THE SUKHOTHAI BANGKOK
TIMELESS MASTERPIECE IN THE CENTER OF SATHORN
พื้นที่สีเขียว 17 ไร่ใจกลางแยกสาทร กับโรงแรมระดับตำนานที่ส่งต่อความงามที่ยังคงเป็นอมตะอยู่แม้เวลาจะผ่านมาแล้วเกือบ 30 ปี
สวัสดีครับ ผมเปียง เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2020 ในเดือนแห่งความสุข กับเทศกาลสนุกๆที่รอพวกเราอยู่ในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ครับ เปิดเดือนมาด้วยเรื่องราวน่าสนใจที่คัดสรรมาเพื่อคุณโดยผมเอง ช่วงนี้เป็นช่วงที่โรงแรมทั่วกรุงเทพฯตั้งใจเปิดให้คนไทยด้วยกันเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ครับ ผมจึงตั้งใจไว้ว่าอยากจะมีคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์แบบ staycation ในเมือง มาฝากกันเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อเป็นโอกาสพาทุกคนไปชมว่า โรงแรมที่คนต่างชาติเขาตื่นเต้นอยากมาพักที่บ้านเราเนี่ย ด้านในเขาเป็นยังไงบ้าง และอะไรคือความพิเศษเบื้องหลังที่รอพวกเราอยู่ ผมถือโอกาสนี้เล่าให้ฟังไปด้วยพร้อม ๆ กันครับ
โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ไม่ใช่โรงแรมใหม่ครับ แต่เป็นโรงแรมที่ไม่เคยเก่าเลยต่างหาก หากพูดถึงโรงแรมแห่งนี้ มั่นใจว่าจะต้องติดอันดับโรงแรมในดวงใจของใครหลายๆคนครับ กว่า 29 ปี ที่ยังคงมาตรฐานการบริการมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความประทับใจให้กับแขกมาแล้วจำนวนไม่ถ้วน การันตีด้วยรางวัลจำนวนมากที่หากจะพูดถึงต้องมานั่งไล่ลิสต์กันยาวเหยียด ผมในฐานะแขกคนหนึ่งก็มีความประทับใจกับที่นี่มากเช่นกันในทุกๆมิติครับ สำหรับโอกาสการมา staycation ครั้งนี้ ผมเก็บอะไรมาฝากเยอะทีเดียวเลยล่ะ
ถนนที่ทอดยาวจากถนนสาทรใต้ พาเราเข้ามาภายในรั้วโรงแรม บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นจากเงาของแนวต้นไม้ใหญ่ 2 ฟากฝั่ง ตรงเกาะกลางถนนประดับด้วยแจกันขนาดยักษ์กับพุ่มใบบัวก้านยาวที่แทงรับแสงอาทิตย์แบบ natural form โดยฉากหลังเป็นตัวอาคารของโรงแรมสีขาวงาช้าง ดีไซน์เรียบที่แฝงไปด้วย element ของความเป็นไทยสมัยโบราณ ทั้งหมดส่งเสริมให้โรงแรมแห่งนี้เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามโดดเด่น และดูลงตัวอย่างเป็นที่สุดในฝั่ง contemporary design สำหรับผม ไม่แปลกใจเลยครับ ที่โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ แห่งนี้จะยังคงยืนอยู่อย่างสง่างาม แม้จะมีโรงแรมใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมากในเวลาต่อ ๆ มา
ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่การบริการและความใส่ใจในรายละเอียดเป็นจุดแข็งของที่นี่ ผมมาพักที่นี่เพียง 1 คืนเท่านั้นเองครับ แต่ได้สัมผัสบรรยากาศหลายอย่างที่มากพอที่จะมาเล่าสู่กันฟัง เช้าจรดเย็น ผมทำอะไรที่นี่บ้าง ตามผมไปชมด้านในกัน
#THESUKHOTHAIBANGKOK #THEHOTELINTHESPOTLIGHT
#STAYCATIONINGWITHPYONG #PYONGDOCTOR
THE SUKHOTHAI BANGKOK
TIMELESS MASTERPIECE IN THE CENTER OF SATHORN
The Sukhothai Bangkok เป็นโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่ไม่ได้มีสาขาอยู่ที่สุโขทัยครับ ในภาษาสันสกฤต “สุโขทัย” มีความหมายว่า “รุ่งอรุณแห่งความสุข” บริเวณโรงแรมแห่งนี้รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวมากถึง 17 ไร่ด้วยกัน นับว่าเป็นพื้นที่สีเขียวที่ใหญ่เป็นรองเพียงแต่สวนลุมพินีเท่านั้นเอง อีกทั้งยังตั้งอยู่กลางแยกสาทร แยกที่จอแจที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯอีกด้วย การเข้ามาในโรงแรมแห่งนี้เหมือนการเข้ามาในอีกโลกคู่ขนานที่ตัดความวุ่นวายจากโลกภายนอกออกไปโดยสิ้นเชิง
ภาพที่เห็นเป็นบริเวณสระว่ายน้ำของ The Sukhothai Club Wing
ผมในห้อง Club Premier Suite
โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ หรือ The Sukhothai Bangkok นอกจากจะมีที่กรุงเทพฯแล้ว ยังมีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนอีกด้วย โดย HKRI นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หนึ่งในบริษัทชั้นนำในตลาดหุ้นของประเทศฮ่องกง เจ้าของธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาว serviced apartment, beauty & wellness และอื่น ๆ ทั้งในประเทศฮ่องกง ไทย จีน และ ญี่ปุ่น และเป็นเจ้าของ Auberge Discovery Bay and Discovery Bay Golf Club
โลโก้ของโรงแรม ถูกออกแบบเป็นเพชรที่มีเหลี่ยมมุมแตกต่างกันจำนวน 22 เม็ด เรียงกันจนเกิดเป็นรูปเจดีย์ทรงลังกา เชื่อมโยงกับเอกลักษณ์ 22 ประการ ซึ่งเป็นนโยบายในการทำงานของโรงแรมและหมายรวมถึงแผนกต่างๆทั้งหมด 22 แผนกภายในโรงแรม ที่มุ่งเน้นการให้บริการอย่างเต็มที่และดีที่สุด เพื่อลูกค้าทุกคน
โรงแรมแห่งนี้ได้รับการวางผังและออกแบบโดย Kerry Hill and Edward Tuttle สถาปนิกชื่อดังของโลก โดยมีแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของราชอาณาจักรสุโขทัย ผสมผสานความเป็นสากลเข้าด้วยกัน ประยุกต์ความเป็นไทยเข้ากับพาวิลเลียนขนาดใหญ่อย่างเป็นสัดส่วนลงตัว เราจะเห็นเจดีย์ รูปปั้น หรือภาพวาดต่างๆ ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย แซมอยู่ในจุดต่างๆทั่วไป หรูหราแบบ timeless เน้นการนำ element จำพวก หิน เหล็ก ไม้ เป็นส่วนประกอบสำคัญในการตกแต่ง สร้างความรู้สึกหรูหราแต่อบอวลไปด้วยความรู้สึกอุ่นใจ ผ่อนคลาย และสงบ
ทางเดินริมสระบัว และอาคารจั่วแบบไทย
ตลอดระยะเวลา 29 ปีของ The Sukhothai Bangkok ที่ยืนหยัดในการมอบช่วงเวลาดีๆให้กับแขกทุกท่านที่เข้าพัก ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า The Sukhothai Bangkok ควรค่าแก่การพาตัวเราเข้าไปใช้เวลาผ่อนคลายและฟื้นฟูจิตใจ หลีกเร้นจากความวุ่นวายจากสิ่งรอบข้าง ด้วยการันตีจากรางวัลหลายสถาบันที่มอบให้กับ The Sukhothai Bangkok อาทิ
-Travel + Leisure 2020 World’s Best Awards อันดับ 1 รางวัลโรงแรมประเภท City Hotel ในกรุงเทพฯ อันดับ 4 โรงแรมในประเทศแถบภูมิภาคเอเชีย และอันดับที่ 37 ของโลก
-1 ใน 10 อันดับ โรงแรมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ จาก Conde Nast Traveler
-รางวัลยอดเยี่ยม 4 ดาว โรงแรมที่ดีที่สุดของโลก ปี 2020 จาก The Forbes Travel Guide
-คะแนนโหวตจากผู้เข้าพัก 9/10 คะแนน ใน Booking.Com
-ชนะเลิศ Experts’ Choice Award 2019 จากการให้คะแนนของบรรดา Expert Reviews กว่า 1.5 ล้านคนทั่วโลก
อาคารหลักของโรงแรม ในช่วงนี้ยังไม่ได้เปิดบริการเต็มครับ
โซนนี้ถือเป็นมุม signature ของที่นี่ เจดีย์กลางน้ำ รายล้อมด้วยพาวิลเลี่ยขาวเรียบ ดูมีเสน่ห์มากไม่ว่าคุณจะมองจากมุมไหนของตึก
พามาที่โซน The Sukhothai Club Wing ครับ เนื้อหาผมจะพูดถึงโซนนี้เป็นหลัก เพราะเป็นโซนใหม่ของโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมี่ยมหลายอย่างเพิ่มขึ้นมาจากเดิม ไม่ว่าจะเป็น Club Lounge สระว่ายน้ำ ยิม ห้องอาหาร ฯลฯ และในช่วงนี้ ฝั่งนี้ยังเป็นโซนหลักของโรงแรมที่เปิดบริการอีกด้วย
Club Lounge
ตั้งอยู่ที่ชั้น 6 ของ The Sukhothai Club Wing วิวด้านล่างเป็นสระว่ายน้ำและสวนป็นแนวยาว สวยที่สุดในช่วงเวลาเช้า เป็นสถานที่สำหรับการ check in check out และบริการอำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง คล้ายๆ กับ lobby ครับ เป็นโซนที่ให้การดูแลแบบพิเศษสำหรับบริการแขกที่พักในฝั่ง The Sukhothai Club Wing หรือที่เรียกว่า Club benefits นั่นเอง ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับอาหารเช้า แบบ a la carte, afternoon tea และมีบาร์ส่วนตัวสำหรับคนที่อยากสั่ง cocktail มาดื่ม
check in เสร็จแล้ว พามาชมที่ห้องของผมครับ Club Premier Suite ความใส่ใจเล็กๆ นอกจาก welcome drink คือพวงมาลัยที่ยื่นให้เป็นของต้อนรับแขกทุกท่านครับ
Club Premier Suite
ห้องพัก Luxury แบบ Traditional Thai Residence ที่อยู่ในส่วนของ The Sukhothai Club Wing เป็นห้องพักขนาดกว้างขวางถึง 98 ตารางเมตร แยกส่วน bedroom กับ living room ออกจากกัน และมีอ่าง jacuzzi ในห้องน้ำ พร้อมผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Bottega Veneta ที่ใช้เป็น amenity ของที่นี่โดยเฉพาะ เพิ่มความพิเศษและมีระดับมากขึ้น ภายในห้องจัดโซน dining เป็นแบบ separate เฉพาะอีกด้วย
ความน่ารักเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่น่าประทับใจครับ
ของว่างที่เสิร์ฟรอไว้คือขนมไทยบนถาดโต๊ะไม้จิ๋วครับ
ส่องรอบ ๆ ห้องกันครับ การตกแต่งล้อไปกับตัวโรงแรมครับ ห้องนี้ใหญ่พอจะเป็นห้องพักเพื่ออยู่อาศัยได้เลย สิ่งที่สัมผัสได้เพียงแค่มองเร็วๆ คือวัสดุต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ งานศิลปะ หรือพื้นผิดใดๆ ที่โรงแรมเลือกใช้ในห้องนี้ เป็นของเกรดพรีเมี่ยมทั้งหมดครับ
LCD TV ขนาดยักษ์เป็นกำแพงที่คั่นห้องนั่งเล่นกับห้องกินข้าวไว้ มันสามารถจับหมุนกับแพงได้นะครับ ให้หน้าทีวีหันไปด้านไหนก็ได้ ประทับใจมากอันนี้
โซนห้องครัวที่มีห้องน้ำแยกออกอีกอันครับ
ห้องนอนครับ เตียง king bed กับวิวของสาทรในโซนสีเขียวของโรงแรม
และนี่คือ walk-in closet ที่เชื่อมไปยังห้องน้ำครับ เหมือนจะได้เวลาไปรับประทานอาหารเย็นแล้ว ผมขอข้ามไปตรงนี้สักพักเดี๋ยวกลับมาต่อนะครับ
กลับมาที่ Club Lounge ครับ ที่นี่ในช่วงเย็นๆจะกลายเป็น private bar ด้วยนะ สามารถสั่ง snack ต่างๆ พวก canape cold cut และ cocktail สำหรับนั่งชิลๆ คุยเล่นก่อนถึงเวลารับประทานอาหารเย็น
อีกเสน่ห์ของที่นี่ครับ พนักงานจะมีจังหวะท่วงท่าที่อ่อนช้อย ล้อไปแบรนด์ที่นำเสนอความเป็นไทยนั่นเอง
บรรยากาศรอบ ๆ ครับ
Thai Collins เป็น cocktail ตัว signature ของบาร์แห่งนี้ครับ ชอบมากเป็นการส่วนตัวครับ กลิ่นตะไคร้กับมะนาวเข้ากันอย่างดีกับความเข้มของ Vodka หวาน ๆ นิดจากรสของน้ำผึ้ง
ร้านอาหาร
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่หลายฝ่ายในปัจจุบันให้ความสำคัญและใส่ใจในการเฝ้าระวังกันอย่างเข้มข้น โรงแรมสุโขทัยก็เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เข้มงวดในการดูแลในส่วนนี้ การให้บริการด้านห้องอาหารในภาวะปัจจุบัน ได้ถูกปรับให้เหมาะสม โดย ณ ขณะนี้มีห้องอาหารและคาเฟ่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ 4 ที่ และเปิดแบบ Sunday Brunch 1 ที่ ได้แก่ La Scala , Celadon , Pool Terrece , Cafe Tamarind Pop Up Cafe by Thimian และ Colonade (เฉพาะ Sunday Brunch)
La Scala ห้องอาหารอิตาเลียนชั้นนำของไทย มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงนักชิม โดยหัวหน้าเชฟ Anthony Burd การันตีความดีงามด้วยการถูกจัดให้เป็นหนึ่งในร้านอาหารยอดเยี่ยมที่แนะนำโดยบรรดา celebrity ที่ร่วมกันโหวตบน Hello Taste Guide 2020 ล่าสุดจาก Hello Magazine และถูกโหวตให้เป็นห้องอาหารอิตาเลียนที่ดีที่สุดในโลกจาก La Repubblica นำเสนอเมนูอาหารสูตรแท้ดั้งเดิมแบบอิตาเลียน เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทางโรงแรมได้รีโนเวทภายในใหม่ทั้งหมด มีความทันสมัยปนหรูหรา เตะตา กระฉับกระเฉงมากขึ้น ดีไซน์ให้ครัวเป็นแบบครัวเปิด เพิ่มพื้นที่บาร์คอกเทล ให้นักชิมได้มี reaction กับเชฟและบาร์เทนเดอร์ เพิ่มอรรถรสของมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
โทนสีแดงตามชื่อห้องอาหาร ให้ความรู้สึกทันสมัย และ sophisticated ไปพร้อมๆกัน ห้องครัวแบบ open kitchen ทำให้เราสามารถมองเห็นการทำอาหารในทุกขั้นตอน เป็นภาพที่สวยงามมากครับ กับแสงไฟที่สาดลงบนไอน้ำจากหม้อ โดยมีฉากหลังเป็นชั้นวางโลหะ
พร้อมสำหรับมื้อเย็นแล้วครับ
สั่งมาหลายอย่างครับ แนะนำคร่าวๆ สำหรับคนที่สนใจไปรับประทานนะครับ
Schiacciatina เป็นพิซซ่าตัวแนะนำของที่นี่ครับ ความดีงามของมันคือความไม่เหมือนใครในการเลือกใช้ แบบกรอบ ประกบกันแบบแซนด์วิช ไส้ด้านในประกอบไปด้วยชีส mascarpone มะเขือเทศ rocket และ parma ham (24 เดือน) ประทับใจมากครับเมนูนี้ หากมารับประทานอาหารที่นี่ ควรสั่งครับ
Fegato เมนูนี้ก็ดีครับ foie gras นี่นำมา sear พอสุก เสิร์ฟคู่กับขนมปัง อร่อยมาก
Agnolotti
เมนูนี้เป็น ravioli ครับ แต่ทำมาจาก squid ink ตกแต่งออกมาได้น่ารักมาก ด้านในเป็นล็อบสเตอร์ น่าสนใจเหมือนกัน
Lamb แบบ medium rare อีกเมนูที่ควรสั่งที่นี่ครับ ทำออกมาดี ไม่มีเนื้อกลิ่นเลย นุ่มและฉ่ำมาก
Schiacciatina ที่ว่าครับ อร่อยมาก ๆ
ถ่ายรูปกับมุมด้านหน้าก่อนกลับไปที่ห้องครับ
กลับมาพาทัวร์ห้องต่ออีกนิดก่อนนอนกัน
พามาดูในห้องน้ำครับ ที่นี่ตกแต่งผนังด้วยกระจก จับคู่ไม้ โลหะ และหินอ่อน ให้ความหรูหราและเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน
ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Bottega Veneta ที่ใช้เป็น amenity ของที่นี่
ความใส่ใจรวมมาถึง bathrobe ของที่นี่ที่เลือกใช้เป็นของพรีเมี่ยมเช่นกัน
คืนนี้ขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ตอนเช้านะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ
ยามเช้าจากมุมบนห้องครับ วิวจากบนนี้ เราสามารถเห็นสระว่ายน้ำด้านล่างกับลานกว้างสำหรับร่มและเก้าอี้เอนริมสระเรียงรายอยู่ หากสังเกตต่อไปเราจะเห็นว่าพื้นที่ของโรงแรมมีความกว้างใหญ่กว่าที่เราคิดครับ พื้นที่สีเขียวบริเวณด้านหลังนี้น่าจะเป็นพื้นที่เดียวที่ยังเหลืออยู่นอกเหนือจากสวนลุมพินีในย่านสาทร
อาหารเช้าเสิร์ฟที่ club lounge ที่เดิม สามารถเลือกสั่งได้แบบ a la carte หรือตักแบบบุฟเฟต์ก็ได้ ผมสั่ง egg benedict มาเป็นจานหลักครับ English muffin กับไข่ลวกร้อน ๆ เข้ากันดีกับอเมริกาโน่ร้อนในช่วงเช้าแบบนี้
ไลน์บุฟเฟต์อาหารเช้าครับ หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยร้อยแล้ว ทิ้งห่างซักพักหนึ่ง ผมจะพาทุกคนไปชมส่วนที่ผมชอบที่สุดของโรงแรมครับ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ The Gym ฟิตเนสแบบครบวงการระดับพรีเมี่ยมห้องใหม่ของโรงแรม ใครจะเชื่อว่าโรงแรมจะสร้างฟิตเนสที่ใหญ่ขนาดนี้ออกมาเพื่อรองรับการใช้งานของแขก ต้องเรียนให้ทราบว่าฟิตเนสนี้ไม่ได้ทำออกมาเพื่อบริการแขกเท่านั้น แต่ยังรับ member คนนอกที่สามารถสมัครเป็นสมาชิกได้พร้อมสิทธิประโยชน์มากมายจากทางโรงแรมครับ ที่นี่ดียังไง ผมอยากพาทุกคนไปทัวร์กันครับ
The Gym ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ทุกระดับ ตั้งแต่ beginner จนถึง professional สังเกตได้จากอุปกรณ์ที่เรนจ์กว้างมากๆ หลากหลาย และมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม แบ่งเป็นหลายโซนตั้งแต่ weight training, cardio และห้องสำหรับจัด class ต่างๆ พื้นที่กว้างใหญ่บริเวณ basement ของโรงแรมที่เชื่อมกับอาคารจอดรถโดยตรง หากเดินขึ้นไปด้านบน จะเป็นสระว่ายน้ำของโรงแรม เรียกได้ว่าทำออกมาอย่างตั้งใจเพื่อสายสุขภาพตัวจริง
ความสะดวกของที่นี่ทำให้เราสามารถเริ่มวันใหม่ได้เลยหลังการออกกำลังกายครับ ปกติแล้วผมมีนิสัยออกกำลังตอนเช้าตรู่ของวันก่อนออกมาทำงานช่วง 8.00 น. ที่โรงพยาบาล ดังนั้นฟิตเนสที่ตอบโจทย์จะต้องเปิดไวพอที่จะให้ผมเล่นจนเสร็จ อาบน้ำ แต่งตัว และออกมาทำงานได้ทันเวลา ที่นี่เปิดเช้ามากครับที่เวลา 6.00 น. ของทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ จุดนี้มันตรงกับไลฟ์สไตล์ของผมมาก โดยผมจะเริ่มเล่นตั้งแต่ 6.00 – 7.15 น. แล้วจึงทำกิจวัตรประจำวันอื่นๆให้เสร็จเพื่อไปทำงานต่อไป
ลู่วิ่งของที่นี่มีจอให้ชมด้วยครับ เป็นลู่วิ่งที่ผมรักมาก เพราะสามารถกดโหมดต่างๆ เพื่อจำลองว่าเรากำลังวิ่งอยู่ในแต่ละ scenario ได้ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Newzealand German Tibet ฯลฯ วิ่งไปชมวิวจำลองผ่านจอไปด้วยเพลินดีเหมือนกันครับ หากไม่ชอบแนวนี้ จะเปิดเป็นช่องต่างๆอย่างช่องข่าว CNN ก็ได้ ทางฟิตเนสมีหูฟังของ Bose ให้ยืมสำหรับ member ครับ
ตกแต่งด้วยกระจกทั้ง floor แทรกไปด้วยจอ LCD ภาพ fitness model ที่เปิดวนไปเรื่อยๆ สำหรับผมคิดว่ามันมีผลทางจิตใจมากครับ เหมือนได้รับ motivation ตลอดเวลาอยู่ในนี้
ที่นี่ให้การดูแล member เสมือนกับแขกผู้พักในโรงแรมครับ มีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยปริมาณ member หลักสิบ ภายในพร้อมด้วยห้อง locker ทุกคนจะได้เบอร์เฉพาะของตัวเอง เสื้อผ้าที่ใส่สามารถส่ง laundry ครั้งละ 1 เซต (เสื้อ กางเกง และถุงเท้า ไม่รวม underwear)
ที่นี่มี sauna, steam และ jacuzzi สำหรับ member ทุกท่านสามารถใช้บริการได้ตลอดเวลาครับ ไม่ใช่ออนเซนนะครับ ต้องใส่ชุดว่ายน้ำในการใช้บริการครับ สำหรับน้ำอุ่นๆ ช่วยในเรื่องการคลายความตึงตัวของกล้ามเนื้อครับ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้ และจะดีมากหากแช่ก่อนยืดกล้ามเนื้อ แช่ครั้งละ 15-20 นาที กำลังดีครับ
steam room ครับ
ซาวน่าที่มีทีวีอยู่ด้านในครับ เป็นอีกตัวเลือกสำหรับคนที่อย่างผ่อนคลายด้วยเรียกเหงื่อ กระตุ้น automonic system ของตัวเอง ก่อนเข้าใช้บริการควรดื่มน้ำซักแก้วนะครับ
ภายในห้องแต่งตัวบริการผ้าเช็ดตัวทั้งผืนใหญ่และผืนเล็ก น้ำดื่ม complimentary ของทางโรงแรมที่บริการแบบไม่จำกัดจำนวน และความน่ารักคือที่นี่คือการที่เขาได้เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับการอาบน้ำไว้ให้ครบเลยครับ ให้ amenities คล้ายเราเข้าพักในโรงแรม มีตั้งแต่สบู่ ยาสระผม คอนดิชันเนอร์ สเปรย์ดับกลิ่นกาย ไปจนถึงมูสและสเปรย์สำหรับจัดทรงผม มันทำให้ทุกอย่างง่ายมากสำหรับผมครับ
ด้านบนของฟิตเนสเป็นโซนของสระว่ายน้ำครับ สระว่ายน้ำสีเขียวมรกต ขนาด 25เมตร เพิ่งเปิดใช้บริการมาประมาณ 1 ปีกว่าๆ เปิดเป็นลักษณะ pool club เหมาะกับการจัด pool party ครับ
บรรยากาศ pool club ของโรงแรม
สระว่ายน้ำลักษณะนี้ไม่สามารถพบได้ทั่วไปครับ ความยาว 25 เมตร ขนานกับช่วงตึก เป็นสระที่ดีไซน์ออกมาเรียบ ๆ ก็จริง แต่มีความลงตัวเข้ากับสถานที่ และที่สำคัญ ยังเหมาะกับการว่ายน้ำแบบออกกำลังกายอย่างมากครับ
ที่นี่มี pool terrace bar เปิดให้บริการอยู่ด้วย สำหรับท่านที่สนใจสั่งเครื่องดื่มเย็น ๆ มาที่ริมสระ
ปิดท้ายคอนเทนต์ด้วย signature buffet ของโรงแรมครับ The Legendary Chocolate Buffet สำหรับแฟนๆช็อกโลแลต ผมคิดว่าหลายๆท่านอาจเคยมาสัมผัสหรือเห็นผ่านตามาบ้างกับไลน์ช็อกโกแลตนานาชนิดกับขนมหลากหลายรูปแบบที่ตกแต่งออกมาอย่างสวยงามของ The Sukhothai Bangkok โดยปกติแล้วจะจัดทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ 14.00 น. – 17.00 น.
เป็นโอกาสพิเศษที่ให้ได้ลิ้มลองบุฟเฟต์ช็อกโกแลตกว่า 31 รสชาติ โดยการรังสรรค์เมนูจาก Swiss Chocolatier ฝีมือเยี่ยม Laurent Ganguillet ผู้คิดริเริ่มช็อกโกแลตบุฟเฟต์ของโรงแรมสุโขทัย มีประสบการณ์ในวงการขนมหวานมากว่า 27 ปี คัดสรรเมล็ดพันธุ์โกโก้พรีเมียมที่ดีที่สุดของโลกมาเป็นวัตถุดิบตั้งต้น ก่อนจะครีเอทออกมาตามสูตรเฉพาะต่างๆ มีความ innovative และบางเมนูก็เชื่อมโยงกับ season ต่างๆอีกด้วย สำหรับจุดเด่นของช็อกโกแลตบุฟเฟ่ต์อยู่ที่เครื่องดื่มช็อกโกแลตร้อนสูตรเข้มข้น เสิร์ฟเป็นช็อตคล้ายเอสเพรสโซ่เป็นการต้มเกล็ดช็อกโกแลตที่เราเลือกได้เองแบบนานาชนิด เริ่มจากระดับความขมแบบ 100% ไล่ไปจนถึงระดับความหวานของ white chocolate ละลายให้เข้ากันในหม้อต้มด้วยนมหรือน้ำ จนเป็นช็อกโกแลตร้อนสูตรพิเศษที่เราสามารถเลือกได้เองตามรสชาติที่ชื่นชอบ
โดยบนไลน์บุฟเฟต์นอกจากจะมีช็อกโกแลตนานาชนิดแล้ว ยังมีขนมหวานและอาหารว่าง อาหารทานเล่นให้เลือกทานกันอย่างจุใจ อาจจะจับคู่ช็อกโกแลตทานคู่กับไอศกรีม พุดดิ้ง และฟองดูก็ได้ครับ ผมสั่ง Earl Gray Lotus Tea จาก Lotus Tea by Saro มาทานคู่กันครับ เน้น aroma ครับ สัมผัสนุ่มนวล เบา หอมกลิ่นดอกไม้ แซมด้วยความเปรี้ยวนิดๆแบบ bergamot ตามสไตล์ Earl Gray
จบไปแล้วกับช่วง #STAYCATIONINGWITHPYONG ครับ นับเป็นอีกประสบการณ์ดีๆที่น่าเล่าต่อในช่วงวันหยุดสั้นๆของผม ใน The Sukhothai Bangkok โรมแรมที่เต็มไปด้วยดีเทลน่าสนใจและประวัติที่ยาวนาน อย่างที่ผมกล่าวแต่แรก ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมใหม่ครับ แต่เป็นโรงแรมที่ไม่เคยเก่าเลยต่างหาก ยังคงมีกิจกรรมและโซนใหม่ๆ เข้ามาเติมสีสันให้ที่นี่ใหม่อยู่เสมอ ที่ผมขอแนะนำแบบ strongly recommended เลยคงเป็นส่วนของ the gym ครับ ยอมรับว่าประทับใจมากๆ ตั้งแต่มาเล่นครั้งแรกๆ หากท่านไหนสนใจลองโทรไปสอบถามรายละเอียดได้ที่โรงแรมครับ
แล้วพบกันใหม่ในคอนเทนต์หน้า
รัก, เปียง