สวัสดีครับ ผมเปียง วันนี้ผมมีโอกาสได้เดินทางมาที่แดนใต้อีกครั้ง เราอยู่กันที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการค้าขายของภาคใต้ อันเป็นศูนย์รวมความเจริญทุกรูปแบบ อาจเรียกได้ว่ามีความเป็นเมืองหลวงกลาย ๆ ของภาคใต้ตอนล่างเลยก็ว่าได้ ที่นี่รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ทั้งไทย จีน มลายู และมุสลิม ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว พาไปชมบ้านเมืองทั้งเก่าและใหม่ เรียนรู้วัฒนธรรมพื้นถิ่น ค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้วงแห่งอดีต ที่ความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดด้านการค้าขายเป็นจุดแข็งสำคัญของเมืองนี้
ขับรถไปตามถนนสายหลักที่ถูกวางลงในผังเมืองมาอย่างดี หาดใหญ่เป็นเมืองที่สร้างออกมาเป็นรูปแบบบล็อกที่ชัดเจนหากมองมาจากด้านบน ทำให้ไม่ว่าเราจะขับรถไปทางถนนเส้นไหนก็จะมีทางให้วนกลับมาทางเดิมได้ในที่สุด ผมรู้สึกหลงรักในทันทีกับตัวบ้านเมืองและอาคารพาณิชย์ดีไซน์เก่าที่เรียงรายแทรกให้เราเห็นอยู่ในถนนสายหลัก ชวนให้เรานึกถึงสมัยก่อนในยุคที่ที่นี่เคยรุ่งเรืองมากที่สุด
แวะชมตลาดกิมหยง ตลาดใหญ่ในตำนานที่อยู่คู่เมืองหาดใหญ่มาหลายชั่วอายุคน สักการะเหล่าทวยเทพที่วัดฉื่อฉาง อีกหนึ่งวัดจีนที่สวยที่สุดในไทย ตัวแทนของวัฒนธรรมจีนในเมืองนี้ สำรวจย่านเมืองเก่าแกะรอยประวัติศาสตร์ แวะเดินเล่นใน ม.อ.หาดใหญ่ อีกพื้นที่สีเขียวสำคัญใจกลางเมือง
นอกจากบรรยากาศของเมืองแล้วอีกอย่างที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือของกินซึ่งเมืองแห่งนี้อุดมไปด้วยอาหารเลิศรสจากตำรับในตำนานที่ส่งต่อกันมาหลายชั่วอายุคน จนบางแห่งขยับขยายเปิดสาขาไปทั่วประเทศไทยส่งออกความอร่อยของหาดใหญ่ไปทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งหลายร้านที่ผมได้ไปเยือนในวันนี้เป็นสาขาแรกด้วยครับ
ที่เด่นชัดที่สุดในปัจจุบันก็คือวัฒนธรรมการรับประทาน “ไก่ทอดหาดใหญ่” Soft power ของหาดใหญ่ที่ส่งออกความเป็น “เหนียวไก่” ที่เสิร์ฟพร้อมกับหอมเจียวรสชาติกลมกล่อมที่คนทั้งประเทศไทยหลงรัก
และคงไม่มีอะไรจะเหมาะกับทริปนี้ไปกว่า BeNice สำหรับการเป็นผู้สนับสนุนหลักในครั้งนี้ กับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของแบรนด์ Benice AntiPollution ซึ่งเหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งและต้องเผชิญกับฝุ่นควัน
ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมกล้องและแรงกายให้พร้อม แล้วเราออกไปสำรวจหาดใหญ่พร้อมกันครับ
เปียง

วันนี้ผมมีโอกาสได้เดินทางมาที่แดนใต้อีกครั้ง เราอยู่กันที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการค้าขายของภาคใต้ อันเป็นศูนย์รวมความเจริญทุกรูปแบบ อาจเรียกได้ว่ามีความเป็นเมืองหลวงกลาย ๆ ของภาคใต้ตอนล่างเลยก็ว่าได้ ที่นี่รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ทั้งไทย จีน มลายู และมุสลิม ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว พาไปชมบ้านเมืองทั้งเก่าและใหม่ เรียนรู้วัฒนธรรมพื้นถิ่น ค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้วงแห่งอดีต ที่ความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดด้านการค้าขายเป็นจุดแข็งสำคัญของเมืองนี้

ขับรถไปตามถนนสายหลักที่ถูกวางลงในผังเมืองมาอย่างดี หาดใหญ่เป็นเมืองที่สร้างออกมาเป็นรูปแบบบล็อกที่ชัดเจนหากมองมาจากด้านบน ทำให้ไม่ว่าเราจะขับรถไปทางถนนเส้นไหนก็จะมีทางให้วนกลับมาทางเดิมได้ในที่สุด ผมรู้สึกหลงรักในทันทีกับตัวบ้านเมืองและอาคารพาณิชย์ดีไซน์เก่าที่เรียงรายแทรกให้เราเห็นอยู่ในถนนสายหลัก ชวนให้เรานึกถึงสมัยก่อนในยุคที่ที่นี่เคยรุ่งเรืองมากที่สุด

นอกจากบรรยากาศของเมืองแล้วอีกอย่างที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือของกินซึ่งเมืองแห่งนี้อุดมไปด้วยอาหารเลิศรสจากตำรับในตำนานที่ส่งต่อกันมาหลายชั่วอายุคน จนบางแห่งขยับขยายเปิดสาขาไปทั่วประเทศไทยส่งออกความอร่อยของหาดใหญ่ไปทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งหลายร้านที่ผมได้ไปเยือนในวันนี้เป็นสาขาแรกด้วยครับ
ที่เด่นชัดที่สุดในปัจจุบันก็คือวัฒนธรรมการรับประทาน “ไก่ทอดหาดใหญ่” Soft power ของหาดใหญ่ที่ส่งออกความเป็น “เหนียวไก่” ที่เสิร์ฟพร้อมกับหอมเจียวรสชาติกลมกล่อมที่คนทั้งประเทศไทยหลงรัก

ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมกล้องและแรงกายให้พร้อม แล้วเราออกไปสำรวจหาดใหญ่พร้อมกันครับ

HISTORY AND LEGACY OF HAT YAI : กว่าจะมาเป็นหาดใหญ่
ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้และเป็นศูนย์กลางความเจริญในภูมิภาคตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หาดใหญ่เป็นเมืองที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน
เรื่องราวของหาดใหญ่เริ่มขึ้นใน 2381 จากหนังสือพงศาวดารฉบับพระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา) ได้บันทึกไว้ว่า ในปี 2381 ตนกูหมัดสะวะ หลานเจ้าพระยาไทรบุรี มาตีชิงเอาเมืองไทรบุรีได้ ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่ของรัฐเกอดะฮ์ หนึ่งในรัฐของสหพันธรัฐมาเลเซีย

พระยาอภัยธิเบศร์ พระยาไทรบุรี บุตรเจ้าพระยานครทาน ซึ่งเป็นเจ้าเมืองไทรบุรีต้านกำลังของตนกูหมัดสะวะไม่ได้ จึงล่าถอยเข้ามาตั้งอยู่ที่ตําบลท่าหาดใหญ่ แขวงเมืองสงขลา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คำว่าหาดใหญ่ปรากฎขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์

หาดใหญ่ เป็นชื่อรวมของหมู่บ้านโคกเสม็ดชุนและหมู่บ้านหาดใหญ่ โดยทั่วไปชาวบ้านจึงเรียกว่า “บ้านโคกเสม็ดชุน” จนกระทั่งมีการตัดทางหลวงเข้ามาในพื้นที่ในปี 2405 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4 ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาตั้งรกรากและเกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่ขึ้นมา โดยมาพีคที่สุดในสมัยรัชกาลที่ 5 ราวช่วงปี 2452 ที่มีการตัดทางรถไฟเข้ามาในพื้นที่ครับ
References : https://clib.psu.ac.th/southerninfo/content/1/719939e5

ชุมทางหาดใหญ่
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้หาดใหญ่เจริญก้าวหน้าก็คือรถไฟครับ ชุมทางหาดใหญ่มีความสำคัญก็คือเป็นเส้นทางที่ทอดไปถึงชายแดนปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการค้าขายในอดีตถึงรุ่งเรืองนัก เป็นหนึ่งในชุมทางของทางรถไฟสายใต้ และเป็นเส้นทางแรก ๆ ในประวัติศาสตร์ ที่เชื่อมไทยกับมาเลเซียเข้าด้วยกัน หากใครเคยศึกษาประวัติของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย ที่เสด็จไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่ปีนังก็คือเส้นทางรถไฟสายนี้นี่แหละครับ

HAT YAI OVERVIEW : ส่องบ้านเมืองชำเลืองอดีต
บ้านเมืองหาดใหญ่เป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่ร่วมกันระหว่างความรุ่งเรืองในอดีตและปัจจุบันครับ ผสมผสานทั้งบรรยากาศของอดีตที่เราสามารถพบเจอได้ในย่านเมืองเก่า และความเจริญซึ่งเป็นตัวแทนของยุคสมัยใหม่ในย่าน downtown ของเมืองแห่งนี้

จริง ๆ แล้วเสน่ห์ของภาคใต้ในแต่ละจังหวัดก็จะมีความแตกต่างกันไปครับ สำหรับหาดใหญ่ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ก็จะมีบรรยากาศของความใหม่เยอะเป็นพิเศษ ผมว่าการที่เราได้ออกสำรวจเมืองต่าง ๆ แบบนี้แบบเต็มวันคงทำให้เราได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้นจากที่พบได้ทั่วไปอย่างแน่นอน ชมผังเมืองเก๋ ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ ชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่น่าสนใจ และจบด้วยการหาของกินอร่อย ๆ ซึ่งมีอยู่ทุกหัวมุมถนนในเมืองนี้ครับ

ด้วยความเป็นเมืองใหญ่ที่มีพรมแดนติดกับต่างประเทศอย่างมาเลเซียจึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของหาดใหญ่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะว่าทางรถไฟที่ผมได้กล่าวไปในตอนแรกนั้นตัดผ่านพื้นที่ภาคใต้และทะลุไปยังมาเลเซีย จึงทำให้หาดใหญ่เป็นอีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์ทางการค้าสำคัญครับ

ความรุ่งเรืองของที่นี่ปรากฏอยู่ในสถาปัตยกรรมและร้านรวงต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ตามหัวมุมถนนต่าง ๆ ตึกแบบนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมในช่วงปี 40 ครับ อีกอย่างก็คือร้านขายสินค้าชนิดต่าง ๆ แบบ standalone ซึ่งแต่ละร้านมีขนาดใหญ่มาก เราสามารถพบอะไรแบบนี้ได้ในเมืองใหญ่ ๆ เท่านั้นครับ

หอนาฬิกา
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของตัวเมืองหาดใหญ่ก็คือหอนาฬิกาครับ สร้างขึ้นครั้งแรกสุดจริง ๆ เมื่อปี 2500 โดยบริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด ของหลวงพิธานอำนวยกิจ (ฮกซุ่น แซ่จัน) คหบดีผู้มั่งคั่ง อีกหนึ่งผู้บุกเบิกสนามการค้าของภาคใต้ครับ
ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นจุดนัดพบของผู้คนในเมือง มีผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟังครับว่าในสมัยก่อนเวลาหนุ่มสาวจะนัดออกเดทกันก็ต้องมาพบกันที่นี่ เพราะหากันได้ง่าย เป็นจุดที่ทุกคนในเมืองจะรู้ ๆ กันดีโดยไม่ต้องอธิบายอะไรมากครับ


ม.อ. หาดใหญ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หรือ ม.อ. หาดใหญ่ เป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ที่อยู่คู่กับหาดใหญ่มาเป็นเวลากว่า 54 ปี เปิดสอนในสาขาวิชาต่าง ๆ มากมาย เป็นที่ที่เพื่อน ๆ หลายคนของผมจากรั้วเตรียมอุดมฯ ลงมาใช้ชีวิตมหาลัยในแดนใต้แห่งนี้ครับ

สถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2511 โดยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งที่ 8 ของประเทศไทย เดิมชื่อว่ามหาวิทยาลัยภาคใต้ จนได้รับพระราชทานนามสงขลานครินทร์จากในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงมีชื่อเรียกดังที่เป็นในปัจจุบันครับ

ที่เรียกกันโดยลำลองว่า ม.อ. ทั้ง ๆ ที่ชื่อเต็ม ๆ คือมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ก็เพราะว่า ม.อ. เป็นอักษรย่อมาจากพระนาม “มหิดลอดุลยเดช” เป็นพระนามเดิมของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ซึ่งได้นำพระนามของพระองค์ท่านมาตั้งเป็นนามของมหาวิทยาลัยนั่นเองครับ

อ่างเก็บน้ำรูปหัวใจ
หากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีอ่างแก้ว ม.อ. หาดใหญ่ก็มีนี่แหละครับ อ่างเก็บน้ำรูปหัวใจเป็นแลนด์มาร์กสำคัญในวิทยาเขต โดดเด่นด้วยลักษณะรูปหัวใจ เป็นพื้นที่ประหนึ่งสวนสาธารณะที่นักศึกษา คณาจารย์ บุคลากร รวมทั้งประชาชนในพื้นที่แวะมาพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายและชมบรรยากาศของอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ครับ

ผู้คนมากมายออกมาวิ่งรอบอ่าง บ้างก็นั่งรับประทานอาหารว่างที่เตรียมมา กลุ่มเพื่อนฝูงที่ล้อมวงกันนำอาหารในบริเวณรอบ ๆ มารับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย หรือหลาย ๆ คนที่ยังมีอดีตที่น่าจดจำในบริเวณนี้มานั่งรำลึกย้อนความหลังก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไป

ตลาดกิมหยง
และเราก็มาอยู่กันที่ตลาดกิมหยงซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ของหาดใหญ่ครับ เป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่นักท่องเที่ยวจะมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปฝากบุคคลอันเป็นที่รักจากที่ที่จากมา

ความพิเศษคือนอกจากตลาดขายของฝากแล้วยังมีโซนตลาดสดให้ผู้คนในพื้นที่ได้จับจ่ายใช้สอยของสดเข้าบ้าน ที่พิเศษกว่านั้นก็คือเขาจะมีโซนสินค้านำเข้าจากมาเลเซียจัดจำหน่ายอีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นของแห้ง ซอสต่าง ๆ ที่หาไม่ได้ในไทย ที่นี่มีหมดครับ อย่างว่าแหละครับ ก็พรมแดนของทั้งสองประเทศนั้นใกล้กันเสียขนาดนี้ เรื่องวัฒนธรรมบางอย่างโดยเฉพาะการกินก็ได้มาจากทางฝั่งมาเลเซียด้วยเช่นกัน

ย่านเมืองเก่า
ผมเชื่อว่าทุกเมืองในโลกมีย่านเมืองเก่าครับ เป็นย่านที่ถูกกาลเวลาเก็บรักษาเป็นอย่างดี ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามโลกาภิวัฒน์ หลาย ๆ ที่ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ พร้อมกับร่องรอยจากอดีตกาลอย่างกับนั่งไทม์แมชชีนย้อนไปในช่วงเวลานั้น ๆ หาดใหญ่ก็เป็นอีกที่ซึ่งมีย่านเมืองเก่าครับ เดี๋ยวเราลองไปเดินสำรวจ หามุมถ่ายภาพสวย ๆ ซึมซับบรรยากาศของห้วงเวลาหนึ่งในประวัติศาสตร์กัน

โซนนี้ใครที่ชอบถ่ายรูปสาย street น่าจะได้ภาพสวย ๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านค่อนข้างเยอะอยู่ครับ ลองมาใช้เวลาตรงนี้สัก 2-3 ชั่วโมง แอบส่องผู้คน รถรา ทุกอย่างที่เคลื่อนไหว หากจัดวางเฟรมให้ดีร่วมกับฉากหลังของย่านนี้ดังที่ผมอธิบาย และสุดท้ายคือจังหวะที่เหมาะสม จะเกิดเป็นภาพที่แปลกตาไม่เหมือนใครครับ

Street Art ตลอดทางในย่านเมืองเก่าสะท้อนการอยู่ร่วมกันของอดีตและปัจจุบันได้อย่างลงตัวและยังสะท้อนความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดพัฒนาอีกด้วย

ผมรู้สึกว่าที่แห่งนี้เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาเหลือเกินครับ สีสัน สถาปัตยกรรม ทุกอย่างดูลงตัวไปเสียหมด ฉายด้วยสปอตไลต์ดวงใหญ่อย่างแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดภาพที่น่าสนใจทีเดียว

ห้างร้านต่าง ๆ ที่ยังปรากฏให้เห็นความรุ่งเรืองในอดีต น้อยนักที่จะพบเมืองที่มีร้านขายสินค้าเฉพาะกลุ่มตั้งแยกแบบ standalone เยอะขนาดนี้ครับ


BENICE ANTI-POLLUTION
ทริปในภาคใต้กับการเดินถ่ายภาพกลางแจ้งกับอากาศร้อนอบอ้าวและความจอแจในย่านตัวเมือง และต้องเจอกับฝุ่นควันต่าง ๆ คงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่า BeNice Anti Pollution ผู้สนับสนุนหลักในทริปนี้ครับ
ครีมอาบน้ำ BeNice เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาบน้ำสัญชาติไทยแท้ ๆ ที่ตั้งแต่เปิดตัวจนถึงปัจจุบันมีอายุยาวนานถึง 20 ปี กับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งด้วยการนำ pain point ต่าง ๆ ของผู้บริโภคมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ ทำให้เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลาจากแบรนด์นี้ จุดเด่นเลยคงเป็นความเข้าถึงง่ายของแบรนด์ การใช้งานที่เหมาะกับประชากรทุกกลุ่มช่วงอายุ การสื่อสารที่เข้าใจง่าย และราคาที่สมเหตุสมผล จนปัจจุบันถือว่าเป็นแบรนด์ติดบ้านที่เราคุ้นเคยกันของใครหลาย ๆ คน และครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้น ๆ ในตลาดครีมอาบน้ำของประเทศไทยเลยทีเดียวครับ

ในครั้งนี้แบรนด์ได้ออกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะครับ แบรนด์ได้นำปัญหาเกี่ยวกับเหงื่อในช่วงเวลากลางวัน การสะสมของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นกายไม่พึงประสงค์ และปัญหาจากฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นเทรนด์ของประเทศไทยในปัจจุบัน มาทำการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาวิธีการลดปัญหาดังกล่าวด้วยการใช้ครีมอาบน้ำ เป็นอีกก้าวที่น่าสนใจของแบรนด์ในการหยิบประเด็นที่เป็น pain point ของหลาย ๆ คนมาขยายให้จริงจังมากขึ้น จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ไลน์นี้แบบที่เราเห็น ถือว่าเป็นอีกขั้นของสินค้าที่เหมาะกับคนที่ไลฟ์สไตล์ใช้ชีวิตกลางแจ้งบ่อย ๆ มาก ๆ เลยครับ

BeNice Anti-Pollution กับเนื้อสัมผัสเป็นเจลใสสีฟ้าอ่อน จากประสบการณ์ส่วนตัวหลังจากได้ลองใช้ดูครั้งแรก รู้สึกชอบครับ ตัวเนื้อสบู่ให้กลิ่นหอมสดชื่นแนวสะอาด ๆ ตามสไตล์ที่ใช้อยู่ประจำ และ คิดว่าน่าจะเป็นกลิ่นที่ถูกใจใครหลาย ๆ คน ตัวกลิ่นเป็นแบบ Unisex ใช้ได้สำหรับทุกเพศทุกวัย เมื่อนำไปใช้อาบน้ำจะให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นเมื่อสัมผัสผิว และเมื่อล้างออกแล้วรู้สึกผิวไม่แห้งตึง สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถหาซื้อได้ในร้านและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศครับ
#BeNiceAntiPollution#AntiBacNextLevel

และคอนเทนต์ดี ๆ อย่างนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากผู้สนับสนุนหลักของผม BeNice Anti-Pollution ผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นมาสำหรับคนที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย ๆ ครับ ขอฝากผลิตภัณฑ์จาก BeNice เอาไว้ด้วยนะครับ
#BeNiceAntiPollution#AntiBacNextLevel

วัดฉื่อฉาง
วัดฉื่อฉาง หรือชื่อจีนก็คือ ฉื่อเสี่ยงหยี่ แปลเป็นไทยได้ว่า วัดเมตตากุศล สร้างขึ้นเมื่อปี 2479 โดยนายเก็งตั๊ง แซ่เล้า ชาวจีนที่เข้ามาค้าขายในเมืองหาดใหญ่ในสมัยนั้น ในอดีตวัดแห่งนี้เป็นเพียงศาลเจ้าเล็ก ๆ โดยมีองค์เทพหลื่อโจ้ว (1 ใน 8 เซียนเทพ) เป็นเทพประธาน เรียกกันว่า ศาลเจ้าหลื่อโจ้ว ต่อมาจึงมีการสร้างเป็นวัดขนาดใหญ่โดยสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย

สิ่งที่ชาวหาดใหญ่คุ้นเคยเป็นอย่างดีก็คือภาพวัดจีนที่บูรณะปฏิสังขรณ์กันมาอย่างยาวนานไม่เสร็จสิ้นเสียที สิ่งนี้มีที่มาที่ไปครับ โดยในปี 2531 ซึ่งเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ในหาดใหญ่ วัดแห่งนี้พังจนไม่สามารถบูรณะได้ จึงมีการสร้างใหม่ขึ้นมา โดยปัจจุบันนั่งร้านก่อสร้างที่เคยกั้นอยู่ได้ถูกนำออกไปเยอะแล้ว เผยให้เห็นความงามของตัววัดสมกับคำร่ำลือที่ชาวหาดใหญ่ตั้งหน้าตั้งตารอมานานครับ

ในวัดตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระเบื้องสีสันสดใส โถงใหญ่ที่ดูโอ่อ่า เป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพมากมายให้เลือกสักการะกันตามความเชื่อและเป้าประสงค์ของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง สุขภาพ ความรัก หรือด้านการงาน ใครที่เป็นสายมูก็อย่าลืมแวะมา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตรงนี้ถือว่าตอบโจทย์ความเชื่อได้อย่างรอบด้านจริง ๆ ครับ
References : https://bit.ly/2BJKuBd


เจ๊เช็ง ตือฮวนเกี้ยมฉ่าย
อีกหนึ่งร้านเก่าแก่แห่งหาดใหญ่ซึ่งเป็นที่อยู่ของเมนู signature ประจำถิ่นอย่างตือฮวน เราอยู่กันที่ร้าน เจ๊เช็ง ตือฮวนเกี้ยมฉ่าย ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเส้นละม้ายสงเคราะห์ ใกล้ ๆ กับตลาดกิมหยงอีกเช่นกันครับ เขาเปิดมานานหลายสิบปี มีดีกรีเป็นถึงของดีประจำจังหวัดสงขลา เป็นรางวัลจากหอการค้าจังหวัดสงขลาครับ ว่าแล้วเราก็เดินเข้าร้านไปพิสูจน์ความอร่อยพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

นอกจากตือฮวนแล้วยังมีเมนูอร่อยอีกหลายอย่างให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นข้าวหน้าต่าง ๆ หมูกรอบขายแยกตามน้ำหนัก สังเกตความนิยมของคนในพื้นที่ได้จากรูปนี้ครับ จะมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นก็จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนอยู่แบบนี้ตลอด

ตือฮวน จะมีลักษณะคล้าย ๆ กับเกาเหลาครับ มีเครื่องในชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตับ เซี่ยงจี๊ เลือด ลิ้น กระเพาะ รวมทั้งหมูกรอบด้วย แต่ความพิเศษก็คือการใส่เกี้ยมฉ่ายหรือผักกาดดองแบบจีน (ที่มักจะเห็นคนเฒ่าคนแก่ชอบรับประทานกับข้าวต้มนั่นแหละครับ) ทำให้ได้ซุปที่มีรสติดเปรี้ยว ซดแล้วสดชื่น รับประทานได้เพลิน ๆ เผลอแป๊ปเดียวข้าวสวยก็หมดจนต้องขอเติมเพิ่มอีกถ้วยครับ

นอกจากนี้เขายังมีเมนูข้าวขาหมูเป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ต้องลองครับ หนังกรอบเด้งมาก รวมไปถึง “หมูกรอบ” แบบขายแยกจานให้รับประทานกันอย่างจุใจ เอาเป็นว่าแนะนำครับ ต้องมาโดน

หลังจากจบของคาวแล้วก็ต้องต่อด้วยของหวานครับ พอดีเลยเจอร้านขนมโคน้องฟลุค จะว่าไปผมก็ไม่ได้รับประทานขนมไทยนานแล้ว ขอแวะดูหน่อยก็แล้วกันครับ

ขนมโคเป็นขนมท้องถิ่นของชาวใต้ครับ ไส้ด้านในเป็นก้อนน้ำตาล ห่อในแป้งข้าวเหนียว โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดฝอย จะหอม ๆ มัน ๆ กัดเข้าไปติดหวานนิด ๆ อร่อยจากการผสมกับสัมผัสในปากที่หลากหลาย นุ่มจากแป้งข้าวเหนียว แข็งกรุบๆ จากน้ำตาลโตนด น้ำตาลบางส่วนละลายเป็นน้ำเชื่อมเหนียว ๆ ด้านใน เป็นอีกขนมหารับประทานยากในปัจจุบันครับ

อีกเสน่ห์ของหาดใหญ่ก็คือความเป็นมิตรของผู้คน ทราบว่ายืนขายกันสองแม่ลูกตรงนี้มานานแล้ว ชื่นชมในความขยันและกตัญญูครับน้องฟลุค ก่อนกลับก็ขออุดหนุนเพิ่มอีกหน่อย เอาไปฝากคนที่บ้านครับ

ร้านในรู
มาต่อกันที่ร้านในรู รูที่ว่าก็คือการที่ตัวร้านตั้งอยู่ในซอยโดยต้องจอดรถข้างหน้าและเดินเข้าไปนั่นเองครับ ร้านในรูเป็นร้านที่เน้นเมนูตามสั่งโดยใช้ของทะเลพื้นถิ่นเป็นวัตถุดิบครับ เป็นอีกร้านที่มิตรสหายชาวหาดใหญ่หลาย ๆ ท่านแนะนำว่าต้องมาโดนให้ได้

จะเรียกว่าเป็นร้านลับก็ไม่ถูกซักทีเดียวครับ ลับตรงที่เขาตั้งอยู่ในซอยหลีบเล็ก ๆ แค่นั้น แต่ความอร่อยของอาหารที่นี่ เลื่องชื่อลือชาออกมาไกลถึงชาวกรุงเทพฯ เลยทีเดียว เป็นอีกร้านที่เพื่อนม.อ.ของผมแนะนำว่า “ควร” ครับ

ตัวร้านเองอยู่ไม่ไกลจากตลาดกิมหยงสักเท่าไหร่ ตั้งอยู่ตรงนิพัทธ์อุทิศ 3 ซอย 1 จอดรถตรงหน้าซอยได้เลยครับ

ปอเปี๊ยะทอด – อร่อยมาตรฐานครับ รับประทานเล่น ๆ ระหว่างรอจานหลักมาเสิร์ฟ
ไอ้คลั่งทะเลโหด – รวมทะเลชุบแป้งทอดกรอบจนเป็นสีเหลืองทอง นำมารวนกับซอสเผ็ดสูตรพิเศษ อีกเมนูชื่อแปลกรสชาติไม่ธรรมดาของเขาครับ
เป๋าฮื้อน้ำแดง – เมนูเป๋าฮื้อเจี๋ยนน้ำแดงทำออกมาได้ดีครับ เนื้อเป๋าฮื้อกรุบกรับกำลังดี น้ำแดงรสไม่จัดจนเกินไป อร่อยครับ
ปลาจาระเม็ดทอดกระเทียม – จาระเม็ดตัวใหญ่ทอดกรอบ ๆ ราดด้วยพริกกระเทียมที่คั่วมา รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ฟินครับ

ซาลาเปาทอดโกอ้วน
อีกหนึ่งสินค้าและวัฒนธรรมที่ถูกส่งออกไปทั่วทุกที่ซึ่งชาวสงขลาภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งก็คือซาลาเปาทอดโกอ้วนครับ เจ้าของตำนานความอร่อยกว่า 30 ปี กับเมนูซาลาเปาทอดหลากไส้ กับสาขากว่า 21 สาขาทั้งในหาดใหญ่ กรุงเทพฯ และปริมณฑลครับ

จริง ๆ แล้วซาลาเปาทอดเพิ่งจะมามีจริง ๆ ก็ในรุ่น 2 ของร้านครับ ดั้งเดิมซาลาเปาโกอ้วนนั้นเป็นร้านรถเข็นริมทางทั่วไปโดยขายเพียงแค่ซาลาเปานึ่งและขนมจีบเท่านั้น แต่ด้วยทายาทรุ่นสองที่เห็นความสำคัญและนำเมนูซาลาเปามาต่อยอดจนโด่งดังไปทั่วประเทศ จึงเป็นที่มาของตำนานซาลาเปาทอดหาดใหญ่นี้ โดยวันนี้ผมได้มาเยือนที่สาขาต้นตำรับ ณ เมืองหาดใหญ่แห่งนี้ครับ

เมนูเด็ดที่ผมได้ลองในวันนี้ก็คือซาลาเปาทอดไส้หมูแดง อร่อยสมคำร่ำลือครับ ตัวเนื้อซาลาเปากรอบนอกนุ่มใน ไส้แน่น คุ้มราคามาก ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมถึงเป็นที่ถูกใจของคนในพื้นที่

ข้าง ๆ มีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น สั่งมาลองชิมซักหน่อย รสชาติดีเช่นกันครับ

จิราไก่ทอด
หลายคนคงสงสัย ว่าเมื่อไหร่ผมจะพูดถึง “ไก่ทอดหาดใหญ่” ซักทีนะ นี่คืออาหารที่ดีที่สุดในทริปนี้ กับ เมนู “ไก่ทอดหาดใหญ่” ในแหล่งต้นตำรับครับ

รู้หรือไม่? คนใต้แท้ ๆ คุ้นชินกับไก่ทอดลักษณะนี้ในหลาย ๆ จังหวัดด้วยกันครับ เรียกได้ว่าเป็นเมนูโปรดของเด็กใต้เขาแหละ ไม่ใช่แค่ในหาดใหญ่เท่านั้น เราจะเห็นไก่ทอดที่เสิร์ฟพร้อมกับหอมเจียวหอม ๆ และข้าวเหนียวร้อน ๆ แบบนี้ในเกือบทุกจังหวัดในนาม “เหนียวไก่” (เหนี่ยวไก – ออกเสียงแบบสำเนียงใต้)

สำหรับคอนเทนต์นี้ มาถึงหาดใหญ่จะพลาดได้อย่างไรกับเมนูไก่ทอดหาดใหญ่ครับ เราอยู่กันที่ร้านจิราไก่ทอด ซึ่งเป็นไก่ทอดหาดใหญ่ขึ้นชื่ออีกเจ้าที่ต้องมาลิ้มลองให้ได้ครับ เลี้ยวซ้ายออกมาทางประตูศรีทรัพย์ (ประตู 109) ก็จะเจอได้ทันที เป็นร้านยอดฮิตในกลุ่มนักศึกษาของ ม.อ.หาดใหญ่ เลยก็ว่าได้ครับ

ไก่ทอดโรยหอมเจียวและข้าวเหนียวคือ signature ของเขา ด้วยราคาที่ไม่แพงและปริมาณที่เยอะ ทำให้อิ่มได้ด้วยราคาที่ไม่สูง จึงเป็นที่ติดอกติดใจและครองใจใครหลาย ๆ คนครับ


โชคดี แต่เตี้ยม
หลาย ๆ คนอาจจะเคยมีโอกาสรับประทานติ่มซำภูเก็ต วันนี้ผมขอพาทุกคนมาลองติ่มซำหาดใหญ่กันบ้าง เราอยู่กันที่ร้าน โชคดี แต่เตี๊ยม ซึ่งมีเมนูติ่มซำหลากหลายชนิดให้บริการ รวมทั้งเมนูอย่างบักกุ๊ดเต๋ ที่นี่เปิดให้บริการมา 40 กว่าปีแล้วครับ ถือเป็นอีกร้านเก่าแก่ในพื้นที่เลยก็ว่าได้

ผมเลือกสั่งทั้งติ่มซำหน้าต่าง ๆ ซาลาเปา รวมทั้งบักกุ๊ดเต๋มาลอง ซดซุปร้อน ๆ พลางจิ้มโน่นจิ้มนี่เข้าปาก ที่ผมชอบที่สุดก็คงเป็นตัวหมูสับนึ่งไข่เค็มครับ หากได้มานั่งรับประทานอะไรแบบนี้ตอนเช้า ๆ คงดีมากเลยทีเดียว

HUM
อีกสิ่งที่จะลืมไม่ได้เลยเวลาไปเยือนเมืองไหนก็คือร้านกาแฟครับ ครั้งนี้แวะไปเยือนมาถึง 3 ร้าน เริ่มที่ร้านแรกคือ HUM ร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในซอยประชารมย์ ตกแต่งในสไตล์เรียบ ๆ ดิบ ๆ

เล็กที่ว่าเขาก็เล็กจริง ๆ นะครับ เวลาเข้าไปกลิ่นกาแฟจะตลบอบอวลชัดเจนมาก ข้างในพอมีมุมถ่ายรูปอยู่บ้างครับ ผมลองสั่งลาเต้เย็นมาลองดื่ม ร้ายกาจมากครับสำหรับร้านกาแฟแห่งนี้

LOCALS HDY
ต่อกันที่ร้านที่สองครับกับ Locals hdy ซึ่งที่นี่จะมีความมูจิอยู่พอตัวครับ ตัวร้านมีความโปร่ง ตกแต่งด้วยงานไม้เป็นหลัก ร้านค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว

จริง ๆ นอกจากกาแฟเขายังมีอาหารให้บริการด้วยนะครับ แต่วันนี้ผมสั่งกาแฟมาลองทั้งหมด 2 แก้วด้วยกัน ตัวกาแฟมีความเข้มข้นกำลังดี ค่อย ๆ จิบไปพลางดื่มด่ำกับบรรยากาศของตัวร้านครับ

SPECS ON
มาถึงร้านสุดท้ายครับ Specs On สำหรับร้านนี้เป็น specialty coffee มีกาแฟเทพ ๆ ให้เราได้ลองมากมาย รวมทั้งมีบริเวณ slow bar ที่หน้าเคาน์เตอร์อีกด้วย

ที่นี่เป็นอีกร้านที่สาย slow life น่าจะชอบครับ บรรยากาศสบาย ๆ ช้า ๆ ร้านตกแต่งออกมาโดยการดึงชายหาดมาเป็นคอนเซปต์ในการตกแต่ง ถ้าเรานั่งตรงบริเวณเคาน์เตอร์ ก็จะสามารถพูดคุยสอบถามกับบาริสต้าได้ในเรื่องที่เกี่ยวกับกาแฟครับ

และนอกจากกาแฟแล้วเขายังมี bakery ต่าง ๆ ให้บริการ ลองสั่งมารับทานคู่กับตัวกาแฟน่าจะเข้ากันได้ดีทีเดียวเชียวครับ อย่างตอนที่ผมไปเขาเพิ่งยกครัวซ็องออกมาจากเตา กลิ่นหอมมาถึงที่โต๊ะเลยครับ

CONCLUSION
เป็นทริปกลางแจ้งสั้น ๆ แต่อัดแน่นสำหรับหาดใหญ่ ผมคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ หาดใหญ่ยังมีอะไรให้เราตามค้นหาอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับอาหาร ที่นี่น่าจะเป็นแหล่งที่รวบรวมของอร่อยไว้แน่นมาก ๆ ในทุกบล็อกในเมืองนี้ หากมีโอกาส ผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง น่าเสียดาย หากผมได้ใช้เวลามากกว่านี้สักหน่อยคงได้เจออะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้เป็นแน่แท้ โดยรวมแล้วหาดใหญ่ถือเป็นเมืองที่น่าเที่ยวครับ เป็นชุมทางแห่งแดนใต้ที่ควรค่าแก่การมาเยือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณชอบถ่ายภาพและเป็นคนชอบชิมแบบผม
ถือเป็นอีกทริปที่ผมประทับใจเป็นอย่างมาก ณ เมืองหาดใหญ่แห่งนี้ และสำหรับทริปหน้าเราจะไปสำรวจที่ไหนกัน อย่าลืมติดตามกันให้ดี แล้วพบกันใน #PYONGSEEWHATISEE ฉบับหน้า
สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
เปียง