MUNIQ SUKHUMVIT 23 : LIVE AS ART งานศิลปะกับการใช้ชีวิต ณ ใจกลางสุขุมวิท

MUNIQ SUKHUMVIT 23: LIVE AS ART
งานศิลปะกับการใช้ชีวิต ณ ใจกลางสุขุมวิท

สวัสดีครับ ผมเปียง พบกับผมในช่วง #PYONGXRealEstate ครับ กับอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจทั่วประเทศไทยและทั่วโลก ครั้งนี้ผมพามาที่ใจกลางเมืองครับ ในย่าน “อโศก” ย่านที่เรียงรายและอัดแน่นด้วยอาคารสูงเสียดฟ้าสมัยใหม่ หนึ่งในย่านที่มีวิว cityscape ที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ อโศกคือจุดเชื่อมใหญ่ของย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจหลักกรุงเทพมหานคร (CBD, Central Business District) ที่ผ่าโยง Grand CBD ในโซนสุขุมวิท-สีลม-สาทร สู่ New CBD กับ Mega Project แห่งอนาคตที่กำลังจะแล้วเสร็จในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าในโซนพระราม 9 เข้าด้วยกัน อโศกจึงเป็นโลเคชั่นพิเศษที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิดสำหรับนักลงทุนครับ

วันนี้ผมพามาเยี่ยมชมโครงการ MUNIQ Sukhumvit 23 คอนโดมิเนียม high-rise ระดับ luxury class ในเครือ Major Development ครับ ถัดจากความจอแจบนแยกอโศกเพียง 1 ซอย เราจะพบกับอีกบรรยากาศของย่านที่พักอาศัยแทรกตัวอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ 2 ฟากถนนของซอยสุขุมวิท 23 โครงการอยู่ห่างจากถนนใหญ่เพียง 200 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเด่นด้วยความสูงถึง 36 ชั้น กับ สไตล์การออกแบบที่ชวนให้นึกถึงสถาปัตยกรรมช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ด้วยการเล่นโครงสร้างและเส้นสายทรงเรขาคณิต ให้กลิ่นอายความเป็น modernism แฝงด้วยองค์ประกอบที่ดูเรียบง่าย แต่มีชั้นเชิง เป็นความหรูหราที่ลงตัว และเข้าถึงได้ครับ

MUNIQ Sukhumvit 23 ออกแบบมาเพื่อความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนเพียง 201 ยูนิตกับ 12 เพนท์เฮ้าส์ ตกแต่งด้วยวัสดุเกรดดีเยี่ยมทั้งในฝั่ง exterior และ interior และเหนือกว่านั้น โครงการตอบโจทย์ลูกบ้านด้วย facility ส่วนกลางที่ล้อไปกับไลฟ์สไตล์คนเมือง และชูเรื่อง “wellness” ออกมาได้อย่างหลากหลากและน่าประทับใจครับ ไม่ว่าจะเป็นระบบจอดรถ Automate Parking, ห้อง Exclusive Theatre Room สำหรับดูหนังฟังเพลง, Social Lounge ที่เป็นได้ทั้ง co-working space สำหรับนั่งทำงานและจัดการประชุม, ฟิตเนสคุณภาพสูงและสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือแบบยาวสำหรับการออกกำลังกายในทุก ๆ วัน รวมไปถึง Jacuzzi และห้องซาวน่าสำหรับบริการลูกบ้านอีกด้วย และที่นี่ยังอนุญาตให้ลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ได้ นับว่าเป็นคอนโดเพื่อ pet lover โดยแท้จริงเพียงไม่กี่แห่งในละแวกนี้ครับ

ผมพาไปเดินชมด้านในและห้องในแบบต่าง ๆ ด้วยกันครับ ตั้งแต่ห้องเล็ก เริ่มต้นที่ 34.74 ตารางเมตรสำหรับอยู่อาศัยคนเดียวจนไปถึงห้องขนาดใหญ่ “THE COLLECTION” ซึ่งมีขนาดกว้างที่สุดถึง 191.11 ตารางเมตร ห้องแบบไหนที่จะเหมาะกับคุณมากที่สุด ถ้าพร้อมแล้ว เราไปเดินชมทุกอย่างกัน

เปียง

#PYONGXRealEstate #MUNIQ #MuniqSukhumvit23 #MUNIQ23 #SUKHUMVIT23 #MajorDevelopment #ReadyToMoveIn #มิวนีค #มิวนีคสุขุมวิท23 #พร้อมอยู่ #MJDJourney #OnlyYouCanGetIt #LiveAsArt

MUNIQ SUKHUMVIT 23 : LIVE AS ART
งานศิลปะกับการใช้ชีวิต ณ ใจกลางสุขุมวิท

#PYONGXRealEstate ในครั้งนี้ ผมพาไปชมโครงการ MUNIQ Sukhumvit 23 หนึ่งในโครงการ high-rise condominium ที่น่าสนใจที่สุดในย่านอโศกแห่งนี้ครับ

แรงบันดาลใจผ่านงานศิลปะ สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตกลางเมืองแบบครบรอบด้าน

ส่วนไฮไลต์สำคัญของโครงการนี้คือห้องพักรูปแบบต่าง ๆ ครับ THE COLLECTION เป็นห้องรูปแบบพิเศษที่ทางแบรนด์ตั้งใจทำออกมาเพียงอย่างละห้องเท่านั้น โดยมีการวางแปลน และตกแต่งในธีมที่แตกต่างจากห้อง Standard อื่น ๆ โดยในตัวโครงการจะมีห้องแบบนี้อยู่ทั้งหมด 12 ห้องด้วยกัน ที่ผมยืนอยู่นี้เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในโครงการ แบบ Duplex เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูทุกมุมของห้องนี้กันในภาพต่อ ๆ ไปนะครับ

ทิวทัศน์ของย่านอโศกที่ผมถ่ายจากห้องหนึ่งในโครงการนี้ครับ สมกับการเป็นย่านที่มี cityscape สวยที่สุดในกรุงเทพมหานครจริง ๆ ครับ

MONDRIAN ART-INSPIRED DESIGN

เรามาทำความรู้กับ MUNIQ Sukhumvit 23 ให้มากขึ้นผ่านเรื่องราวต่าง ๆ กันครับ ที่นี่เป็นคอนโดแบบ high-rise สูง 36 ชั้นที่อยู่ในต้นซอยสุขุมวิท 23 ที่มีเพียงแค่ 201 ยูนิตเท่านั้น โดยจะมีห้อง Penthouse ในรูปแบบลักษณะที่แตกต่างกันถึง 12 ห้องด้วยกัน ด้วยความที่ตัวโครงการไม่ได้อยู่ติดกับถนนเส้นหลัก ทำให้ปราศจากการรบกวนจากความวุ่นวายของเมืองหลวง ทำให้คุณได้สัมผัสกับชีวิตที่เหนือระดับในเมืองหลวงแห่งนี้ครับ

สไตล์การออกแบบที่ชวนให้นึกถึงสถาปัตยกรรมช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ครับ นั่นเพราะการเล่นโครงสร้างและเส้นสายทรงเรขาคณิตนั่นเอง รู้หรือไม่ครับว่าดีไซน์และการตกแต่งของ MUNIQ แบบนี้นั้นแท้จริงแล้วมีแรงบันดาลใจมาจากผลงานศิลปะของ Piet Mondrian ศิลปินชาวดัตช์ผู้เลื่องชื่อ โดยการนำดีไซน์การวาดเส้นตัดสี่เหลี่ยมมาประยุกต์ใช้ทั้งกับการตกแต่งภายในและตัวงานสถาปัตยกรรมเกือบทั้งหมดครับ โดยตัวงานของ Mondrian จริง ๆ แล้วค่อนข้างเป็นนามธรรม เน้นการใช้เส้นและแม่สีในการสร้างงานครับ โครงการหยิบจับเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาเป็นแรงบันดาลใจในการต่อยอดและผสมผสานใหม่กลายเป็นความสวยงาม หรูหรา และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวครับ

BESPOKE FINISHING

เรียบหรูและอยู่เหนือกาลเวลาคือคำจำกัดความที่สามารถนำมาใช้อธิบายคุณภาพและความละเมียดละไมของโครงการแห่งนี้ได้เป็นอย่างดีครับ เพราะในส่วนของวัสดุและชุดอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ engineer เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ หรือเครื่องสุขภัณฑ์ ล้วนถูกเลือกสรรสิ่งที่มีคุณภาพสูงที่สุด เรียกได้ว่าเป็น the best in their class ครับ เป็นสิ่งที่ MUNIQ พร้อมที่จะมอบให้ครับ

เมื่อผ่านทางเข้ามาจะเจอกับ lobby ของโครงการครับ โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายในที่ดูเรียบหรูและมีความ classy บุผนัง ปูพื้น และทำ built-in ด้วยหินอ่อนสีสะอาดตาจากอิตาลี สะดุดตากับโคมระย้าทรงเหลี่ยมขนาดกว้าง ทอดยาวไปตลอดแนวเคาน์เตอร์ต้อนรับ เป็นพื้นที่สำหรับแขกผู้มาเยือนได้นั่งรอ ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ ครับ สวยงามน่าประทับใจ โออ่า ใหญ่โต แต่ไม่รู้สึกโล่งจนเกินไป

การตกแต่งในส่วนต่าง ๆ เล่นกับทรงเรขาคณิต สีขาวสะอาดตา แซมองค์ประกอบสีสันสนุก ๆ ตามสไตล์งานของศิลปินที่เป็นแรงบันดาลการออกแบบของที่นี่ Piet Mondrian ดูเฟอร์นิเจอร์หนังและสีสันที่เขาเลือกใช้สิครับ โดดออกมาแต่เข้ากับส่วนอื่นได้อย่างลงตัว

เป็น lobby ที่ผมรักครับ สวยงามในทุก ๆ องค์ประกอบจริง ๆ

พาเดินดูมุมต่าง ๆ และพร้อมเข้าชมการตกแต่งภายในของโครงการครับ

ส่วนที่ผมชอบมากอีกจุดคือ โคมระย้าทรงเรขาคณิตครับ สอดรับแบบพอดีกับ built-in ที่อยู่รอบๆ ให้แสงสีนวลเติมให้ lobby แห่งนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น

อีกสิ่งที่ผมชอบในบริเวณนี้ก็คือส่วนของ mailbox ครับ เป็นโซนที่ photogenic มาก ๆ ด้วยโคมระย้าที่อยู่ด้านบน รู้สึกได้ถึงความใส่ใจที่ทางโครงการมีต่อพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าในส่วนหลักหรือส่วนรองครับ

AUTOMATED PARKING

อีกหนึ่งความคูลของคอนโดแห่งนี้ครับ กับระบบ Automate Parking ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจอดรถ วันไหนทำงานมาทั้งวันเหนื่อย ๆ ไม่ต้องวนรถหาที่จอดกันให้ล้าไปมากกว่าเดิม อีกหนึ่งความน่าเบื่อหน่ายของคนกรุง ตรงนี้เขาแก้ pain point ได้ถูกต้องแถมเราไม่ต้องขับเข้าไปในช่องลิฟท์ด้วยนะครับ ถาดกลมๆข้างนอกนี้จะเป็นตัวเลื่อนพารถเราเข้าไปเอง สะดวกสบายมากครับ

VERDANT SERENITY

MUNIQ ยังอุดมไปด้วยพื้นที่สีเขียวทั่วทั้งโครงการ ทำให้การเติมพลังธรรมชาติให้ตนเองอยู่ใกล้เพียงแค่หน้าประตูบ้านเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น Terrace Garden สวนลอยที่ทอดยาวลงไปตลอดตัวอาคาร หรือ Secret Garden สวนอันเงียบสงบที่จะช่วยผ่อนคลายในวันพักผ่อน และ Panorama Lounge พื้นที่สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งและการพักผ่อนหย่อนใจทั้งกลางวันและกลางคืน

ตอนนี้เราอยู่ที่ THE SECRET GARDEN พื้นที่สวนเล็ก ๆ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งระหว่างวัน สำหรับใครที่มีน้องหมาหรือน้องแมว จะสามารถพามาเดินเล่นในบริเวณนี้ได้ด้วย ไม่ต้องพาน้อง ๆ ไปเสี่ยงอันตรายกับท้องถนนและฟุตบาทในเมืองครับ

บรรยากาศน่ารัก ๆ ของ THE SECRET GARDEN

Stack Garden คือสวนที่อยู่ระหว่างชั้นครับ ไล่ระดับลงไปเป็นชั้น ๆ ทำให้แต่ละชั้นสามารถเข้าถึงพื้นที่สีเขียวได้โดยการเดินออกมาจากห้องเพียงไม่กี่เมตร ผมว่าตรงนี้เป็นคอนเซปที่น่ารักดีครับ เป็นการแต้มสีเขียวแซมลงไปโดยไม่ต้องพยายามเกิน แถมออกมาดูดีอีกต่างหาก

มองลงไปด้านล่างเราจะเห็นตึก บ้านเมือง และสภาพการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นตลอดเส้นสุขุมวิทครับ แต่จริง ๆ สำหรับชาวสุขุมวิทจะทราบกันดีว่า ตลอดถนนสายนี้จะมีซอยเล็กย่อยมากมายที่เชื่อมต่อกัน นั่นทำให้ชาวสุขุมวิทสามารถพลิกแพลง เปลี่ยนเส้นทางในการสัญจรได้ตลอดเวลา ยกตัวอย่างง่าย ๆ ครับ MUNIQ อยู่ในซอย 23 จะมีเส้นทางให้ลัดไปถึงซอย 21 สามารถเข้าห้าง Terminal ได้ทันที หรือหากต้องการไปทองหล่อ ก็จะมีทางลัดผ่านซอยสุขุมวิท 49 ที่เชื่อมต่อกันนั่นเองครับ

ดังนั้นการที่ตัวคอนโดตั้งอยู่ในซอยจึงเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง ยิ่งถ้าไม่ลึกเกินไป แต่ก็ไม่ถึงติดกับถนนเส้นใหญ่มากนัก คุณสมบัติตรงนี้จะช่วยให้การใช้ชีวิตในพื้นที่ตรงนี้ง่ายขึ้นครับ นอกจากนี้ยังอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศกและ MRT สุขุมวิทเพียงแค่ 5-10 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าสะดวกสบายทั้งผู้ที่โดยสารรถส่วนตัวและผู้ใช้บริการรถสาธารณะครับ

35th : THE SALT WATER SKY POOL

ก่อนจะไปชมห้อง ผมอยากพามาชมสระว่ายน้ำคอนโดที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ครับ

สำหรับสระว่ายน้ำที่นี่จะเป็นแบบสระเกลือ ขนาดความยาว 16 เมตร สำหรับการว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกายครับ ประดับด้วยน้ำตก สร้างบรรยากาศที่ดีของบริเวณสระนี้ ช่องลมถ่ายเทอากาศได้ทั้งวัน ทำให้เย็นสบาย ไม่อึดอัด และเมื่อมองออกไปเรายังสามารถเห็นวิวโดยรอบได้ถึง 270 องศา อีกด้วย

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก รวมทั้งอ่าง Jacuzzi และห้องซาวน่าสำหรับให้บริการลูกบ้านด้วยนะครับ

ทิวทัศน์กลางแยกอโศกกับ cityscape 270 องศาที่ว่าครับ

แนวบันไดที่พาเราขึ้นไปบริเวณชั้นลอยของพื้นที่สระว่ายน้ำครับ ช่วงเย็นเวลาแสงส่องลอดเข้ามาก็จะทำให้เราได้รูปดี ๆ แบบนี้ครับ

เมื่อเดินขึ้นบันไดมาจะเจอกับชั้นลอยครับ มีเก้าอี้ริมสระนุ่มสำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวเมืองแบบไม่มีอะไรกั้น ตรงนี้หากเรามองลงไปที่พื้นที่ปูด้วยกระจกเราจะมองเห็นสระบริเวณด้านล่างได้ด้วย

36th : FITNESS / SOCIAL LOUNGE / EXCLUSIVE THEATRE ROOM

เดินขึ้นมาอีกนิดที่ชั้น 36 จะเป็นที่ตั้งของห้องฟิตเนส ห้องสังสรรค์ และห้องเธียร์เตอร์รูมครับ ในส่วนนี้ออกแบบมาสำหรับการพักผ่อนและสังสรรค์ โดยในส่วนโถง social lounge ทำหน้าที่เสมือน common area ใช้ในการพบปะสังสรรค์กันของลูกบ้าน โดยแยกสัดส่วนที่นั่งกันอย่างชัดเจน

และไปต่อกันที่ห้องฟิตเนสครับ เครื่องไม้เครื่องมือของเขานี่เรียกว่าไม่ธรรมดาเลย มีทั้งโซน weight training และ cardio เป็นฟิตเนสขนาดย่อมที่อุปกรณ์ดีพอที่จะไม่ต้องออกไปซื้อ member ฟิตเนสข้างนอกครับ

ในส่วนของ machine ต่าง ๆ เขาเลือกใช้ของจาก technogym ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องออกกำลังกายชั้นนำจากเมือง Cesana ประเทศอิตาลี

เดินขึ้นมาที่ชั้นลอยจะพบกับ exclusive theater room ครับ ห้องดูหนังส่วนตัว เก้าอี้ปรับเอนได้เบานุ่มสบาย พร้อมกับชุดระบบเสียงเต็มระบบ สามารถมานั่งดูหนังผ่อนคลาย หรือจะร้องคาราโอเกะก็ได้เช่นกัน เพราะโครงการมีชุดคาราโอเกะติดตั้งมาให้ด้วย

แวะมานอนดู Netflix ที่ theater room ด้วยกันได้นะครับ

THE ROOFTOP : PANORAMA LOUNGE

ขึ้นมาที่ชั้นบนสุด เราจะพบกับ Panorama Lounge ครับ เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เป็น เหมือน rooftop ของโครงการ นอกจากมานั่งชิล ผ่อนคลายร่างกาย รับอากาศดีในช่วงเย็นได้แล้ว ลานตรงนี้ก็สามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกันครับ

ซ้ายมือเป็นกำแพงขนาดใหญ่ที่มีช่องระบายลมตามสไตล์ที่ล้อไปกับการตกแต่งด้านล่าง นอกจากดูโอ่อ่า อลังการ และสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์แล้ว ยังช่วยให้ลมบนชั้นนี้ไม่พัดแรงมากจนเกินไปด้วยนะครับ

ยังมีมุมสีเขียว ๆ ที่อยู่ถัดขึ้นมาชั้นนึงครับนับเป็นจุดที่สูงที่สุดของโครงการนี้ ระเบียงตรงนี้ เมื่อมองออกไป จะสามารถชมวิวของย่านสุขุมวิทได้แบบสุดลูกหูลูกตา โดยช่วงที่ผมไปเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ถือว่าคุ้มค่ามากครับกับการได้มาชมวิวระดับนี้

THE COLLECTION

ส่วนไฮไลต์สำคัญของโครงการนี้คือห้องพักรูปแบบต่าง ๆ ครับ โดย THE COLLECTION เป็นห้องรูปแบบพิเศษที่ทางแบรนด์ตั้งใจทำออกมาเพียงอย่างละห้องเท่านั้น โดยมีการวางแปลน และตกแต่งในธีมที่แตกต่างจากห้อง Standard อื่น ๆ โดยในตัวโครงการจะมีห้องแบบนี้อยู่ทั้งหมด 12 ห้องด้วยกัน ว่าแล้วก็ไปดูห้องแบบต่าง ๆ ไปพร้อมกันเลยครับ

THE COLLECTION : จุดสูงสุดแห่งการอยู่อาศัยในย่านสุขุมวิท

สำหรับห้อง ผมขอเริ่มที่ห้อง Penthouse แบบ Duplex ขนาดร่วม 191.11 ตารางเมตร ซึ่งถือเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในตัวโครงการนี้ครับ

เทียบได้จากแปลนห้อง เราจะเห็นว่าห้องนี้กินบริเวณตั้งแต่ชั้น 33 ไปจนถึงชั้น 34 เลยทีเดียว โดยมีการจัด layout ที่พิเศษกว่ายูนิตอื่น คือการวางให้ห้อง master room อยู่ใกล้ทางเข้าบ้านนั่นเอง การตกแต่งของห้องนี้มีการผสมผสานของหลายสไตล์เข้าด้วยกันครับ หรูหรา คลาสสิคและมีสไตล์ เพิ่มการตกแต่งด้วยงานคิ้วบัว เลือกใช้สีขาวโปร่งสะอาดตา บุห้องส่วนหนึ่งด้วยผนังหินอ่อน ตัดด้วย built-in และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งานที่ดี

เราเข้ามาในส่วนของ Foyer ในชั้น 33 จะเจอพื้นที่พักผ่อนก่อนที่จะเข้าห้องนอนหลักหรือขึ้นไปด้านบนที่เป็นโซนห้องนั่งเล่นและห้องครัว ทางเดินตรงนี้จะปูด้วยหินอ่อนสลับสีเป็นลายตารางหมากรุก

ภาพซ้ายเป็นโซนห้องนั่งเล่นครับ มีเตาผิงหลอกที่นำมาวางตกแต่งให้ล้อกับสไตล์การออกแบบโดยรวม สามารถใช้เป็นพื้นที่เก็บของได้ครับ และภาพขวาจะเป็นภาพของโซนครัว ซึ่งจะแตกต่างจากห้องพักปกติ โดยเครื่องครัว Built-in ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นของทาง Poggenpohl แบรนด์เครื่องครัวชั้นนำจากประเทศเยอรมัน จากห้องปกติที่ใช้ของทางแบรนด์ RCD ครับ

แต่ละห้องถูกตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์จาก DM HOME แบรนด์ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ชั้นพรีเมียมระดับโลกจากอเมริกาและอิตาลี โดยมีแบรนด์ที่โดดเด่นก็คือ Bottega Veneta Home และ Ralph Lauren Home ครับ

สำหรับห้อง The Collection นี้จะมีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้องนอน แบ่งเป็นห้องธรรมดาสองห้องและ Master Bedroom อีกหนึ่งห้องครับโดยจะมีการตกแต่งแบบพิเศษทั้งหมด จะเห็นว่าได้นำหินอ่อนมาใช้กับผนังด้วย ซึ่งการตกแต่งแบบนี้จะสงวนไว้สำหรับ THE COLLECTION เท่านั้น

ห้องดูโอ่อ่าด้วยความเป็น duplex พร้อมกับหน้าต่างขนาดใหญ่ที่เชื่อมกับระเบียงด้านนอก ทำหน้าที่รับแสงในช่วงเย็น

มุมพักผ่อนก่อนจะขึ้นไปบนบ้านสามารถนำเราออกไปสู่ระเบียงเล็ก ๆ ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับตัวห้องครับ

ไม่ธรรมดาเลยครับสำหรับวิวนอกหน้าต่างซึ่งหันเข้าหาความสลับซับซ้อนของซอยเล็กย่อยต่าง ๆ ในบริเวณย่านสุขุมวิทครับ

walk-in closet ก่อนเข้าไปยัง Master Bedroom ครับ

Master Bedroom ขนาดใหญ่ พร้อมกับวิวทิศน์ตึกสูงของชั้น 33 ที่เป็นพื้นหลังให้กับจอทีวีตรงปลายเตียง การจัดวางแบบนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับการไป staycation ที่โรงแรมหรูในกรุงเทพฯ ครับ

กระจกอัจฉริยะ เพียงกดรีโมท จากกระจกใส ๆ ก็จะกลายเป็นสีขุ่นในทันที และสำหรับ Master Bathroom นี้ทั้งพื้นและผนังจะเป็นหินอ่อนแท้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีระบบโถสุขภันฑ์แบบอัตโนมัติจากทาง Duravit ด้วยครับ

 THE COLLECTION: 2 BEDROOM 83.22 SQM.

ต่อกันกับห้องที่เล็กลงมาหน่อยครับ กับการตกแต่งที่ให้ความรู้สึก homey กลิ่นอายแบบ Muji ห้องนี้จะมีทั้งหมด 2 ห้องนอนด้วยกัน โดยแบ่งเป็น Master Bedroom และ Kid’s Bedroom ในส่วนแรกจะเจอกับห้องรับแขกซึ่งจะอยู่ติดกับบริเวณโต๊ะรับประทานอาหารครับ

THE COLLECTION: 2 BEDROOM 83.22 SQM.

ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่สลับซับซ้อนเท่าแบบที่แล้ว แต่ก็ยังคุมโทนการตกแต่งแบบเดิม โดยเน้นสีที่ไม่ฉูดฉาดมากตัดกับไม้สีเข้ม โดดเด่นในเรื่องฟังก์ชั่นเหมือนเดิมครับ

ชุดครัวจาก Gorenje by Starck ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของ Philippe Starck นักออกแบบชาวฝรั่งเศส

Master Bedroom และ Kid’s Bedroom ครับ

THE COLLECTION: 2 BEDROOM 130.07 SQM.

มากันที่ห้องถัดไปครับ ยังอยู่ในพาร์ทของ THE COLLECTION ในห้องนี้ส่วนครัวจะถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น และจัดห้องนั่งเล่นกับห้องรับประทานอาหารให้มีการแยกออกจากกันอย่างชัดเจน แตกต่างจากห้องก่อนหน้า

โซนครัวและตู้สำหรับเครื่องดื่มขวดโปรดครับ

บริเวณห้องรับแขกที่มีความกว้างขวางในระดับหนึ่ง ขนาดที่สามารถใส่โซฟาเข้าไปได้ 1 ชุดเต็ม ๆ เรามองเห็นทิวทัศน์ของย่านอโศกจากห้องรับแขกนี้ครับ

ห้องนอนทั้งสองกับเตียงขนาด King Size ทั้งคู่ และในส่วนของห้องน้ำที่มีทั้งส่วน bath และ shower ครับ

THE COLLECTION: 2 BEDROOM 120.13 SQM.

ห้องสุดท้ายของ THE COLLECTION ห้องนี้เน้นพื้นที่ใช้สอยที่ดูกว้างขวาง มีการแบ่งโซนห้องต่าง ๆ แบบหลวม ๆ โดยไม่มีผนังกั้น ห้องรับแขกอยู่รวมกับห้องรับประทานอาหาร และมีห้องครัวที่อยู่มุมหนึ่งใกล้ ๆ กัน แต่ความพิเศษน่าจะเป็นการที่เขามีห้องทำงานแยกมาให้หนึ่งห้องครับ

ห้องรับแขกกับการตกแต่งแบบ cozy ด้านข้างเป็นระเบียงกับหน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติครับ ดูสุขุมแบบผู้ใหญ่ด้วยพื้นไม้ปาเก้และบุผนังด้วยคิ้วบัวสีขาวสะอาดตา

โซนห้องครัวที่เล็กลงมา แลกกับพื้นที่ใช้สอยในบ้านที่กว้างขึ้น

และนี่คือ Master’s room ครับ พื้นที่ขนาดพอเหมาะ มีห้องน้ำและ walk-in closet ในตัว

STANDARD: 2 BEDROOM 86.24 SQM.

จบไปแล้วทั้งหมดกับ THE COLLECTION ทั้ง 4 ห้องก่อนหน้านี้ ผมพาไปชมห้องแบบ Stardard ที่เหลืออีก 4 รูปแบบครับ สำหรับห้องแรกที่ผมจะพาไปดู เป็นห้อง 2 ห้องนอนครับ ห้องนี้จะมีความกว้างอยู่ที่ 86.24 ตารางเมตร

ให้ความรู้สึกเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ด้วยการแบ่งโซนห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารออกจากกันแบบหลวม ๆ

หน้าต่างประตูบานพับแบบนี้สามารถพับปิดได้จนสุด เชื่อมระเบียงกับห้องนั่งเล่นเป็นส่วนเดียวกัน บานพับแบบนี้พิเศษแค่ห้องรูปแบบนี้เท่านั้นนะครับ

ห้องต่าง ๆ ในห้องพักรูปแบบนี้ครับ

STANDARD: 2 BEDROOM 63.42 SQM.

ต่อกันด้วยห้องแบบ 2 ห้องนอนห้องสุดท้ายครับ ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยสีโทนสว่าง ควบรวมโซนของห้องนั่งเล่นและห้องครัวเข้าด้วยกันทำให้พื้นที่ดูกว้างมากขึ้น

2 BEDROOM 63.42 SQM.

แพลนพื้นที่ที่ทำให้ห้องนั่งเล่นเปิดรับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างบานใหญ่ ให้เงาตกกระทบทอดยาวสวยงามในช่วงบ่าย

มุมอื่น ๆ ในห้องนี้ครับ

1 BEDROOM 35.35 SQM.

ปิดท้ายด้วยห้องแบบ 1 ห้องนอนครับ พาไปชม 2 แบบด้วยกัน แบบแรกที่ขนาด 35.35 ตารางเมตร ถึงจะมีความกะทัดรัดลงมาหน่อย

พื้นที่ส่วนครัวและห้องน้ำ พื้นที่จะจัดสรรมาอย่างดีทำให้เราไม่รู้สึกว่าทุกอย่างได้ถูกอัดไว้ในที่เดียว

1 BEDROOM 43.46 SQM.

อีกสไตล์นึงของห้องแบบ 1 ห้องนอนครับ ห้องบุผนังด้วยระแนงไม้ครับ ผนังแบบนี้ช่วยทำให้ตัวห้องดูมีมิติและกว้างมากขึ้น เป็นอีกเทคนิคเพิ่ม space นอกเหนือจากการติดกระจก

1 BEDROOM 43.46 SQM.

แม้มีพื้นที่ขนาดเล็ก แต่ถูกกั้นโซนด้วยกระจกใสการใช้ผนังทึบ ทำให้บรรยากาศห้องดูไม่คับแคบ กะทัดรัด แต่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดี

THE CONCLUSION

สำหรับการมาเยี่ยมชม MUNIQ ในวันนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าการจะมีคอนโดสักห้องนึงในย่านสุขุมวิทเป็นอะไรที่ต้องใส่ใจมากเวลาเลือก โดยเฉพาะทำเลที่ตั้ง ซึ่งเป็นตัวกำหนดความสะดวกสบายของการเดินทางในทุก ๆ วัน ซึ่งที่นี่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ สำหรับโครงการ MUNIQ Sukhumvit 23 ได้ออกแบบมาเพื่อการอยู่อาศัยที่หลายหลาย มีห้องพักให้เลือกสรรหลายรูปแบบ ซึ่งน่าจะสามารถตอบโจทย์ของใครหลาย ๆ คนได้ และจุดแข็งสำคัญคือความใกล้ของตัวคอนโดกับรถไฟฟ้าทั้งลอยฟ้าและใต้ดิน รวมทั้งถนนหนทางที่ทำให้เดินทางไปมาได้อย่างสะดวกและคล่องตัว MUNIQ จึงเหมาะสำหรับทั้งคนที่มีครอบครัวและผู้ที่อาศัยคนเดียว

ด้วยทำเลที่ตั้งที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ผมคิดว่า MUNIQ น่าจะเหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังหาคอนโดสักแห่งเพื่อให้ลูก ๆ วัยมหาลัยได้ใช้อยู่อาศัยแทนการไปเช่าหอพัก และในขณะเดียวกันก็เป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวไปพร้อม ๆ กัน เพราะด้วยราคาที่ดินที่ปรับตัวขึ้นสูงขึ้นตลอดทุกปี เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าที่ดินเปล่าในบริเวณนี้เริ่มน้อยลงไปทุกที ทำให้อัตราการเพิ่มขึ้นของราคาของห้องชุดมีการปรับตัวสูงขึ้นตามเช่นกัน

ค่าเฉลี่ยของราคาคอนโดในระดับ Luxury ที่อยู่ในระดับสองแสนกลาง ๆ เมื่อเทียบกับ MUNIQ แล้วซึ่งอยู่ที่ 220,000 บาท ต่อตารางเมตรเท่านั้น ผมมองว่ายังมี upsize ในอนาคตอีกมากสำหรับพื้นที่ตรงนี้ครับ

นอกจากนี้การซื้อเพื่อปล่อยเช่าก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจเช่นกัน ด้วยความที่อโศกนั้นเป็นศูนย์รวมอาคารธุรกิจสำคัญต่าง ๆ ไว้มากมายซึ่งอุดมไปด้วยบริษัทข้ามชาติ ดังนั้นคอนโดระดับ Luxury นี้จึงเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งของเหล่า expat ที่เดินทางมาทำงานในประเทศไทย

ในความคิดเห็นส่วนตัว ผมชอบในส่วน facility ของที่นี่ครับ รู้สึกว่าเขาได้คิดเผื่อให้เราแล้วในการใช้ชีวิตที่จบครบด้วยตัวเองภายในคอนโดโดยไม่ต้องออกไปไหน มีฟิตเนสที่มีคุณภาพสูง สระว่ายที่ดี รวมถึงโซน recreation อื่น ๆ และยังมีจุดแข็งที่สำคัญนั่นคือการที่สามารถเลี้ยงสัตว์บนคอนโดได้ ทั้งหมดนี้ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างดีครับ

สำหรับใครที่สนใจโครงการ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3ISI7Oa
หรือ Line official account: @mjd.th (https://bit.ly/MJDLine)
MJD Call Center : 1266

ครั้งหน้า #PYONGXRealEstate จะพาทุกคนไปชมที่ไหน อย่าลืมติดตามกันให้ดีนะครับ
สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
เปียง