KOOLPUNT PROPERTY กุลพันธ์ อีกระดับของการเป็นเจ้าของบ้านที่เชียงใหม่

KOOLPUNT PROPERTY
กุลพันธ์ อีกระดับของการเป็นเจ้าของบ้านที่เชียงใหม่

สวัสดีครับ ผมเปียง วันนี้อยู่กับผมในช่วง #PYONGXRealEstate ครับ ช่วงที่ผมจะพาทุกท่านไปชมอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจทั้งทั่วประเทศไทยและทั่วโลก มันคงจะดีใช่ไหมครับ ถ้าเราจะมีบ้านของเราเองสักหลังท่ามกลางบรรยากาศที่เรารักในจังหวัดเชียงใหม่ อากาศเย็น ๆ พร้อมกับเสียงนกร้องปลุกในช่วงเช้า หมอกลอยต่ำมองเห็นวิวของดอยสุเทพอยู่ไม่ไกล ชีวิตชิล ๆ กับเมืองน่ารัก ๆ ที่เราคุ้นเคยเวลามาเที่ยวในทุก ๆ ครั้ง วันนี้ผมมาไกลถึงเชียงใหม่เลยครับกับโครงการบ้านในเครือ “กุลพันธ์” แม้อาจไม่คุ้นหูคนกรุงเทพ ฯ นัก แต่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่เชียงใหม่แล้ว ชื่อนี้ยืนหนึ่งมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 34 ปี ด้วยโครงการบ้านถึง 17 โครงการ และมีจำนวนบ้านทั้งหมดร่วม 5 พันหลังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน

ในครั้งนี้ผมอยากจะพาทุกคนไปชมบ้านจาก 2 โครงการหรู ระดับ super luxury ของทางแบรนด์ครับ ทั้งคู่เป็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ ที่โดดเด่นมากในด้านทำเลที่ตั้ง ด้วยโลเคชั่นที่อยู่ห่างจากตัวเมืองไปเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มีความสงบและเป็นส่วนตัวสูง รายล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ทั้ง 4 ทิศ วิวสวย ๆ ของเส้นขอบฟ้าแซมด้วยทุ่งนาสีเขียวชอุ่มที่อยู่รอบ ๆ ในขณะเดียวกันก็ยังมีตึกรามบ้านช่องในละแวกใกล้เคียงให้เห็นอยู่ตามสไตล์ตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่ออยู่อาศัยหรือเป็นบ้านพักตากอากาศ ก็คงเป็นบ้านในฝันตอบโจทย์ทั้งสองได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ

แม้สไตล์การออกแบบของทั้ง 2 โครงการจะแตกต่างกัน แต่จุดที่เหมือนกันคือ บ้านแต่ละหลังได้ถูกออกแบบมาแล้วให้เสมือนเป็นสโมสรด้วยตัวของมันเอง มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน สระว่ายน้ำขนาดยาวสำหรับการออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ สวนส่วนตัวขนาดใหญ่ในรั้วบ้านกับร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ และพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางและโอ่โถงด้วยการเล่นระดับที่น่าสนใจ นั่นทำให้โครงการทั้ง 2 มีความพิเศษเหนือคู่แข่งในท้องตลาดทั้งหมดครับ

การเป็นเจ้าของบ้านที่เชียงใหม่นั้น เราควรได้ใช้ชีวิตในบ้านแบบไหน ลองไปดูบ้านใน 2 โครงการนี้เป็นตัวอย่างกันครับ

เปียง

#PYONGXRealEstate #ChiangMaiRealEstate #อสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่#KOOLPUNTGROUP #KOOLPUNTVILLE #กุลพันธ์วิลล์

INTRO TO KOOLPUNT : รู้จักกุลพันธ์ให้มากขึ้น
ผมขออนุญาตเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของกุลพันธ์ พร็อพเพอร์ตี้ กันสักหน่อยครับ ในบรรดาบ้านทั้งหมดกว่า 5 พันหลังที่เครือกุลพันธ์ได้สร้างขึ้นมา เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 34 ปีก่อนครับ หรือเมื่อปี พ.ศ. 2530 เขาเริ่มทุกอย่างมาจากทาวน์เฮ้าส์ขนาดเล็ก ค่อย ๆ พัฒนามาเรื่อย ๆ จนสามารถผลิตบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในหลายระดับได้ รวมถึงกลุ่มลูกค้าระดับ high-end แบบที่เห็นในปัจจุบัน

สร้างสรรค์ผ่านประสบการณ์ที่กลั่นกรองจากการเดินทางไปเยือนเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก คุณสมภาคย์ ตระการกุลพันธ์ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของเชียงใหม่ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือกุลพันธ์กรุ๊ป กับโครงการบ้านกุลพันธ์วิลล์ หยิบจับเอาไอเดียเหล่านั้นมาใช้กับธุรกิจของตัวเอง เป็นผู้นำที่คอยกำหนดทิศทางของการสร้างบ้านตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็น ทำเลที่ตั้ง การออกแบบและตกแต่งภายใน ตลอดจนถึงการให้บริการและดูแลหลังการขาย หากกล่าวให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ คุณสมภาคย์ได้หยิบเรื่องราวดี ๆ เลือกสรรแต่สิ่งดี ๆ ที่ท่านชอบนำมาใช้ในธุรกิจในเครือกุลพันธ์นั่นเองครับ

นอกเหนือจากโครงการบ้านแล้ว เครือกุลพันธ์กรุ๊ปยังมีธุรกิจด้านการบริการอีกมากมาย ประกอบไปด้วยโรงแรมดังถึง 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมสิรีอำพัน, โรงแรม นอร์ธ ฮิลล์ ซิตี้ รีสอร์ท และ โรงแรม พาร์คโบโร่ ซิตี้ รีสอร์ทรวมถึงร้านอาหารอีกมากมาย โดยแต่ละโรงแรมจะให้กลิ่นอายของชุดความคิดที่คล้าย ๆ กับที่เราเห็นในโครงการบ้านของเครือกุลพันธ์ นั่นก็เพราะว่าคุณสมภาคย์เป็นผู้ดูแลและควบคุมการก่อสร้างอย่างใกล้ชิดเช่นกันนั่นเองครับ

ด้วยความประณีตของเนื้องาน และการดูแลแบบเหนือระดับ ทำให้เกิดการบอกต่อกันในกลุ่มลูกค้าครับ โดยเริ่มแรกจะเน้นตลาดกลุ่มลูกค้ารายได้สูงของชาวเชียงใหม่เป็นส่วนใหญ่ เพราะมีแนวคิดที่ต้องการสร้างหมู่บ้านที่มีคนอยู่อาศัยจริง ไม่ได้เป็นเพียงแค่บ้านพักตากอากาศในวันหยุดสำหรับคนพื้นที่อื่น โดยมีสัดส่วนชาวเชียงใหม่เองโดยเฉลี่ยถึง 70-80% ของโครงการทั้งหมด และในภายหลังจึงค่อยมีแนวคิดในการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนนอกพื้นที่มากขึ้น โดยเป็นคนในจังหวัดข้างเคียง รวมถึงคนกรุงเทพ ฯ เองนั้นก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

จริง ๆ แล้วกุลพันธ์เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพียงไม่กี่แห่งที่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกบ้านอย่างใกล้ชิดครับ ทำให้เกิดเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความผูกพันกับแบรนด์สูง โดยเกือบทุกปีในช่วงสถานการณ์ปกติจะมีการจัดงานปีใหม่ขึ้น เพื่อขอบคุณลูกค้า ซึ่งทุกครั้งจะมีลูกบ้านของโครงการในเครือกุลพันธ์มาเข้าร่วมมากมายหลายพันคน

และจุดแข็งอีกอย่างของเขาก็คือการสร้างบ้านแบบ “บ้านสร้างสรรค์” โดยลูกค้านั้นสามารถเลือก layout และปรับให้เข้ากับความต้องการของตนเอง โดยทางโครงการจะดูแลตรงนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของบ้านที่ดีและถูกใจที่สุด

ได้รู้จักกุลพันธ์กันมากขึ้นแล้ว เราเข้าไปดูของจริงกันเลยดีกว่าครับ 

กุลพันธ์วิลล์ โครงการ 9 เดอะ เธียร์ร่า : KENSINGTON & WESTMINSTER

ในส่วนของโครงการแรก ผมขอพาทุกคนไปชมบ้านทั้งหมด 2 หลังครับ ได้แก่ Kensington และ Westminster ซึ่งออกแบบและตกแต่งด้วยสไตล์ Neo Georgian แบบอังกฤษ ที่สง่างาม ประณีต และแฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ ที่น่าค้นหา เราตามไปชมทีละหลังกันครับ

ก่อนจะเข้าไปชมข้างใน ผมอยากพูดถึงการตกแต่งสไตล์ Neo Georgian ก่อนสักหน่อย หากท่านไหนได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศอังกฤษ จะพบกับอาคารหรือบ้านเรือนลักษณะนี้ คำว่าจอร์เจียนนั้นจริง ๆ มาจากคำว่าจอร์จครับ โดยสถาปัตยกรรมลักษณะนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงปี ค.ศ. 1714 ถึง 1830 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับรัชสมัยของพระเจ้าจอร์จที่หนึ่งถึงสี่ตามลำดับ

คำว่า Neo Georgian นี้จึงหมายถึงสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นหลังจากยุคที่กล่าวมาในข้างต้น โดยเอกลักษณ์สำคัญคือการนำลักษณะเด่นจากสมัย classical ของยุคกรีกโรมัน ยกตัวอย่างเช่น เสา column ต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ บ้าน เป็นต้น มาประยุกต์ใช้กับสถาปัตยกรรมในยุค Colonial โดยคุณสมภาคย์ ตระการกุลพันธ์ เจ้าของโครงการ ได้ใช้ประสบการณ์การท่องเที่ยวในต่างประเทศ นำลักษณะเด่น ๆ เหล่านี้ที่พบเจอมา นำมาผสมผสานและออกมาเป็นบ้านหลังนี้ครับ

โดยที่นี่จะเป็นบ้าน 3 ชั้น พร้อมด้วยพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดกว่า 640 ตารางเมตร (พร้อมห้องใต้ดิน) มี 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ และ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ สำหรับแม่บ้าน รวมถึงสระว่ายน้ำที่อยู่บริเวณหลังบ้านกับพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางในบริเวณรอบด้าน พร้อมรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ทุกรูปแบบ

driveway นำทางยานพาหนะของเราเข้ามาที่โรงจอดรถครับ ตัวบานเลื่อนทำงานด้วยระบบขึ้นสั่งการแบบอัตโนมัติ

ทางเดินขึ้นไปสู่ตัวบ้าน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่แถบชานเมืองลอนดอนเลยครับกับสถาปัตยกรรมลักษณะนี้ เมื่อเดินเข้ามาจะพบพื้นที่โซนรับรองรอเราอยู่เป็นจุดแรก

ถัดไปจะเจอห้องทำงานครับ ผมชอบการตกแต่งตัวบ้านของทางกุลพันธ์มาก การวางของ การใช้สี งานศิลปกรรมต่าง ๆ การเล่นพื้นผิว ดูเทสต์ดีและรู้ได้ทันทีว่าทำการบ้านเกี่ยวกับสไตล์การตกแต่งมาเป็นอย่างดีครับ

ในส่วนห้องรับแขกจะอยู่ติดกับพื้นที่รับประทานอาหาร และเป็น ceiling สูงแบบ double volume ครับ รับกับหน้าต่างบานมหึมาที่หันรับแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในช่วงเช้า

โคมระย้าขนาดใหญ่ช่วยเสริมความแกรนด์ให้โซนนี้ขึ้นหลายเท่าตัวเลยครับ
แต่สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับที่นี่ก็คงเป็นแสงธรรมชาตินี่แหละครับ ทำให้องค์รวมของตัวบ้านมีแสงและเงา เกิดมิติในทุกครั้งที่มีแสงแดด

ชั้น display ต่าง ๆ บริเวณหน้าทีวีที่ทอดสูงขึ้นไป ทำให้พื้นที่รับแขกตรงนี้ดูโอ่อ่ามากขึ้นหลายขุมเลยทีเดียว อะไร ๆ ก็ดูสูงใหญ่ไปหมด หลาย ๆ คนคงรู้สึกตัวเล็กลงทันทีเมื่อก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ ผมเองก็เช่นกันครับ

ถัดขึ้นมาตรงบริเวณชั้นลอยจะมีพื้นที่เล็ก ๆ ให้นั่งพักผ่อนเช่นกัน โดยสามารถมองลงมาที่บริเวณด้านล่างได้ด้วยครับ

มาถึง Master’s Bedroom ของบ้านหลังนี้ ยังคงคุมโทนด้วยสีน้ำตาลและขาวอยู่เหมือนเดิมครับ จะมีห้องน้ำและ walk-in closet ขนาดใหญ่ในตัว ตามแบบฉบับของห้องนอนที่ดีที่สุดในบ้านหลังนี้

ส่วนห้องนอนห้องอื่นก็ไม่ได้น้อยหน้า โดยมาพร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้องครับ ต่างขนาดแต่สบายเฉกเช่นเดียวกัน

และนี่คือความพิเศษของบ้านหลังนี้ครับ ส่วนของห้องใต้ดิน อีกฝันของนักดื่มหลายคนกับ wine cellar ส่วนตัวนั่นเอง

Theater room สำหรับ movie night หรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ ด้วยกันในครอบครัว พื้นที่ค่อนข้างกว้างเลยครับ ปาร์ตี้ก็ได้ หรือจะลงมานั่งทำงานที่มีความจำเป็นต้องใช้สมาธิสูงก็เหมาะสมเช่นเดียวกันสำหรับพื้นที่ตรงนี้

บริเวณโซนห้องใต้ดินจะประกอบไปด้วยพื้นที่ส่วนฟิตเนสสำหรับการออกกำลังกาย ห้องรับประทานอาหารเช้า และโซนโฮมเธียเตอร์ เหมาะสำหรับการจัดปาร์ตี้สังสรรค์กันภายในครอบครัว มีบริเวณ pantry ไว้จัดเตรียมอาหารหรือขนมต่าง ๆ สำหรับการสังสรรค์ครับ

และนอกจากนี้ สำหรับหน้าต่างข้าง ๆ ในส่วนของ theater room เมื่อมองออกไปจะสามารถมองเห็นบริเวณสระว่ายน้ำได้อีกด้วย

โรงภาพยนต์ส่วนตัวขนาดย่อม พร้อมพาทุกคนติดโซฟาจนลืมวันลืมคืนครับ

และสำหรับอีกไฮไลท์สำคัญ สามารถชมได้ในส่วนต่อไปหลังจากนี้ครับ

สนามกอล์ฟในตัวหมู่บ้าน แดนสวรรค์ของเหล่านักออกรอบครับ ความพิเศษอีกอย่างของกุลพันธ์วิลล์ 9 เดอะ เธียร์ร่า ก็คือสนามกอล์ฟนั่นเองครับ ถือเป็นสนามกอล์ฟ 18 หลุมที่สมบูรณ์แบบ และอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ที่สุด อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของที่นี่เลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยพื้นที่ที่คาบเกี่ยวกับสนามกอล์ฟ North Hill ทำให้ลูกบ้านสามารถออกรอบได้สะดวกสบายมาก ๆ ครับ

Fairway เขียว ๆ ทิวทัศน์สวยงามของสนามกอล์ฟแบบสุดลูกหูลูกตา

สำหรับท่านไหนที่สนใจสนามกอล์ฟเป็นพิเศษ เตรียมพบกับรีวิวตัวเต็มของ North Hill City Resort และ North Hill Golf Club ได้ในเร็ว ๆ นี้ ติดตามกันให้ดีนะครับ

หลังจากที่เราได้ชมบ้านแบบ Kensington กันไปแล้ว พบกับบ้านอีกหลัง Westminster ครับ สำหรับหลังนี้จะเล็กกว่าหลังเมื่อครู่เล็กน้อย โดยจะมีพื้นที่ทั้งหมด 368.74 ตารางเมตร แต่สำหรับออปชั่นต่าง ๆ ถือว่าครบครัน จัดเต็มไม่แพ้หลังแรกเลยครับ โดยจะเป็นขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำเช่นเดียวกัน

สำหรับผม ผมคิดว่าบ้านหลังนี้ดูน่ารักไม่แพ้บ้านหลังที่แล้วครับ มีความบ้านในเมืองสูงมาก ทำให้ผมนึกถึงบ้านของนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษที่ Downing Street เลยครับ

สำหรับ Westminster จะไม่มี ceiling แบบ double space เหมือนหลังแรกครับ แต่ถูกทดแทนด้วยความเรียบง่าย ความ cozy ช่วยให้ความอบอุ่นและไม่ทำให้รู้สึกโอ่อ่าจนเกินไป ถึงอยู่น้อยคนก็ไม่เหงาครับ

เหมือนจะเล็กแต่จริง ๆ ไม่เล็กเลยครับเมื่อเทียบกับบ้านจัดสรรทั่วๆไป

เฟอร์นิเจอร์ย้อนยุคนิด ๆ ให้อารมณ์ vintage หน่อย ๆ ถูกเลือกสรรจากประสบการณ์ของทางเจ้าของโครงการครับ

Master’s Bedroom พร้อมห้องน้ำในตัว อ่างอาบน้ำ และ walk-in closet ครับผม

และถัดมาที่โครงการต่อไป THE PINNACLE กุลพันธ์วิลล์ โครงการ 17 โดยตั้งบนอยู่พื้นที่ทั้งหมด 13 ไร่กว่า และมีบ้านทั้งหมดเพียง 19 หลัง สำหรับที่ดินของบ้านแต่ละหลังจะมีความกว้างตั้งแต่ 174.50 ตารางวาขึ้นไป และอีกหนึ่งจุดเด่นที่สุดของเขาคือทำเลที่ตั้ง ซึ่งอยู่ “ใจกลางเมืองเชียงใหม่” เพราะตัวโครงการนั้นเข้าถึงได้จากถนนมหิดล และถนนเลียบแม่น้ำปิง ทำให้การเดินทางไปในที่ต่าง ๆ โดยรอบสามารถทำได้อย่างง่ายดาย

สำหรับภายนอก ตัวบ้านตกแต่งแบบโมเดิร์นตามสมัยนิยม ให้ความเรียบง่าย สบายตา แต่ยังดูยิ่งใหญ่และโออ่า ด้วยสเปค 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ (1 ห้องนอน และ 1 ห้องน้ำสำหรับแม่บ้าน) พร้อมรองรับครอบครัวทุกขนาด

หน้าต่างแบบกระจกแผ่นเดียว ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ไม่มีขอบมารบกวนให้ขัดหูขัดตา เสริมให้เห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สระว่ายน้ำภายในพื้นที่ของตัวบ้าน กว้างใหญ่ด้วยความยาว 15 เมตร เสมือนมี clubhouse ส่วนตัว

พื้นที่ใช้สอยที่มีมากกว่า 600 ตารางเมตร ทำให้สามารถจัดสรรพื้นที่เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ

เมื่อเข้ามาในบ้านจะพบกับห้องรับแขกขนาดใหญ่ โดยเป็น ceiling สูงแบบ double space ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และหรูหรา

ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ มีการเลือกใช้สีค่อนไปทางโทนที่ดูมีความสะอาดตา เช่นสีขาว สีเทา และสีน้ำตาล ตัดด้วยสีเข้มที่ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป

ภาพมุมนี้ผมถ่ายจากบันไดขึ้นชั้นสองของตัวบ้าน จะสามารถมองเห็นระดับความสูงของเพดานได้ชัดเจน ถือว่าสูงจริง ๆ ครับ

นั่งสนุกลุกสบาย จะนอนพักผ่อน นั่งอ่านหนังสือจิบกาแฟตอนเช้า ใช้ต้อนรับแขกคนสำคัญ หรือชวนเพื่อนฝูงมาจิบน้ำชายามบ่าย ดูดีอย่าบอกใครเลยครับ

ลองโฟกัสลงไปในรายละเอียดการตกแต่ง จริง ๆ แล้วเขาใส่ลูกเล่นอะไรเข้ามาเยอะมากครับ เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่ตัด mood กับชิ้นส่วนใหญ่ที่เหลือ แต่ยังสามารถไปด้วยกันได้โดยไม่รู้สึกติดขัดแต่อย่างใด หรือลวดลายต่าง ๆ ตามประตูหรือกำแพง ช่วยให้บ้านหลังนี้มองแล้วไม่รู้สึกเบื่อเลยครับ

โซนพักอาศัยจะแยกออกมาจากห้องรับแขกหลัก โดยห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารจะเชื่อมอยู่ติดกัน

แสงธรรมชาติสามารถเดินทางเข้าออกได้อย่างอิสระ

ห้องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่สามารถปรับใช้ให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลาย อย่างในภาพนี้เขาจัดพื้นที่เป็นห้องประชุม ไว้สำหรับจัดประชุมบริษัท พบปะหารือกันภายในครอบครัว หรือจัดงานเลี้ยงสำหรับคนหลาย ๆ คน ตรงนี้สามารถปรับใช้ได้อย่างยืดหยุ่นครับ

โซนห้องนั่งเล่นบนชั้นสอง เป็นอีกหนึ่ง common area สำหรับครอบครัว จะนั่งดูหนังด้วยกันเป็น movie night หรือนั่งคุยสัพเพเหระกันก่อนเข้านอนก็สามารถทำได้

Master’s Bedroom ของบ้านหลังนี้ พื้นที่กว้างขวางมาก ๆ ครับ โดยจะมีห้องน้ำในตัวที่ใหญ่กว่าห้องอื่น และมีอ่างอาบน้ำเพิ่มขึ้นมาครับ สังเกตที่ตรงหน้าต่างจะนำเราไปสู่ระเบียงส่วนตัว ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้าได้ในทุกวันครับ

เขามี walk-in closet มาให้หนึ่งห้องเลย ถือว่าขาดไม่ได้จริง ๆ สำหรับห้อง Master’s Bedroom ในบ้านหลังใหญ่แบบนี้ครับ

ห้องนอนอื่น ๆ ที่พื้นที่ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลยครับ โดยแต่ละห้องจะมีห้องน้ำในตัวทั้งหมด มีประโยชน์เวลาที่มีแขกเข้ามาเยี่ยมเยียนและพักค้างคืนชั่วคราว และที่สำคัญคือช่วยให้เป็นพื้นที่ที่สามารถให้ความเป็นส่วนตัวแก่สมาชิกในบ้าน แม้จะอยู่ด้วยกันหลายคนก็ตามครับ

ทำไมต้องซื้อบ้านสักหลังที่เชียงใหม่ : LIVING / VACATION / INVESTMENT

จริง ๆ แล้วการจะมีบ้านสักหลังในจังหวัดที่เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวอาจจะเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับใครหลาย ๆ คน ผมเลยอยากชี้ให้เห็นถึงข้อดีที่จะได้รับ เมื่อได้เป็นเจ้าของสักหลังในเชียงใหม่ครับ

LIVING / VACATION : อยู่นานก็ได้อยู่สั้นก็ดี

ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ได้ขยับมาไกลขนาดนี้ รู้ไหมครับว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เลือกหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง มาลงหลักปักฐานใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเชียงใหม่อย่างถาวร อากาศดี ๆ เมืองที่บาลานซ์ความวุ่นวายและความสงบจนพอดีกัน มีธรรมชาติในพื้นที่ให้ออกค้นหา ทำให้หลายคนตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่ครับ

กลับกันกับการพักผ่อน บางทีที่เรารู้สึกว่ามีภาวะ burnout จากงานที่ทำ การเปลี่ยนบรรยากาศก็สามารถช่วยรักษาใจให้เราได้เช่นกัน เมื่อพร้อมแล้วค่อยกลับไปสู้กับความวุ่นวายในเมืองใหญ่อีกครั้ง

INVESTMENT : ซื้อเพื่อการลงทุน ได้อยู่แถมผลตอบแทน

รู้หรือไม่ครับว่าในช่วงปี พ.ศ. 2559-2562 ที่ผ่านมา ราคาประเมินที่ดินในเชียงใหม่มีการปรับตัวขึ้นสูงมาก ๆ โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% เลยนะครับ และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับในบางพื้นที่นั้นมีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 15-20% เลยทีเดียว (อ้างอิงจากข้อมูลของกรมธนารักษ์) ดังนั้นการได้เป็นเจ้าของบ้านที่เชียงใหม่ ผมมองยังไงก็เห็นแต่ข้อดีครับ ยิ่งหลังจากนี้หากมีการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการมากขึ้น คงทำให้ราคาพุ่งไปไกลกว่านี้ เพราะเชียงใหม่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เป็นที่นิยมมาก ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งโดยสถิติเป็นอันดับหนึ่งที่เดินทางมาเที่ยวไทยในช่วงที่ผ่าน ๆ มาครับ

จบไปแล้วสำหรับรีวิวบ้านทั้ง 3 หลัง ผลงานชิ้นโบว์แดงจากทางกุลพันธ์ เรียกได้ว่าเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์อีกแห่งที่ผมชอบมาก ๆ ทั้งการออกแบบ ฟังก์ชันประโยชน์ใช้สอยต่าง ๆ บรรยากาศโดยรอบ รวมทั้งวิสัยทัศน์ของทางเจ้าของโครงการ และที่สำคัญที่สุด ก็คือการที่ตัวบ้านนั้นอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดที่ผมเดินทางมาเที่ยวในทุก ๆ ปี

ไม่แน่นะ ในอนาคตเราอาจจะได้มาเป็นเพื่อนบ้านกันที่เชียงใหม่ก็เป็นได้นะครับ
สำหรับวันนี้ผมขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ใน #PYONGXRealEstate ครั้งหน้า

สวัสดีครับ
เปียง