FOLLOW THE GREEN LINE : FROM MO CHIT TO KHU KHOT สำรวจส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนจากหมอชิตสู่คูคต

สวัสดีครับ ผมเปียง เรื่องราวที่ผมนำมาฝากกันในครั้งนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างทางการเดินทางครับ คุณเป็นเหมือนกันหรือเปล่าครับที่ทุกครั้งเวลาเราอยู่บนรถ เครื่องบิน หรือรถไฟ เรามักจะมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เพื่อสำรวจภาพรวมของบ้านเมืองในละแวกระหว่างทาง เรามักจะได้เห็นอะไรที่น่าสนใจรอบ ๆ และมักเป็นภาพที่ไม่คุ้นชินจากมุมมองปกติ ที่มักจะทำให้ผมต้องหยิบกล้องออกมาเพื่อบันทึกภาพตรงหน้าอยู่เสมอ

เอาที่ใกล้ตัวขึ้นมาหน่อยครับ เคยลองคิดกันไหมว่าถ้าเราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโดยไม่ลงจากขบวนเลย เราจะได้เจออะไรบ้างในระหว่างทาง ผ่านมุมมองของหน้าต่างรถที่กำลังเคลื่อนไป

#PYONGSEEWHATISEE ในครั้งนี้ผมอยากจะพาทุกคนแวะสำรวจสถานที่ต่าง ๆ ในมุมมองจากสถานีรถไฟฟ้าสถานีต่าง ๆ จากสยามไปถึงสถานีคูคต ซึ่งเป็นสถานีใหม่แกะกล่องสำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนหรือสายสุขุมวิทนั่นเองครับ

วันนี้ผมได้รับการสนับสนุนจาก Nue Cross Khu Khot Station คอนโด low rise ใหม่ล่าสุดในบริเวณคูคตครับ คอนโดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ครอบคลุมทุกด้านของการอยู่อาศัยในย่านชานเมือง โดยยกเอา facilities โดน ๆ ที่มีในคอนโดชั้นนำในตัวเมืองมาใส่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ หรือ Olympic Pool ฟิตเนสคุณภาพที่พร้อมไปด้วยอุปกรณ์ โดยตั้งอยู่ที่สถานีปลายทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือสถานีคูคตนั่นเอง สามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ https://nobleurl.com/3zlTcVY

หากใครมีอายุอานามในระดับประมาณ 20 ต้น ๆ ถึง 30 กลาง ๆ จะคุ้นชินกันเป็นอย่างดีสำหรับสถานีหมอชิต ซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานีปลายทางของรถไฟฟ้าสายนี้ แต่ปัจจุบันได้มีการเพิ่มส่วนต่อขยายจนทอดยาวไปถึงตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งถือว่ามาไกลมาก ๆ หากนับจากสมัยแรกเริ่มที่มีให้บริการเพียงไม่กี่สถานีเท่านั้น นี่จึงนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จังหวัดปทุมธานีถูกเชื่อมกับใจกลางเมืองได้ในเวลาเพียง 30 นาทีด้วยเส้นทางการเดินรถไฟฟ้าครับ

วันนี้เราจะขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีหมอชิต ค่อย ๆ ล่องไปตามสถานีต่าง ๆ แวะสังเกตสถานที่ผ่านกระจกรถไฟฟ้าและบริเวณชานชาลา เจาะลึกอีกหน้าประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ ด้วยความเป็นมาของสถานที่เหล่านั้นครับ มองความเปลี่ยนแปลงจากกลางเมืองสู่ย่านชานเมือง กับสิ่งก่อสร้างและสภาพพื้นที่ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปในแต่ละสถานีจากมุมสูง ซึ่งแตกต่างจากมุมมองที่ปกติเราจะเห็นได้จากบนพื้นถนน สร้างภาพและเรื่องราวที่น่าสนใจได้ดีเหมือนกันครับ

ภาพถ่ายระหว่างทางจะพาเราไปพบเรื่องราวแบบไหนบ้าง เราไปสำรวจเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนด้วยกันครับ

เปียง

FOLLOW THE GREEN LINE : FROM MO CHIT TO KHU KHOT
สำรวจส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนจากหมอชิตสู่คูคต

เรื่องราวที่ผมนำมาฝากกันในครั้งนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างทางการเดินทางครับ คุณเป็นเหมือนกันหรือเปล่าครับที่ทุกครั้งเวลาเราอยู่บนรถ เครื่องบิน หรือรถไฟ เรามักจะมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เพื่อสำรวจภาพรวมของบ้านเมืองในละแวกระหว่างทาง เรามักจะได้เห็นอะไรที่น่าสนใจรอบ ๆ และมักเป็นภาพที่ไม่คุ้นชินจากมุมมองปกติ ที่มักจะทำให้ผมต้องหยิบกล้องออกมาเพื่อบันทึกภาพตรงหน้าอยู่เสมอ

เอาที่ใกล้ตัวขึ้นมาหน่อยครับ เคยลองคิดกันไหมว่าถ้าเราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโดยไม่ลงจากขบวนเลย เราจะได้เจออะไรบ้างในระหว่างทาง ผ่านมุมมองของหน้าต่างรถที่กำลังเคลื่อนไป

#PYONGSEEWHATISEE ในครั้งนี้ผมอยากจะพาทุกคนแวะสำรวจสถานที่ต่าง ๆ ในมุมมองจากสถานีรถไฟฟ้าสถานีต่าง ๆ จากสยามไปถึงสถานีคูคต ซึ่งเป็นสถานีใหม่แกะกล่องสำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนหรือสายสุขุมวิทนั่นเองครับ

วันนี้เราจะขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีหมอชิต ค่อย ๆ ล่องไปตามสถานีต่าง ๆ แวะสังเกตสถานที่ผ่านกระจกรถไฟฟ้าและบริเวณชานชาลา เจาะลึกอีกหน้าประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ ด้วยความเป็นมาของสถานที่เหล่านั้นครับ มองความเปลี่ยนแปลงจากกลางเมืองสู่ย่านชานเมือง กับสิ่งก่อสร้างและสภาพพื้นที่ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปในแต่ละสถานีจากมุมสูง ซึ่งแตกต่างจากมุมมองที่ปกติเราจะเห็นได้จากบนพื้นถนน สร้างภาพและเรื่องราวที่น่าสนใจได้ดีเหมือนกันครับ 

วันนี้ผมได้รับการสนับสนุนจาก Nue Cross Khu Khot Station คอนโด low rise ใหม่ล่าสุดในบริเวณคูคตครับ คอนโดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ครอบคลุมทุกด้านของการอยู่อาศัยในย่านชานเมือง โดยยกเอา facilities โดน ๆ ที่มีในคอนโดชั้นนำในตัวเมืองมาใส่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ หรือ Olympic Pool ฟิตเนสคุณภาพที่พร้อมไปด้วยอุปกรณ์ โดยตั้งอยู่ที่สถานีปลายทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือสถานีคูคตนั่นเอง

ภาพถ่ายระหว่างทางจะพาเราไปพบเรื่องราวแบบไหนบ้าง เราไปสำรวจเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนด้วยกันครับ

รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท : รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน 

หรือชื่อเต็ม ๆ ก็คือ รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สาย 1 เป็นรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดถึง 3 จังหวัด ได้แก่สมุทรปราการ กรุงเทพฯ และปทุมธานีครับ ในสมัยก่อนมีให้บริการเพียง 14 สถานีเท่านั้น จากหมอชิตสู่อ่อนนุช จนปัจจุบันได้ขยับขยายกลายเป็น 52 สถานี (รวมเส้นทางเดินรถสายสีลมด้วย) สามารถเชื่อมต่อไปยังสายอื่น ๆ ที่สร้างตามขึ้นมาภายหลังได้มากมาย ผมยังจำได้ว่าในสมัยเด็ก ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่พาขึ้นรถไฟฟ้าเป็นครั้งแรก มันเป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจมาก ๆ สำหรับเด็กคนหนึ่ง ผมเชื่อว่าหลายคนก็คงมีความรู้สึกคล้าย ๆ กันกับผมครับ เป็นช่องทางการเดินทางใหม่ที่ช่วยให้ชีวิตชาวกรุงเทพฯ ง่ายขึ้นมาก ๆ

ผมเดินขึ้นจากทางฝั่งสวนจตุจักร ซึ่งใกล้ ๆ กันคือที่ตั้งของตลาดนัดจตุจักร เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกรุงเทพฯ ร้านรวงต่าง ๆ กับสินค้าอันหลากหลายตั้งแต่อาหาร ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง ไปถึงเฟอร์นิเจอร์หรือของเก่าที่มีมูลค่า ระหว่างเดินขึ้นไปสวนกับผู้คนมากมายที่มุ่งจะไปยังจุดหมายต่าง ๆ

ว่าแล้วก็เดินไปซื้อตั๋วและขึ้นขบวนรถกันครับ

MO CHIT : CHATUCHAK PARK

สำหรับสถานีต้นทางของเราในวันนี้คือสถานีหมอชิตครับ สถานที่แรกสำหรับวันนี้ก็คือสวนจตุจักรครับ ข้างสถานีขนส่งหมอชิตก็คือสวนขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายแวะมาพักผ่อนหย่อนใจ อีกหนึ่ง route ที่ขาวิ่งและขาปั่นจักรยานในพื้นที่ต้องแวะเวียนมาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง สวนแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 2523 โดยเป็นที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ถวายให้ใช้ตามพระราชกุศล โดยมีพื้นที่ทั้งหมดร่วม 100 ไร่ ซึ่งสวนจตุจักรมาจากภาษาสันสกฤตที่แปลว่า 4 หมายถึงการขึ้นครองราชย์ ครบ 48 ปีหรือ 4 รอบนั่นเองครับ โดยนอกจากบ่อน้ำขนาดใหญ่ หอนาฬิกา และอื่น ๆ อีกไฮไลต์สำคัญคือต้นชมพูพันธุ์ทิพย์รอบ ๆ ที่จะเบ่งบานออกดอกในช่วงฤดูร้อนของแต่ละปีด้วย

อีกหนึ่ง attraction สำคัญในย่านนี้ก็คือตลาดนัดสวนจตุจักรครับ ซึ่งได้ถูกย้ายไปในบริเวณข้างเคียงกัน ช่วงนี้เพิ่งจะได้กลับมาเปิดทำการเต็มรูปแบบเพราะก่อนหน้านี้มีโควิดนั่นเองครับ

ถ้าพร้อมแล้ว เราเริ่มออกเดินทางกันเลยครับ 

หากเดินทางด้วยโทล์ลเวย์ของเส้นวิภาวดี เราจะเห็นสายการเดินรถไฟฟ้า BTS ที่อยู่สูงเหนือกว่าโทล์ลเวย์ขึ้นไปอีกครับ จากบนนี้เราได้เห็นภาพในมุมสูงของสวนจตุจักรที่ดูกว้างกว่าเดิม เป็นมุมมองที่เราหลาย ๆ คนอาจไม่ได้เห็นเมื่อเดินทางด้วยรถยนต์ 

MO CHIT : ELEPHANT TOWER หรือตึกช้าง

สร้างเสร็จในปี 2540 ตึกช้างแห่งนี้เป็นอีก landmark iconic สะดุดตาทุกคนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาในบริเวณนี้ครับ ออกแบบโดย ศ.ดร.อรุณ ชัยเสรี และ สถาปนิก นายองอาจ สาตรพันธุ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ด้านสถาปัตยกรรมร่วมสมัย เป็นอาคารสูง 32 ชั้น สูง 102 เมตร โดยได้รับการจัดว่าเป็นหนึ่งในตึกระฟ้าที่โดดเด่นที่สุดในโลกโดย CNNgo ด้วย

ที่มาที่ไปของลักษณะตัวช้างก็คือการที่ตึกมีโซนหลายโซนด้วยกัน ทั้ง office โรงแรม และ residence การจะเชื่อมทั้ง 3 ทาวเวอร์เข้าหากัน ตามกฎหมายนั้นต้องมีการเว้นช่องว่างระหว่างอาคาร ดร.อรุณเห็นว่าพอออกแบบมาแล้วคล้ายกับรูปช้าง ก็เลยเติมตาช้างเข้าไปแล้วตั้งชื่อว่าตึกช้างเลยนั่นเองครับ

5 แยกลาดพร้าว : แดนเนรมิต

อีกหนึ่งความทรงจำในวัยเด็กของใครหลาย ๆ คนกับสวนสนุกแดนเนรมิตซึ่งตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน โดยวิวที่ผมเห็นเป็นการเดินทางระหว่างสถานีห้าแยกลาดพร้าวและสถานีพหลโยธิน 24 ครับ ในอดีตเคยเป็นสวนสนุกที่ใหญ่มาก ๆ แห่งหนึ่ง มีเครื่องเล่นนานาชนิด โดยมีเจ้าของเดียวกับดรีมเวิลด์ ในสมัยนั้นถือว่าใหญ่มากเลยครับ เปิดทำการครั้งแรกในปี 2519 มีทั้งสวนสนุก สวนสัตว์ รวมทั้งพื้นที่จัดแสดงคอนเสิร์ตซึ่งศิลปินดัง ๆ มากมายได้มีโอกาสมาแสดงที่นี่

แดนเนรมิตปิดทำการในปี 2543 เนื่องจากหมดสัญญาเช่าโดยเครื่องเล่นบางส่วนได้ถูกย้ายไปที่ดรีมเวิลด์ ปัจจุบันเหลือเพียงปราสาทเทพนิยายซึ่งสร้างอิงจากปราสาทดิสนีย์และปราสาท Neuschwanstein จากประเทศเยอรมัน ทิ้งไว้ต่างหน้าให้หลายคนได้หวนนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ในตอนนั้น และให้คนรุ่นใหม่อย่างเรา ๆ ได้มานั่งสงสัยและครุ่นคิดถึงที่มาที่ไปของปราสาทหลังนี้ครับ

สมัยเด็ก ๆ ผมเคยได้มาที่นี่อยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่จำความได้ ยังเห็นภาพเก่า ๆ ที่จูงมือคุณพ่อคุณแม่มาเล่นม้าหมุนที่นี่อยู่ทุกครั้งที่เดินทางผ่าน และเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบที่สถานที่ปิดตัวลงไป นึก ๆ แล้วก็เป็นบรรยากาศที่ nostalgic ชวนให้หวนคิดถึงอดีตเก่า ๆ ได้ดีเหมือนกันครับ

5 แยกลาดพร้าว : เซ็นทรัล ลาดพร้าว

ห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัลอีกแห่งที่มีทำเลที่ตั้งเป็นเอกลักษณ์ เนื่องด้วยผืนที่ดินหัวมุมสามเหลี่ยมในบริเวณ 5 แยกแห่งนี้ครับ ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลชนะประมูลมาจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ภายในประกอบด้วยพื้นที่ช็อปปิ้ง โรงภาพยนตร์ และร้านอาหารมากมาย ซึ่งคึกคักอยู่ทุกวันด้วยทำเลที่ตั้ง ณ ห้าแยกลาดพร้าวแห่งนี้ครับ

นอกจากนี้ห้างเซ็นทรัลสาขานี้ยังเป็นที่ทำการของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN อีกด้วยครับ

หน้าตาที่นี่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เวอร์ชันล่าสุดดูสวยทันสมัย ด้วยกรอบอาคารแนว metallic กับองศาที่รับกับแสงสะท้อนในช่วงบ่ายให้ภาพที่ออกมาดูแปลกตา เมื่อถ่ายลงมาจากบนนี้ครับ

รัชโยธิน : MAJOR CINEPLEX RATCHAYOTHIN

ห้างในดวงใจของคนย่านนี้ครับเมเจอร์รัชโยธินนั่นเอง เมเจอร์แห่งนี้ถือเป็นอีกสาขาที่มีความ iconic สูงมาก ด้วย facade รูปร่างแปลกตาซึ่งพบเห็นได้เฉพาะห้างเมเจอร์เก่า ๆ เท่านั้น สมัยก่อนที่จะมีเซ็นทรัลลาดพร้าว นี่คือห้างสรรพสินค้าเดียวที่หล่อเลี้ยงจิตใจชาวพหลฯ มาโดยตลอดครับ สาขาแรกคือเมเจอร์ปิ่นเกล้าซึ่งเปิดทำการในปี 2538 โดยหลังจากนั้นก็ทยอยสร้างขึ้นมาอีกหลายสาขาด้วยกัน โดยในแบรนด์ Major Cineplex แล้ว เมเจอร์รัชโยธินถือเป็นสาขาเรือธงของแบรนด์เลยครับ ด้วยขนาดที่ใหญ่โตและทำเลที่ตั้ง นอกจากนี้เขายังมีส่วนต่อขยายออกมาเป็น community mall และมีโซนตลาดนัดให้เดินในยามค่ำคืนอีกด้วยครับ

สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

อีกหนึ่งสถานีที่ตั้งตามมหาวิทยาลัยในชื่อเดียวกัน สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั่นเองครับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก่อตั้งขึ้นในปี 2477 โดยแรกเริ่มมีชื่อว่า โรงเรียนช่างไหม และโรงเรียนวิชาการเพาะปลูกตามลำดับ เปิดสอนแค่วิชาที่เกี่ยวกับการเกษตร จนต่อมาขยับขยาย มีสาขาวิชามากมาย จนกลายเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในที่สุดครับ จุดเด่นก็คือพื้นที่กว้างขวางที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้เต็มไปหมด สำหรับคนทั่วไปแล้ว งานประจำปีสำคัญที่สุดของสถานที่แห่งนี้ก็คือเกษตรแฟร์ ซึ่งหลายคนเฝ้ารอที่จะให้มาถึง ผมเองก็เช่นกันครับ

ไฮไลต์สำคัญของย่านนี้ก็คือของกินครับ ใช่ครับ นอกจากเยาวราช วังหลัง หรือโซนไหน ๆ แล้ว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นโซนที่อุดมไปด้วยของกินปริมาณมาก เดินไปทางไหนก็เจอร้านอาหารเต็มไปหมด ทั้งสตรีทฟู้ด ร้านติดแอร์ หมูกระทะ แน่นไปแทบทุกหัวมุมถนน บางทีในสมัยเรียนผมเองยังแอบอิจฉาเด็กเกษตรฯ เขาเลยครับ ทำไมถึงได้มีอะไรให้เลือกรับประทานกันเยอะขนาดนี้ 

บ้านเมืองที่มองมุมสูงทำให้เราค่อย ๆ เห็นการเปลี่ยนถ่ายระหว่างตัวเมืองกับย่านชานเมืองครับ เราจะเห็นตึกที่ค่อย ๆ ลดระดับลงเรื่อย ๆ กับบรรยากาศของบ้านที่ดูเป็นที่พักอาศัยมากขึ้น พร้อมกับอาคารพาณิชย์ในรูปแบบช่วงเมื่อราว 20 ปีที่แล้วสมัยอสังหาริมทรัพย์กำลังเป็นที่นิยม ในสถานีช่วงปลายจนสุดสาย

พื้นที่ในส่วนนี้โดยรวมจะเป็นชุมชนและที่อยู่อาศัยเกือบทั้งหมดเลยครับ ถือว่าแตกต่างกับบรรยากาศที่เราเจอในเมืองมาก ๆ 

บรรยากาศของ BTS ที่เราคุ้นเคย เมื่อถึงสถานีท้าย ๆ รถก็จะโล่งแบบนี้ ผมว่าเอาจริง ๆ แค่กล้องตัวนึง หูฟังพร้อมกับเพลงโปรดก็ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินกับการใช้เวลาในรถไฟฟ้าแห่งนี้ครับ 

สถานีวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร : พุทธวิชชาลัย (วิทยาลัยพุทธศาสตร์และปรัชญา วัดพระศรีมหาธาตุ)

อีกอาคารรูปทรงแปลกตาในภาพนี้ก็คือพุทธวิชชาลัยแห่งนี้ครับ เป็นอาคารของวิทยาลัยพุทธศาสตร์และปรัชญา วัดพระศรีมหาธาตุ ในการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร โดยทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับพุทธศาสนาครับ

สถานีวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร : วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร

อีกสถานีที่เราผ่านก็คือสถานีวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดในชื่อเดียวกัน โดยเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร เริ่มสร้างเมื่อปี 2483 ที่ริมถนนพหลโยธิน ตรงหลักกิโลเมตรที่ 18 แขวงอนุสาวรีย์ (เดิมชื่อตำบลกูบแดง) เขตบางเขน โดยเป็นความร่วมมือร่วมใจกันของทั้งภาครัฐและประชาชน ถือเป็นสมบัติประจำชาติอีกแห่งที่พร้อมไปด้วยความงาม ประวัติศาสตร์ และแรงศรัทธาอันแรงกล้าของคนไทยครับ

ภาพของเจดีย์วัดในลักษณะนี้ในมุมมองที่สมมาตร หากมองจากข้างบนนี้น่าจะเป็นเพียงไม่กี่แห่งที่ทำให้เราสามารถเห็นภาพนี้ได้ โดยไม่ต้องใช้โดรนถ่ายจากมุมสูงครับ 

องค์มหาเจดีย์ได้มีพระราชพิธียกฉัตรยอดเจดีย์ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2484 พระมหาเจดีย์นี้เป็น 2 ชั้น ชั้นนอกเป็นเจดีย์ใหญ่ ชั้นในเป็นเจดีย์องค์เล็กอยู่ตรงกลาง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กิ่งศรีมหาโพธิ์ (ต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้) และดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง มาจากอินเดีย ซึ่งในสมัยนั้นไทยได้ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศอินเดียและขอนำอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ วัดแห่งนี้ครับ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ศรีมหาธาตุ” นั่นเอง 

สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ : อุทยานการบินกองทัพอากาศ

แม้จะได้เห็นเพียงปลายยอดก็พอจะเดาได้ว่าคือสถานที่อะไรโดยมีอีกคำใบ้ก็คือชื่อสถานีที่เรากำลังจะเดินทางไปถึงครับ อุทยานการบินกองทัพอากาศ นั่นเอง ที่มีแผงกั้นก็เพราะว่าด้วยความเป็นเขตพื้นที่ของกองทัพอากาศ ทำให้เราได้เห็นเพียงแค่ยอดปลายจมูกเครื่องบินเท่านั้น

เครื่องบิน 4 เครื่อง ที่ตั้งอยู่บ่งบอกยุคสมัยของเครื่องบินขับไล่ที่ทางกองทัพอากาศใช้งานครับ
โดยยุคแรกคือเครื่องบินขับไล่แบบที่ 17 (F-86F)
ยุคที่ต่อมาคือเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 (F-5A) ยุคที่สามคือเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 (F-5E) และยุคที่ 4 คือเครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 (F-16A) ซึ่งยังมีการใช้งานจนถึงปัจจุบันครับ

ในสถานีหลัง ๆ เราอาจไม่ได้เห็นพื้นที่รอบ ๆ มากนักเพราะตัวกั้นของ BTS แต่เรายังพอได้เห็นส่วนหัวเล็ก ๆ ของเครื่องบินขับไล่โผล่ขึ้นมาเหนือตัวกั้นนี้ เป็นภาพที่คุ้นชินของผมตอนขับรถผ่านย่านสะพานใหม่ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา

BHUMIBOL ADULYADEJ HOSPITAL : โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช

อีกสถานที่หนึ่งที่สำคัญในบริเวณครับ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เป็นโรงพยาบาลภายใต้สังกัดกรมแพทย์ทหารอากาศ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2492 ความพิเศษของที่นี่ก็คือเป็นโรงพยาบาลที่เพื่อน ๆ แพทย์จุฬาฯ ของผมหลาย ๆ คนที่ร่วมโปรแกรมผลิตแพทย์ระหว่างจุฬาฯ และกองทัพอากาศ มาเรียนชั้นคลินิกกันที่นี่นั่นเองครับ 

ขนาดตึกที่ลดลงและพื้นที่สีเขียวที่มากขึ้นคือสัญญาณที่บ่งบอกได้อย่างดีว่าเรากำลังก้าวพ้นเขตเมืองไปครับ ที่เห็นในรูปด้านขวาล่างคือตลาดประตูกรุงเทพพลาซ่า เป็นอีกแหล่งของกินที่น่ามาลองเดินในบริเวณนี้

KHU KHOT : คูคต

และเราก็เดินทางมาถึงสถานีคูคตในที่สุดครับ บ้านเมืองจากตึกสูงก่อนหน้านี้ ที่นี่กลายเป็นย่านอยู่อาศัยโดยสมบูรณ์พร้อมกับบรรยากาศของพื้นที่สีเขียวที่น่าจะกำลังมีการพัฒนาเป็นสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ ที่สร้างสอดรับกับการมาถึงของความเป็นเมืองในย่านนี้ 

ในบริเวณรอบ ๆ นอกจากบ้านเรือนเป็นหย่อม ๆ แล้วยังมีพื้นที่รกร้างที่รอให้มีการมาพัฒนาต่อ จึงทำให้บริเวณนี้มี upsize potential ในการเติบโตอีกมากเลยทีเดียวครับ

แล้วเราค่อย ๆ เดินจากตัวสถานีไปที่ตัวโครงการกันครับ

สถานีรถไฟฟ้า BTS ปลายสาย สถานีคูคต

ใช้เวลาเพียงไม่นานเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ Nue Cross Khu Khot Station นั่นเองครับ

KHU KHOT : NUE CROSS KHU KHOT STATION

ผมอยากจะพาทุกคนไปชมโครงการ Nue Cross Khu Khot Station ซึ่งเป็นคอนโด low rise จากทาง Noble ที่อยู่ในย่านชานเมืองและมีราคาเริ่มต้นที่ย่อมเยามาก ๆ เพียงแค่ 1 ล้านต้น ๆ ตัวคอนโดอยู่ห่างจากสถานีไปเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ซึ่งสำหรับตำบลคูคต จังหวัดปทุมธานี แห่งนี้ บรรยากาศมีความเงียบสงบครับ และด้วยความเจริญที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจากเขตเมือง ทำให้พื้นที่ชานเมืองตรงนี้ถือว่าน่าอยู่อาศัยและควรค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของอย่างยิ่งครับ 

X2O COFFEE KHU KHOT

ก่อนจะเข้าไปชมตัวโครงการกัน แวะดื่มกาแฟสักแก้วให้ชื่นใจหน่อยครับ ที่ร้าน X2O COFFEE ซึ่งตั้งอยู่ในตัวโครงการ เขามีกาแฟ Artisan คุณภาพเยี่ยมจากทางภาคเหนือให้บริการ 

เป็นการ collaboration ที่น่าสนใจมากครับ จากการนำร้านกาแฟ specialty ที่มีความโดดเด่นในแง่ไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองมาวางในจุดยุทธศาสตร์ของที่นี่ เป็นจุดเริ่มต้นของ community เท่ ๆ ที่อีกหน่อยคงมีอะไรให้ได้เห็นกันอีกเยอะแยะมากมาย ในสถานีคูคตแห่งนี้ครับ 

จุดเริ่มต้นของแบรนด์จริง ๆ แล้วแต่เดิมเป็นโรงคั่วกาแฟมีชื่อว่า Mpresso ประกอบกับความตั้งใจที่อยากจะทำกาแฟให้คนได้ชิมกันจึงต่อยอดออกมาเป็นคาเฟ่ ซึ่งก่อนที่จะมาเป็น X2O เดิมแบรนด์นี้มีชื่อว่า XOXO ซึ่งหลายคนน่าจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เสริมด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาให้แบรนด์มีลูกเล่นและกิมมิคที่น่าสนใจมากขึ้น จึงจับคำว่า XOXO และ H2O ที่เป็นสูตรเคมีของน้ำซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในกาแฟมาประกอบกัน เป็นคำว่า X2O ซึ่งมีอีกความหมายคือการ cross over ที่มักจะมีการ collab กับแบรนด์อื่น ๆ อยู่เสมอครับ

จึงมั่นใจได้เลยว่ากาแฟที่ได้ดื่มจะมีมาตรฐานและคุณภาพที่ดีเยี่ยม เพราะร้านควบคุมคุณภาพการผลิตทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำด้วยตัวเองตลอดทั้งกระบวนการ 

กาแฟที่นี่จะมีหลัก ๆ ทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน โดยจะมีตัวคั่วกลาง เรียกว่า Supreme ซึ่งมาจากทางภาคเหนือในบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ จากแม่แตง แม่อร และแม่สวย และกาแฟคั่วกลางค่อนไปทางเข้ม นอกจากนี้ยังมีกาแฟ seasonal จากทั้งไทยและเทศคอยวนเวียนให้บริการคอกาแฟอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยเสิร์ฟเป็นเมนูกาแฟได้อย่างหลากหลายเลยครับ

รวมไปถึงขนมนมเนยและอาหารต่าง ๆ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง X2O COFFEE และ Noble มุ่งสร้างพื้นที่ในการพบปะของลูกบ้าน รวมทั้งผู้คนในพื้นที่

นอกจากขนมหน้าตู้ซึ่ง partner กับแบรนด์ Secret Oven เวียนนำขนมที่แตกต่างกันไปในแต่ละสัปดาห์มาวางขาย อีกส่วนที่คาเฟ่แห่งนี้มีบริการคือครัวอาหาร Rowes Daily ซึ่งเป็นอาหารรับประทานง่าย ๆ เหมาะกับการรับประทานในคาเฟ่ครับ

เมนูที่ผมรับประทานในวันนี้คือ Brisket Sandwich แซนด์วิชเนื้อวัวส่วนอกรมควันครับ ที่นี่ใช้ขนมปังบริยอชผ่าครึ่งสอดไส้เนื้อวัว ชีส หอมแดง แตงกวาดอง ทาซอส และผักชีลาวเสริมกลิ่น แกล้มด้วยพริกดอง มาพร้อมกับเฟรนช์ฟรายครับ อร่อยดีครับ

เครื่องดื่มที่ดื่มคู่กันคือกาแฟ “เสน่ห์ไทย” อีกเมนู Signature ของที่นี่ครับ สัมผัสนุ่มละมุนเหมือนกับว่าใส่ครีมเลย แต่จริง ๆ แล้วสัมผัสนี้เกิดจากเทคนิคพิเศษของทางร้านที่นำกาแฟไปปั๊มจนเกิดฟองเป็นบอดี้และได้ความ creamy มากขึ้น ท๊อปด้านบนด้วยขนมไทยอย่างอาลัวชิ้นเล็กกลิ่นหอมหวาน ตัดกันกับตัวกาแฟดีครับ

X2O COFFEE KHU KHOT

เมื่อเติมพลังกันแล้ว คราวนี้เราไปทำความรู้จักตัวโครงการ Nue Cross Khu Khot Station กันครับ 

NUE CROSS KHU KHOT STATION

Nue Cross Khu Khot Station แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11-1-90 ไร่ เป็นคอนโดแบบ Low Rise 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร และ 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร มีทั้งหมด 1,202 ยูนิตด้วยกัน ซึ่งเขาสร้างบนหลักการ TOD หรือ Transit Oriented Development โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องไปกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างการคมนาคมขนส่ง โดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาในบริเวณรอบ ๆ สถานี ทำให้เกิดเป็นสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่และน่าลงทุนครับ

NUE CROSS KHU KHOT STATION 

วันนี้ผมจะพาทุกคนไปชมตัวห้อง 2 แบบครับ ซึ่งผมมองว่าเหมาะสมสำหรับชาว First Jobber และคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก ด้วยราคาเริ่มต้นที่ไม่สูงมากและทำเลที่ตั้งที่ดี สามารถเข้าถึงบริเวณเมืองได้อย่างง่ายดาย

1 BEDROOM PLUS

พาไปชมห้อง 1 Bedroom Plus ซึ่งมีขนาดเกือบ 35 ตารางเมตรครับ ความพิเศษก็คือการมีห้องอเนกประสงค์ถึง 2 ห้องด้วยกัน อาจปรับเป็นห้องเก็บของ ห้องทำงาน หรือจะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้องก็ได้ครับ นับเป็นการใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าจริง ๆ ครับ บรรยากาศโดยรวมรู้สึกกะทัดรัด แต่ไม่คับแคบ ทลายข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ไปได้อย่างสิ้นเชิงด้วยการจัดการพื้นที่ของโครงการ 

พาไปชมโซนต่าง ๆ ของห้องครับ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว และ บริเวณสำหรับโต๊ะกินข้าว รวมเป็นโซนพื้นที่เดียวกันโดยไม่ได้กั้น partition ที่แน่นทึบ ทำให้ตัวห้องรู้สึกไม่คับแคบ 

ครัวรูปตัวยูที่ออกแบบมาให้ใช้สอยพื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด สามารถกั้นโซนได้อย่างที่เราต้องการครับ นอกจากจะมีประโยชน์ใช้สอยที่ดีแล้ว ยังสวยดูดีอีกด้วยนะ 

ห้องนอนใหญ่ที่สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต (Queen Size) ได้ครับ นอกจากนี้ยังมีห้องอีกห้อง ที่ในห้องตัวอย่างปรับเป็นห้องนอนย่อยอีกห้องสำหรับครอบครัวที่แวะมาเยี่ยมเยียนหรือจะเป็นเพื่อนฝูงที่แวะมานอนค้างหลังจากปาร์ตี้ก็ได้เช่นเดียวกันครับ

ระเบียงกว้างถึง 2.4 เมตรที่มีในทุก ๆ ยูนิต สร้างพื้นที่ outdoor เล็ก ๆ สำหรับการอยู่อาศัยในคอนโด 

1 BEDROOM

มาลองดูห้องอีกไทป์กันกับ one bedroom ครับ ห้องนี้จะมีความกะทัดรัดลงมาจากห้องก่อนหน้านิดนึง ด้วยพื้นที่ขนาดประมาณ 30 ตารางเมตร ห้องนี้จึงเหมาะกับการอยู่คนเดียวหรืออยู่เป็นคู่กันสองคนครับ

ความเจ๋งคือเขามีตัว walk-in closet มาให้ด้วยครับ ขนาดพอเหมาะ ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไปที่ทางโครงการทำกระจกกั้นมาให้ดูเป็นตัวอย่าง นอกจากนี้ก็จะมีห้องนอน 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง ห้องรับแขก และโซนห้องครัว 

ทั้งสองห้องที่ผมได้รีวิวไปมีเฟอร์นิเจอร์ให้มากับตัวห้อง หากโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์ก็จะพร้อมเข้าอยู่ได้ทันทีครับ 

FACILITY PICKs

จริง ๆ สำหรับ Nue Cross Khu Khot Station แห่งนี้มี Facilities ที่น่าสนใจเต็มไปหมดเลย แบ่งเป็น 4 โซน 24 ฟังก์ชันครับ แต่ที่ถูกใจผมเป็นพิเศษและก็น่าจะถูกใจหลาย ๆ ท่าน ผมเลือกมาเล่าให้ฟัง 4 จุดครับ ประกอบด้วย Olympic Pool, Interactive Fitness Space, Amphitheatre with Floating Cinema และ Glamping Yard ตอนนี้ตัวโครงการยังไม่แล้วเสร็จครับ ผมขออนุญาตนำภาพตัวอย่างมาให้ชมเป็นไอเดียก่อนนะครับ

OLYMPIC POOL

สิ่งที่พิเศษและน่าจะตอบโจทย์เทรนด์การออกกำลังกายของคนยุคนี้ก็คือ Olympic Pool หรือสระว่ายน้ำขนาด 55 เมตร ว่ายกันให้สะใจ ไม่ต้องกังวลว่าระยะทางจะยาวไม่พอครับ

FITNESS

Fitness ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ครบครัน รวมทั้งระบบโปรแกรมอัจฉริยะที่ช่วยให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องง่ายครับ จากภาพเราจะเห็นว่าดีไซน์ดูดีเลยทีเดียวครับ นอกจากจะใช้ออกกำลังกาย น่าจะเป็นจุดเช็คอินของหนุ่ม ๆ สาว ๆ ลูกบ้านสายรักสุขภาพอีกด้วย

AMPHITHEATRE WITH FLOATING CINEMA

ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยการนอนดูหนังกลางสระว่ายน้ำที่พิเศษตรงที่เราสามารถเสียบหูฟังเพื่อนั่งดูภาพยนตร์โดยไม่รบกวนกันและกัน ทำให้เราดำดิ่งเข้าไปในโลกส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนจากภายนอก

GLAMPING YARD

สำหรับ Glamping Yard เป็นอีกมุมที่ทำมาเพื่อให้ทันเทรนด์การ Glamping ของวัยรุ่นในยุคนี้ครับ เป็นบริเวณที่สามารถมาพักผ่อนหย่อนใจ สังสรรค์กับเพื่อน โอบล้อมด้วยต้นไม้และบรรยากาศที่ร่มรื่น เป็นอีกมุมที่น่าจะถูกใจใครหลาย ๆ คนครับ

NUE CROSS KHU KHOT STATION เหมาะกับใคร?

ด้วยระดับราคาที่ไม่สูงมากจนเกินไป โดยเริ่มต้นเพียงแค่ 1 ล้านต้น ๆ โครงการนี้จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับเหล่า First Jobber หรือนักเรียนนักศึกษาที่อยากมีคอนโดเป็นของตัวเอง ด้วยทีเด็ดก็คือเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาอย่างจุใจในงบประมาณ อีกทั้งทำเลที่ตั้งที่ไม่วุ่นวายจนเกินไป ให้ความสมดุลกันระหว่างความเป็นเมืองและชานเมือง สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ facilities ที่ผมได้กล่าวถึงไป เชื่อว่าน่าจะถูกใจใครหลายคนอย่างแน่นอนครับ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการได้ที่นี่ครับ
https://nobleurl.com/3zlTcVY

นอกจากโครงการแห่งนี้แล้วสถานที่ต่าง ๆ ที่เราเดินทางผ่านในวันนี้ก็เป็นอีกอย่างที่ผมมองว่าเป็นเสน่ห์ของการอยู่ไกลจากตัวเมือง มันทำให้เราได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อขลุกตัวอยู่แต่ในใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้ สำหรับครั้งหน้าผมจะพาทุกคนไปเที่ยวที่ไหน จะพาไปชมโครงการอะไร อย่าลืมติดตามกันให้ดี ตอนนี้ผมขอปล่อยอารมณ์ตัวเองไปกับขบวนรถที่เคลื่อนไป ก่อนจะกลับสู่สถานีหมอชิตซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายของผมในวันนี้

สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

เปียง