับ
https://www.facebook.com/airdiamondcafe
ก่อนที่จะขึ้นไปใช้บริการจะพบรายละเอียดน่ารัก ๆ ของที่นี่คือการจำลองการเช็คอินขึ้นเครื่องบินแบบเสมือนจริงครับ หลังจากซื้อบัตรขึ้นเครื่องแล้ว เราต้องเดินมาในห้องเช็คอินเพื่อทำการออก boarding pass ซึ่งมีหน้าตาเหมือน boarding pass จริง ๆ เลยถึงจะสามารถขึ้นไปในโซนคาเฟ่ได้ครับ
ก่อนที่จะขึ้นไปใช้บริการจะพบรายละเอียดน่ารัก ๆ ของที่นี่คือการจำลองการเช็คอินขึ้นเครื่องบินแบบเสมือนจริงครับ หลังจากซื้อบัตรขึ้นเครื่องแล้ว เราต้องเดินมาในห้องเช็คอินเพื่อทำการออก boarding pass ซึ่งมีหน้าตาเหมือน boarding pass จริง ๆ เลยถึงจะสามารถขึ้นไปในโซนคาเฟ่ได้ครับ
สำหรับเครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินแอร์บัส A330-300 ของบริษัทการบินไทยที่ปลดประจำการแล้วซึ่งมีชื่อพระราชทานว่า “ลำปลายมาศ” ใช้บินครั้งแรกในปี พ.ศ. 2538 จนถึงปลดประจำการครับ
นั่งตรงไอพ่นแบบนี้อย่าซนเอาเหรียญไปโยนเล่นแบบที่เห็นกันบ่อย ๆ ในอินเตอร์เน็ตนะครับ
Interior ถูกรื้อออกและจัดวางใหม่ แต่ยังให้กลิ่นอายห้องโดยสารที่เราคุ้นเคยครับ
คิดถึงเวลาเครื่องขึ้นทุกครั้งที่มองออกไปนอกหน้าต่าง เป็นโมเมนต์ตื่นเต้นและน่าหวาดกลัวสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่นั่งทานกาแฟในเที่ยวบินนี้ รับประกันได้ว่าจะไม่มีอาการหูอื้ออย่างแน่นอนครับ
นอกจากนี้ยังมีในส่วนของโรงแรมซึ่งหากมีโอกาสผมคงได้แวะมารีวิวในครั้งต่อ ๆ ไปครับ
ร้านอาหาร
เชียงใหม่มีความโดดเด่นอย่างมากในเรื่องวัฒนธรรมอาหารครับ เป็นเมืองที่อาหารอร่อยและหลากหลายมาก ซึ่งผมเคยทำรีวิวเอาไว้หลายครั้งเลยครับสำหรับจังหวัดนี้ ไม่ว่าจะเป็น fine dining อาการพื้นเมือง หรือ street food และสำหรับครั้งนี้เรามีร้านใน bucket list เพิ่มเติมที่หลายคนแนะนำกันเข้ามาครับ จะเป็นยังไง เราตามไปชมกันครับ
รีวิวอาหารก่อนหน้านี้ครับ
WORTH-A-TRY RESTAURANTS IN CHIANGMAI
8 พิกัด “ร้านอาหารดีที่ควรลอง” รอบเชียงใหม่, 2020
https://www.facebook.com/pyongdoctor/posts/3502589009804381
คิดถึงเชียงใหม่ คิดถึงอาหารจานโปรด
THAILAND FOOD PARADISE X CHIANGMAI, 2020
https://www.facebook.com/pyongdoctor/posts/3487009974695618
KHAO SO-I (ข้าวโซอิ)
สารภาพเลยว่าครั้งแรกที่ได้ยินชื่อร้านนี้ ผมถึงกับยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ต้องยอมรับในอารมณ์ขันของคนไทยจริง ๆ ครับในการที่จะตั้งชื่อธุรกิจหรือกิจการต่าง ๆ ให้ออกมามีจุดขายและเรียกรอยยิ้มได้แบบนี้
ร้านข้าวโซอิ เป็นร้านข้าวซอยน้องใหม่ไฟแรงที่จับเทคนิคต่าง ๆ มาช่วยปรุงแต่งเมนูข้าวซอย อาหารพื้นเมืองยอดนิยมตลอดกาลของภาคเหนือ ตีความออกมาใหม่โดยเพิ่มความพิถีพิถันสไตล์ร้านราเมงญี่ปุ่นเข้ามา
ด้วยความที่คุณวินและคุณปอ เจ้าของร้านนั้นได้รับผลกระทบจากความซบเซาที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์โควิด โดยทั้งสองทำธุรกิจใน sector ท่องเที่ยว ทำให้ต้องหาโอกาสและทางรอดในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยองค์ความรู้ด้านอาหารและการออกแบบได้มารวมตัวกัน จึงเกิดเป็นร้านข้าวโซอิอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ที่มาที่ไปไม่มีอะไรมาก ข้าวโซอิ คือคำอ่านออกเสียงของชาวญี่ปุ่นเมื่อมาทานข้าวซอยนั่นเองครับ
https://www.facebook.com/khao.so.i.cnx
ไม่ใช่ร้านราเมนแต่เป็นซุ้มข้าวซอยครับผม ป้ายร้านที่จะไทยก็ไม่ไทย จะญี่ปุ่นก็ไม่ญี่ปุ่น ชอบครับ ชอบมาก ๆ จากภายนอกให้ความรู้สึกเหมือนเรียวกังเล็ก ๆ ในเมืองเกียวโตเลยครับ หลังคาทำเป็นสไตล์แบบญี่ปุ่นโบราณ เหมือนเป็นจุดพักสำหรับนักเดินทาง ให้ได้มาคลายหิวและอิ่มท้องกันนั่นเองครับ
ความสวนหิน ความเรียวกังนี้ครับ
counter bar แสดงให้เห็นขั้นตอนการทำแบบติดขอบเวที กลิ่นอาหารจะฟุ้งอยู่เสมอ ช่วยเรียกน้ำย่อยให้เราอยู่ตลอดเวลาที่นั่งในร้านนี้ครับ
ความพิถีพิถัน ความใส่ใจตามแบบฉบับวัฒนธรรมญี่ปุ่น กับสูตรพริกแกงข้าวซอยจากตำรับของคุณแม่ที่ทำมานานกว่า 30 ปี ถูกปรับเปลี่ยนให้ถูกปากคนรุ่นใหม่มากขึ้น แต่ไม่ทิ้งความเข้มข้นและความอะโรมาติกตามแบบฉบับอาหารโบราณครับ นับว่าเป็นความกล้าและความคิดสร้างสรรค์ที่มาถูกทางจริง ๆ กับการหยิบเอาเมนูพื้นฐานของเชียงใหม่แบบนี้มาจับคู่กับอาหารญี่ปุ่นครับ
เห็นกันมาเยอะแล้วกับพาสต้าเส้นสด วันนี้ขอเสนอข้าวซอยเส้นสดครับ โดยทั้งคู่ได้ทดลองทำเส้นมาหลายแบบ จนได้สูตรที่ลงตัวและเข้ากับน้ำข้าวซอยของทางร้านได้ดีที่สุด วันนี้ผมเลือกทานข้าวซอยเนื้อ โดยเนื้อที่ใช้จะเป็นส่วนใบพาย จากวัวพันธุ์ชาโรเล่ส์ ประเทศฝรั่งเศส เข้ากันกับน้ำข้าวซอยข้น ๆ และคอมโบอย่างต่อเนื่องด้วยเนื้อน่องลายตุ๋น โดยทางร้านเลือกใช้เนื้อไทย เพราะให้รสสัมผัสและกลิ่นที่จัดจ้าน ตามแบบฉบับของวัวไทยนั่นเองครับ
PARC (ป้าก)
เริ่มกันที่ร้านแรกกับ Parc (อ่านว่าป้าก) ร้านอาหารไทยสไตล์ contemporary ที่ดึงเอาตำรับเก่าแก่อย่าง “ตำราแม่ครัวหัวป่าก์” ตำราทำกับข้าวเล่มแรกของสยามประเทศโดยท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ซึ่งสืบสานต่อกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นำมาผสมผสานกับเทคนิคสมัยใหม่ เพื่อยกระดับรสชาติและการนำเสนอขึ้นไปอีก โดย Parc อยู่ภายใต้การดูแลของคุณจีโน่ จิตศักดิ์ หลิมภากรกุล General Manager ของโรงแรมทั้ง 3 แห่งในเครือกุลพันธ์ และผู้เข้าแข่งขันจากรายการ Masterchef Season ที่ 3 ซึ่งเป็นผู้เนรมิตอาหารแต่ละจานที่จะได้เห็นต่อจากนี้ออกมาครับ
https://www.facebook.com/parcthaieatery/
ภายในตกแต่งแบบโมเดิร์น แต่แฝงการตกแต่งแบบไทย ๆ เข้าไปในโครงสร้าง แสงธรรมชาติจากกระจกรอบด้านให้ความรู้สึกสว่าง ทำให้เห็นและสามารถถ่ายภาพอาหารออกมาได้สวยงาม
ป้าก คำเมือง หรือภาษาถิ่นภาคเหนือ หมายถึง ทัพพี เป็นคำสั้น ๆ แต่มีความหมายลึกซึ้ง คาดว่าเป็นที่มาของคำว่าหัวป่าก์ คำเรียกผู้สันทัดและเชี่ยวชาญในการปรุงอาหารไทย
อาหารทั้งหมดล้วนได้แรงบันดาลใจมาจาก “กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน” บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 นำมาประยุกต์ดัดแปลงให้ทันต่อยุคสมัย ยกระดับอาหารไทยทั้งในด้านการนำเสนอและรสชาติได้ดีมาก ๆ แฝงด้วยที่มาที่ไปที่มาจากพื้นเพธรรมดา เป็นวิธีชาวบ้านที่ถูกนำมาตีความใหม่ได้อย่างลงตัวครับ
WHITE JUNGLE
เมื่อสิงห์เหนือมาเจอกับเสือใต้ และเหล่าเจ้าป่าได้มาระดมฝีไม้ลายมือร่วมกัน เกิดเป็นตำรับอาหารป่าที่รวมเอาเอกลักษณ์จากป่าทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน
มากันที่ร้านถัดไปนั่นก็คือ WHITE JUNGLE หรือ “ป่าสีขาวแห่งความอร่อย” ร้านอาหารร้านแรกที่ได้เชฟจีโน่จากมาสเตอร์เชฟมารังสรรค์ความอร่อย โดยการนำสไตล์อาหารจากทั่วทุกมุมโลก มาผสมผสานจนเกิดเป็นความหลากหลาย เกิดเป็นรสชาติใหม่ ๆ ที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลยนั่นเองครับ
https://www.facebook.com/whitejunglechiangmai
ร้านอาหารสีขาวที่แซมด้วยความเข้มและความลึกลับของป่าไม้แห่งนี้เน้นเสิร์ฟอาหารป่า ตามสไตล์ “หัวป่าก์” ของเชฟจีโน่เขานั่นเอง พื้นเพเดิมนั้นเชฟจีโน่เป็นคนภูเก็ตครับ ดังนั้นอาหารที่เสิร์ฟจะมีลักษณะเด่นเอนไปทางตำรับภูเก็ตเสียมากกว่า
ป่าสีขาวแห่งนี้ประกอบไปด้วยหัวเรือใหญ่ทั้งสามหัว แรกสุดคือเชฟจีโน่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว และต่อมาก็คือ เชฟสก็อต แฟลกซ์แมน (Chef Scott Flaxman) เชฟผู้มากประสบการณ์ซึ่งได้มีโอกาสทำงานมาแล้วถึง 3 ทวีป นั่นคือ แอฟฟริกา ยุโรป และเอเชีย ซึ่งยังเคยเป็นตัวแทนของร้านไปท้าดวลบัลลังก์เชฟกระทะเหล็กเมื่อปี พ.ศ.2556 อีกด้วย และสุดท้าย เชฟวิเวียน วิวัฒน์ นางาม เชฟผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยและไทยทวิสต์ (Thai Twist) จากร้านชื่อดังบนเกาะสมุยซึ่งได้รับรางวัล Tripadvisor Traveller’s Choice Best of the Best 9 ปีซ้อน (2011-2020)
แกงบุ๋มไบ๋ขาแกะ เด่นด้วยรสชาติจากขมิ้น กระเทียม แตงกวา และกะปิ เป็นอาหารใต้สไตล์ภูเก็ตที่เชฟจีโน่ภาคภูมิใจ นำมาจับคู่กับขาแกะซึ่งไม่ใช่วัตถุดิบปกติสำหรับตำรับอาหารไทย ให้กลิ่นและรสสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์มากครับ
และ Piri Piri Chicken เสิร์ฟคู่มากับ Jungle Salad วันนี้ผมเลือกทานแบบครึ่งตัว ถือว่าอิ่มมากเลยทีเดียว เครื่องเทศรสชาติจัดจ้าน กลิ่นอบอวล หลาย ๆ คนน่าจะชอบครับ
บ้าน บ้าน
มาต่อกันที่ร้านสุดท้ายของทริปนี้ครับ ผมพาทุกคนไปรับประทานข้าวแกงริมถนนครับ “บ้าน บ้าน” อาหารบ้าน ๆ ที่รสชาติไม่บ้านครับ ฉีกภาพของร้านข้าวแกงที่หลายคนคุ้นชินกัน กลายเป็นร้านอาหารแนวคิดสนุก ๆ ที่บุผนังด้วยสังกะสีและโครงไม้เก่า หยิบเอาความเป็นไทยวินเทจมาเป็นธีมหลักในการเล่าเรื่อง รายล้อมด้วยทุ่งนาสีเขียวชอุ่มและเกวียนไถนาที่ริมหน้าต่าง
โดยตัวร้านจะอยู่ในบริเวณสันกำแพง มีจุดเด่นคือทำเลที่ตั้งติดทุ่งนา โดยเป็นอีกร้านนึงที่เกิดจากการปรับตัวในช่วงโควิด ซึ่งทางเจ้าของร้านทำร้านกลางคืนสไตล์ bar and bistro มาก่อน เพื่อนำพาลูกน้องและธุรกิจให้ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ เลยเป็นที่มาของร้าน บ้าน บ้าน ร้านข้าวแกงบรรยากาศน่ารัก ๆ นั่นเองครับ
บรรยากาศสบาย ๆ อากาศถ่ายเท ตกแต่งแบบไทยล้านนาตามแบบฉบับของเชียงใหม่
ขนมของเล่นน่ารัก ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินตลาดโบราณ น่าจะทำให้วัยเด็กของใครหลาย ๆ คนหวนกลับมาอีกครั้งครับ
ปิดท้ายด้วยของหวานล้างปากกับเมนูขนมโบราณอย่างขนมใส่ไส้และขนมอินทนิล ดูไกล ๆ อาจละม้ายคล้ายลอดช่องสิงคโปร์ แต่ไม่ใช่นะครับ ตัวแป้งที่มีสีเขียวที่เห็นนั้นถูกสกัดมาจากใบเตย พ่วงด้วยความหอมจากกะทิอบควันเทียน เป็นขนมที่หาทานได้ยากยิ่ง ถือว่าอิ่มอร่อยในราคาแสนย่อมเยาครับ
วัด
หากพูดถึงเชียงใหม่แล้ว พุทธศาสนาในจังหวัดนี้ถือว่ามีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากครับ โดยพื้นเพดั้งเดิมแล้ว นิกายสำคัญของที่นี่จะเป็นนิกายเถรวาท แบบลังกาวงศ์ ซึ่งถูกสะท้อนออกมาผ่านสถาปัตยกรรมสไตล์ล้านนา ไม่ว่าจะเป็นอุโบสถ ศาลา หรือพระธาตุต่าง ๆ ซึ่งพร้อมด้วยความสวยงามทางด้านการออกแบบและคุณค่าที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ต่อประวัติศาสตร์ของชาติเราครับ
“เมื่อได้มาเชียงใหม่ ก็ต้องเข้าวัด ไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองให้จงได้”
ขอยกคำพูดของตัวเองกลับมาอีกรอบ การมาเชียงใหม่ให้ถึงที่ต้องแวะไปไหว้พระครับ และทริปนี้ผมหยิบมาเพียงวัดเดียวนะครับ เป็นวัดที่ผมตั้งใจเดินทางมาสักการะมาเป็นเวลาสักพักหนึ่งแล้วครับ ครั้งนี้จึงถือโอกาสเดินทางออกจากตัวเมืองมายังแม่แตงที่วัดแห่งนี้
ผมเคยพูดถึงวัดต่าง ๆ ที่เชียงใหม่ก่อนหน้านี้ เข้าไปชมรีวิวเก่าของผมได้ที่นี่ครับ
WALKING THROUGH THE HISTORY OF LANNA
เดินทางข้ามกาลเวลาบนเส้นทางประวัติศาสตร์ล้านนา
https://www.facebook.com/pyongdoctor/posts/2909580859105202
วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดบ้านเด่น ในอดีตเป็นเพียงวัดเล็ก ๆ ในชุมชนตำบลอินทขิล อ.แม่แตง เท่านั้น แต่ในปัจจุบันกลายเป็นวัดที่มีสิ่งก่อสร้างอันทรงคุณค่าทางพุทธศิลป์เกิดขึ้นอย่างมากมาย จนกลายเป็นวัดที่ถูกพูดถึงอย่างมาก
วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน หรือ วัดบ้านเด่น เดิมชื่อวัด “หรีบุญเรือง” (คำว่า สะหลี เป็นคำเมือง หมายถึง ต้นโพธิ์) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2437 โดยการริเริ่มของครูบาไชยา วัดป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งของวัดมีลักษณะเป็นเนินเขาไม่สูงนัก มีพื้นที่ทั้งสิ้น 80 ไร่ เป็นบริเวณเนินที่สูงกว่าพื้นที่ในหมู่บ้าน จึงทำให้มองเห็นได้แต่ไกล ด้านใต้เนินเขามีถ้ำซึ่งชาวบ้านเคารพนับถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และภายหลังได้ถูกพัฒนามาเรื่อย ๆ จนเป็นเฉกเช่นปัจจุบันครับ
ภายในวัดบ้านเด่น มีสิ่งปลูกสร้างที่น่าแวะเวียนเดินชมโดยรอบ อย่างเช่น วิหารพระเจ้าปันต๋น (วิหารพระเจ้าพันตน) มณฑปประดิษฐานพระเศรษฐีนวโกฏิ หอพระธรรม พระวิหารมาต๋าม (ภายในเป็นที่ประดิษฐาน “พระแก้วเกล้าเจ้าบุญเรือง”) พระธาตุประจำปีเกิดจำลองทั้ง 12 ราศี วิหารเสาอินทขิล และอื่น ๆ อีกมากมาย
https://www.facebook.com/watbanden/
งานปฎิมากรรมที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์และวิถีชาวบ้าน
หลังคาอุโบสถและวิหาร ใช้กระเบื้องสีฉูดฉาด ชวนให้รู้สึกถึงความสดใส ทำให้ภาพศาสนาเข้าถึงง่ายขึ้น
ไม่เหมือนกับสถูปเจดีย์ที่เราเคยเห็นกันมาเลยใช่ไหมครับ
พระวิหารมาต๋าม
ภายในเป็นที่ประดิษฐาน ด้านในมีพระประธาน “พระแก้วเกล้าเจ้าบุญเรือง” ที่มีสีทองอร่ามประดิษฐานอยู่ ผนังพระอุโบสถมีภาพเขียนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มีพระพุทธรูปแกะสลักจากไม้ ประดิษฐานเรียงรายตามแนวเสาครับ
ด้านหลังเป็นที่ประดิษฐานของ 12 พระธาตุประจำปีเกิด ที่จำลองมาจากพระธาตุประจำปีเกิดทั่วประเทศ ถือว่าเป็นการรวบรวมมาไว้ที่เดียว เรียกได้ว่ามาที่เดียวครบจบทุกปีเกิด
วัดบ้านเด่น เป็นวัดที่สร้างจากแรงบุญของพุทธศาสนิกชนโดยแท้ การสร้างธรรมสถานหรือศาสนสมบัติที่เป็นรูปธรรมปรากฎอยู่ภายในวัดทั้งหลาย ถือเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์ ไม่ได้มีแนวคิดที่ตายตัว มีการผสมผสานหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน ถึงจะเป็นแนวคิดแบบว่านึกจะใส่อะไรลงไปก็ใส่ แต่สิ่งที่เน้นคือความมั่นคงแข็งแรงและสวยงาม
จุดเด่นสำคัญคือมีการผสมผสานความเป็นวัดบ้านและวัดป่าเข้าไว้ด้วยกัน โดยแนวคิดการสร้างวัดให้สวยนั้นช่วยดึงคนเข้ามาใกล้ชิดวัดเพื่อชมความงามของวัดและซึมซับบรรยากาศของวัดไปพร้อม ๆ กัน แต่ภายใต้ความงามนั้นแฝงไว้ด้วยเรื่องราวของคติธรรม คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีธรรมอย่างแยบยล
ใครมีโอกาสอยากให้ลองแวะมาไหว้หรือสักการะกันดูนะครับ นอกจากอิ่มบุญแล้วยังอิ่มตาอิ่มใจกับสถาปัตยกรรมในพระพุทธศาสนาแบบที่ไม่สามารถหาได้ที่ไหนด้วยเช่นกันครับ
ธรรมชาติ
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่เชียงใหม่พร้อมมอบให้แก่ผู้มาเยือนทุกคนในทุกฤดูกาลครับ ครั้งนี้อาจไม่ได้พาไปไกลมานักด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างจำกัด จึงแวะใกล้ ๆ ใน “สวนสนแม่แตง” สวนสนที่โด่งดังอย่างมากใน social media ช่วงนี้ครับ ด้วยบรรยากาศชิล ๆ ปนโรแมนติกของแนวต้นสนที่ไล่ยาว เป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจครับ
ชื่ออย่างเป็นทางการคือ “สวนผลิตเมล็ดพันธุ์ไม้สนสองใบ” โดยพื้นที่ตรงนี้ถูกจัดตั้งขึ้นมาสำหรับงานวิจัยการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ป่า รวมทั้งยังเป็นแปลงทดลองปลูกไม้สนคาริเบียและวิจัยเมล็ดพันธุ์ โดยโครงการเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 มีเนื้อที่ทั้งหมด 27 ไร่ โดยอยู่ในความดูแลของสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้นั่นเองครับ นอกจากสวนสนที่สวยงามแล้ว ที่แห่งนี้ยังเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิดอีกด้วยครับ
สนคาริเบีย เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ โตได้หลายสิบเมตร ลำต้นมีลักษณะตรงและมีกิ่งเล็ก เปลือกสีน้ำตาลเทา เปลือกรอบต้นแตกเป็นร่องตื้น ๆ ตามยาวและแนวขวางของลำต้น ผลของไม้สนคาริเบียเรียกวา โคน (cone) มีลักษณะเป็นรูปกรวยยาวมีเกล็ด (Scale) หุ้มอยู่โดยรอบครับ
Shirts & Pants: Moomoothings
ตลอดเส้นทางในบริเวณแม่แตงล้วนถูกปกคลุมไปด้วยพื้นที่สีเขียว แม่น้ำที่ตัดผ่ากลางป่า ทั้งสองสิ่งนี้คือเครื่องยืนยันความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่แห่งนี้ครับ
ในระหว่างทางที่เราท่องเที่ยวไปในบริเวณแห่งนี้ ผมก็ได้กับพบสัตว์คู่บ้านคู่เมือง 1 อัตราครับ ได้ความว่าน้องชื่อว่าคำป้อ น่ารักเนอะ ว่าไหมครับ
ภายใต้ความศิวิไลซ์ที่ครอบอยู่ ยังมีพื้นที่อีกมากที่ไม่ถูกรบกวนด้วยความเจริญทางวัตถุ เป็นพื้นที่ของธรรมชาติที่ผมหวังว่าจะไม่มีใครเข้าไปทำลายความงามของมัน ให้สิ่งดี ๆ ได้ก่อเกิดและเติบโตอยู่คู่กับเราไปอีกหลายชั่วอายุคนครับ
กิจกรรม
เดินทางมาถึงในส่วนสุดท้ายแล้วสำหรับทริปเชียงใหม่ในครั้งนี้ของผมครับ กับกิจกรรมต่าง ๆ นอกเหนือจากการท่องเที่ยวที่กล่าวไปในข้างต้น วันนี้มาทั้งบู๊และบุ๋น เดี๋ยวจะแวะไปทดลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วจะพาทุกคนไปชมธรรมชาติจุดสุดท้ายของทริปนี้กัน
ARTISTIC LAB : ปรุงน้ำหอมสะท้อนความเป็นตัวเอง
กิจกรรมสบาย ๆ กับคาเฟ่น้ำหอมที่ฉีกทุกขนบของการเปิดคาเฟ่ เนรมิตพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความคิดสร้างสรรค์สำหรับใครหลาย ๆ คนครับ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาเยือนได้มีโอกาสปรุงน้ำหอมในแบบของตนเอง
สำหรับตัวร้านตั้งอยู่ภายในโครงการ The Kannas Mini Mall เลียบถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ไม่ไกลจากแยกรินคำนี่เองครับ
หากใครติดตามผมมาตลอดจะทราบได้ว่าผมเป็นคนที่ชอบน้ำหอมมาก ๆ กลิ่นต่าง ๆ ที่เราได้สัมผัส มันสร้างความหมายและการตีความที่หลากหลาย เป็นศาสตร์ที่สนุกครับ และนี่จึงเป็นโอกาสอันดีมาก ๆ ที่ผมจะได้ทดลองออกแบบกลิ่นหอมแบบที่เป็นของตัวเองสักทีครับ
https://www.facebook.com/ArtisticLab.official/
การตกแต่งสีขาวเรียบตัดดำ ให้ความรู้สึกเหมือนห้องแลปอะไรสักอย่าง มีหัวน้ำหอม ส่วนผสมต่าง ๆ วางเรียงรายแซมไปกับผลิตภัณฑ์เครื่องหอมที่วางขายในร้าน
โดยเจ้าของร้าน 2 ท่านคือคุณณัฐกฤตา วังจันทร์ (ปิญน์) และคุณวิชญา ศรีเรือนทอง (มิ้ง) สองสาวเพื่อนซี้ที่หลงไหลในเครื่องหอมและกลิ่นหอมจากสรรพสิ่งรอบตัว โดยนำความรู้ความเข้าใจจากทั้ง 2 ศาสตร์ที่ทั้งคู่ได้เรียนจบมา นั่นคือวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและแฟชั่นดีไซน์ สร้างสรรค์ออกมาเป็นคาเฟ่น้ำหอมแห่งนี้นั่นเองครับ
ค่อย ๆ เพิ่ม ค่อย ๆ ลด จนออกมาเป็นกลิ่นที่ถูกใจผมมากที่สุดครับ
Jackets & Pants: Moomoothings
ได้ออกมาเป็นกลิ่นแบบที่ผมชอบ มีความ smokey หน่อย ๆ เครื่องหนังนิด ๆ ตัดด้วยความเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศต่าง ๆ
ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวจะพาทุกท่านไปยังกิจกรรมต่อไปเป็นการปิดท้ายวันนี้ครับผม
ล่องน้ำปิงกับเรือคายัค
เราเดินทางมาต่อกันที่นี่ครับ วัดฟ้าฮ่ามนั่นเอง โดยท่าน้ำของวัดฟ้าฮ่ามแห่งนี้ ถูกใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมของนักกีฬาเรือพายของศูนย์ฝึกกีฬาเรือพายจังหวัดเชียงใหม่ในความร่วมมือกับสถาบันการพลศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ บรรดานักกีฬาเรือพายของเชียงใหม่และในเขตภาคเหนือต่างก็มาเก็บตัวฝึกซ้อมกันที่นี่เป็นประจำ ภายหลังทางศูนย์และท่านเจ้าอาวาสวัดฟ้าฮ่ามได้พูดคุยร่วมมือกันถึงเรื่องการจัดการท่องเที่ยวในรูปแบบผสานกับการกีฬาคายัค เลยคลอดออกมาเป็นกิจกรรมคายัคล่องน้ำปิงนั่นเองครับ
ที่นี่มีเรือพร้อมให้บริการกว่า 60 ลำ พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ตลอด และด้วยความที่แม่น้ำปิงไม่ได้เชี่ยวมาก ทำให้พายได้แบบสบาย ๆ กินลมชมวิวได้ตลอดทางเลยครับ
จริง ๆ ในฐานะที่ผมเองก็เป็นคนที่ชอบลองเล่นกีฬาใหม่ ๆ อยู่เสมอ การมี sport tourism ลักษณะนี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเป็นแนวโน้มที่ดีมากต่อวงการการท่องเที่ยวเลยทีเดียวครับ ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศเรานั้นเอื้อต่อการเล่นกีฬาหลายประเภทมาก ๆ จึงเป็นอีกหนึ่ง the must ที่ผมอยากให้ทุกคนได้มีโอกาสมาสัมผัสจริง ๆ ครับ
พระอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดี ถ้ามาช่วงหน้าหนาวแสงตรงนี้จะสวยมาก อากาศจะเย็นสบายกำลังดี เป็นอีกหนึ่งจุดลับที่อยากให้ทุกคนแวะมา ทางศูนย์จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 8 โมงถึง 2 ทุ่ม แนะนำให้มาช่วงเย็น ๆ บรรยากาศจะเย็นสบาย กำลังดีเลยทีเดียวครับ
เชียงใหม่สำหรับใครหลาย ๆ คน เมื่อไปมากครั้งอาจจะเป็นความจำเจ แต่สำหรับผมแล้ว เชียงใหม่ของผมไม่เคยเก่าเลยครับ เป็นเมืองที่มีอะไรใหม่ ๆ ให้ตื่นตาตื่นใจได้ตลอด และผมก็ยังเชื่ออยู่เสมอว่ายังคงมีอีกหลายสิ่งมากมายที่รอคอยให้เข้าไปค้นหาอยู่
ผมหวังว่าอัพเดตเชียงใหม่ในปีนี้ของผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คนเลือกที่จะออกไปท่องเที่ยวในเมืองไทยกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเหนือ ใต้ ออก ตก มีอะไรมากมายรอทุกคนอยู่จริง ๆ ครับ
สำหรับทริปหน้าจะเป็นที่ไหน ติดตามกันให้ดีนะครับ และฝากแชร์โพสต์เป็นกำลังใจให้กันสำหรับคอนเทนต์ต่อ ๆ ไปหลังจากนี้ด้วยนะครับ
สำหรับวันนี้ผมขอตัวลาไปก่อน
แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้า สวัสดีครับ
เปียง