สวัสดีครับ ผมเปียง เลยจากระยองเมื่อครั้งที่แล้วมาอีกนิด ไปเที่ยวกับผมผ่านเรื่องราวจากภาพถ่าย #PYONGSEEWHATISEE กันอีกครั้งครับ ในครั้งนี้ผมพาทุกท่านมาพบกับอีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่คงจะได้เคยเห็นผ่านตากันจากในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งที่พระเจ้าตากสินมหาราชได้มาครองเมืองไว้ก่อนจะยกพลกลับไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยาฯ ซึ่งจะสามารถมองเห็นได้จากโบราณสถานและอนุสรณ์สถาน ร่องรอยประวัติศาสตร์มากมายที่ยังหลงเหลือให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมศึกษากัน
“น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”
จันทบุรีที่ผมจะเล่าให้ทุกท่านฟังในวันนี้เป็นอีกมุมหนึ่งของเมืองจันทบุรีที่จะบอกเล่าในมุมมองของชุมชนพื้นเมือง วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์พื้นบ้าน ให้ได้รู้จักรายละเอียดของเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้มากขึ้นอีก อย่างชุมชนริมน้ำจันทบูรที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองจันทบุรีไว้มากมาย ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัวกับขนมชื่อแปลก ๆ อีกมากที่หากินได้ยาก หรือความสวยงามของธรรมชาติที่เห็นได้จากสถานที่ท่องเที่ยวทั่วจังหวัดอย่าง จุดชมวิวเนินนางพญา ลานหินสีชมพู หาดแหลมสิงห์ เสริมด้วย Oasis Sea World ชมลีลาของโลมาสีชมพูครับ
ที่ผมกล่าวถึงด้านบนเป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของเมืองจันทบุรีเท่านั้น ที่นี่ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกมากที่ผมคงจะกล่าวถึงไม่หมด ทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม เช็คกล้อง แล้วไปพบเมืองจันท์พร้อมกับผมกันนะครับ
เปียง
Content Creator: Kantaphong Thongrong
Assistant Content Creator: Sittinat Thurdnampetch, Prach Yanasit
FACEBOOK – PYONG Traveller X Doctor
INSTAGRAM – pycaptain
YOUTUBE CHANNEL – PYONG : Traveller X Doctor
WEBSITE – www.pyongtravellerxdoctor.com
Location List
– จุดชมวิวเนินนางพญา
– จุดชมวิวเจดีย์กลางน้ำ
– วัดปากน้ำแขมหนู
– ลานหินสีชมพู
– บ้านทวด Home Brew Coffee
– Oasis Sea World
– บ้านแสงจันท์ เพื่อผู้ป่วยและญาติที่ยากไร้ จ.จันทบุรี
– หาดแหลมสิงห์
– ชุมชนริมน้ำจันทบูร
– โบสถ์อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
– บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี
– ชุมชนขนมแปลก
– แกรนด์แคนยอน จันทุบรี

“น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”
จันทบุรีที่ผมจะเล่าให้ทุกท่านฟังในวันนี้เป็นอีกมุมหนึ่งของเมืองจันทบุรีที่จะบอกเล่าในมุมมองของชุมชนพื้นเมือง วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์พื้นบ้าน ให้ได้รู้จักรายละเอียดของเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้มากขึ้นอีก อย่างชุมชนริมน้ำจันทบูรที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองจันทบุรีไว้มากมาย

ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัวกับขนมชื่อแปลก ๆ อีกมากที่หากินได้ยาก หรือความสวยงามของธรรมชาติที่เห็นได้จากสถานที่ท่องเที่ยวทั่วจังหวัดอย่าง จุดชมวิวเนินนางพญา ลานหินสีชมพู หาดแหลมสิงห์ เสริมด้วย Oasis Sea World ชมลีลาของโลมาสีชมพูครับ

แวะพักดื่มกาแฟอร่อย ๆ ในบรรยากาศวินเทจที่ร้านกาแฟบ้านทวด

แวะพักเรือนหลวงราชไมตรี คหบดีผู้มั่งคั่งผู้ให้กำเนิดอุตสหกรรมยางของจังหวัดจันทบุรี

ที่ผมกล่าวถึงก่อนหน้าเป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของเมืองจันทบุรีเท่านั้น ที่นี่ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกมากที่ผมคงจะกล่าวถึงไม่หมด ทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม เช็คกล้อง แล้วไปพบเมืองจันท์พร้อมกับผมกันนะครับ
เปียง

จุดชมวิวเนินนางพญา
เราเริ่มทริปด้วยการขับรถไปตามแนวถนนเฉลิมบูรพาชลทิต (ทางหลวงชนบทสาย รย.4036) ถนนเลียบทะเลยาวที่สุดในประเทศไทย มีระยะทางทั้งหมด 100 กิโลเมตร ทอดยาวไปตามแนวอ่าว เมื่อเราขับรถไปเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณหาดคุ้งวิมานและปากอ่าวคุ้งกระเบน ก็จะพบกับ จุดชมวิวเนินนางพญา จุดหมายแรกของเราในทริปนี้ครับ

จุดชมวิวเนินนางพญา เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ตั้งอยู่บนเนินริมทะเลใกล้กับหาดคุ้งวิมานและปากอ่าวคุ้งกระเบน
จริง ๆ รูทที่คนนิยมท่องเที่ยวกันจะเริ่มจากปากน้ำประแส จังหวัดระยอง แล้วค่อยลัดเลาะไปตามถนนเฉลิมบูรพาชลทิต และไปสิ้นสุดยังจุดชมวิวเนินนางพญาครับ โดย ณ จุดชมวิวเนินนางพญา ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยเลยก็ว่าได้

แม่กุญแจที่ถูกนำมาผูกในบริเวณราวกั้นของจุดชมวิว โดยผู้มาเยือนตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน เป็นกิมมิกน่ารัก ๆ ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นความโรแมนติกในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน

ไม่ไกลจากจุดชมวิวเนินพญา หากขับรถยนต์ลงเนินไปเล็กน้อยแล้วเลี้ยวขวา จะเป็นหมู่บ้านชาวประมง บ้านหัวแหลม ซึ่งเป็นที่ตั้งของ จุดชมวิวเจดีย์กลางน้ำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสำคัญที่เราจะไปชมหลังจากนี้

จุดชมวิวเจดีย์กลางน้ำ
สำหรับจุดชมวิวแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเทียบเรือประมงบ้านหัวแหลม อ.นายายอาม จ.จันทบุรี เป็นสะพานไม้ที่ยื่นทอดยาวออกไปในทะเล โดนจุดชมวิวนั้นตั้งอยู่ ณ ปลายสุดของสะพานนี้ ใจกลางทะเลจะพบกับเจดีย์องค์หนึ่งที่ตั้งเด่นอยู่กลางผืนน้ำ ทำหน้าที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณและสัญลักษณ์บ่งบอกภูมิประเทศในการเดินเรือตั้งอยู่

สำหรับตัวหมู่บ้านนั้นตั้งอยู่ตรงปลายแหลมปากอ่าว บริเวณปลายแหลมอ่าวคุ้งกระเบน ฝั่งตรงข้ามกับแหลมเสด็จ ทำให้ชาวบ้านที่นี่ยังคงยึดวิถีชีวิตในการประกอบอาชีพประมงชายฝั่งอยู่ กลายเป็นวิถีชาวบ้านที่ฝังรากลึกและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของจันบุรีครับ

สะพานตั้งอยู่บนแนวโขดหินโสโครก แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสักเล็กน้อย ระวังหินที่เปียกจากน้ำทะเลจะลื่นเอานะครับ

สำหรับองค์เจดีย์ มีอายุกว่า 200 ปี ถ้าจะให้ลองสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพราะอะไรนั้น สำหรับในบริเวณนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง ซึ่งหลาย ๆ ครั้งมีมรสุมและความไม่ปลอดภัยเวลาออกทะเล เหตุผลแรกจึงน่าจะเป็นในเรื่องของการยึดเหนี่ยวจิตใจ ข้อที่สองคือสร้างไว้เพื่อเป็นแลนด์มาร์ก เวลาเดินเรือจะได้เห็นว่ากำลังเข้าใกล้บริเวณชายฝั่งแล้ว ซึ่งใช้หลักคิดเดียวกับการสร้างพระธาตุ ปีระมิด หรือประภาคารนั่นเองครับ

วัดปากน้ำแขมหนู
อีกวัดเก่าแก่ของเมืองจันทบุรี ตั้งอยู่ติดปากแม่น้ำ “วังโตนด” ที่มีต้นกำเนิดมาจากแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบ สายหนึ่งมาจากเขาสีเสียด อีกสายมาจากเขาชะมูล เขาชะอม โดยตามประวัติศาสตร์ เริ่มก่อสร้างเป็นที่พักสงฆ์ในช่วงราวปี 2456 และเริ่มมีพระมาจำพรรษาหลังจากสร้างเสร็จโดยมีพระอาจารย์เครื่อง เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสเป็นรูปแรก

โบสถ์แห่งนี้ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2489 ต่อมาทางวัดได้ก่อสร้างต่อเติมพระอุโบสถครั้งที่ 2 เมื่อปี 2493 ได้ฉลองพระอุโบสถครั้งแรกในปี 2502 เนื่องจากตัววัดอยู่ติดกับทะเลทำให้โครงสร้างผุกร่อนลุกลามไปจนถึงหลังคาที่โดนลมทะเลพัดตลอดทั้งปี

เมื่อพระโบสถ์หลังเก่าเริ่มชำรุดทรุดโทรมมากขึ้น จึงได้รื้อโบสถ์หลังเก่าสร้างขึ้นมาใหม่ เกิดเป็นไอเดียในการใช้เซรามิกมาเคลือบชั้นปูนพระอุโบสถเพื่อป้องกันน้ำเค็ม และใช้ลวดลายสีน้ำเงินตัดกับสีขาว ตามแบบสีของเครื่องลายครามในสมัยโบราณ เกิดเป็นพระโบสถ์ที่มีความสวยงามแปลกตา

กระเบื้องลายครามที่ถูกนำมาประดับประดา สีน้ำเงิน-ขาว ตัดกัน ในภาพเป็นลายไทยกนกในรูปแบบพระพุทธศาสนา

ปัจจุบันตัวโบสถ์ยังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซมในส่วนภายในพระอุโบสถ สามารถรับชมความงามในภายนอกและแวะนมัสการพระประธานด้านในได้ตามปกติครับ

ลานหินสีชมพู
ลานหินสีชมพู เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดจันทบุรี โดยเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่เพิ่งเปิดพื้นที่เป็นสาธารณะได้ไม่นานเพื่อให้ประชาชนเข้ามาท่องเที่ยวและศึกษาเส้นทางเดินธรรมชาติ ชมความงามของแนวหินสีชมพูแห่งนี้ และยังมีบริเวณให้กางเต็นท์อีกด้วยนะครับ

หินสีชมพูอมม่วง-สีน้ำตาลแดงทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งของอ่าวคุ้งกระเบน เวลาเดินอาจจะต้องระวังลื่นนิดนึงครับ เพราะบางทีที่น้ำทะเลหนุนสูงก็อาจทำให้แนวหินตรงนี้เปียกและลื่นได้

หินสีชมพูที่เราเห็นคือหินทรายอาร์โคส (Arkosic Sandstone) ผสมปะปนรวมกับหินโคลน หินทรายแป้งสีน้ำตาลแดง จนก่อเกิดเป็นลวดลายสวยงามดังที่เห็น เกิดจากการทับถมกันซึ่งใช้เวลาหลายล้านปีกว่าจะกลายเป็นแบบนี้ให้เราได้พบเห็น นอกจากนี้ยังสามารถพบเปลือกหอยที่เกาะตามแนวหิน อย่างที่บอกไปว่าพื้นที่ตรงนี้บางทีก็มีน้ำหนุนสูงขึ้นมาครับ

หากมองไปทางทิศตะวันออกจะสามารถมองเห็นเกาะแก่งต่าง ๆ ได้สุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าจะเป็นเกาะช่องสะบ้า เขาแหลมสิงห์ เกาะเปริด เกาะนมสาว และเกาะช้างของจังหวัดตราดเลยนะครับ ส่วนในทิศตะวันตกสามารถมองเห็นเกาะมันใน เกาะมันกลาง เกาะมันนอก เขายายดา และเกาะเสม็ด ได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่มีรายละเอียดให้เก็บค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.facebook.com/kkbrdsc/

บ้านทวด Home Brew Coffee
ร้านกาแฟบ้านทวดร้านนี้ผมได้รับคำแนะนำมาจากคนท้องถิ่นครับ บอกกันว่าเป็นร้านกาแฟที่อร่อยที่สุดในละแวกนี้ ผมจึงแวะมาหากาแฟเติมพลังซักหน่อยครับ

ตัวร้านดัดแปลงมาจากบ้านเก่า มองดูด้านหน้าแทบจะไม่รู้เลยครับว่าเป็นร้านกาแฟ คงจะเป็นร้านลับที่เฉพาะคนท้องถิ่นจริง ๆ ถึงจะรู้กัน ตัวบ้านก็ดูมีอายุสมกับชื่อบ้านทวดครับ

ของตกแต่งด้านในให้บรรยากาศราวกับว่าเรากำลังมาเยี่ยมเยียนบ้านของญาติผู้ใหญ่มากกว่าจะเป็นคาเฟ่ร้านกาแฟเสียอีก อย่างชุดโซฟาไม้หลังใหญ่ หรือเก้าอี้ม้าโยก ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบาย ๆ บอกไม่ถูกครับ

ถ่ายภาพเป็นคุณทวดซักหนึ่งใบครับ

OASIS SEA WORLD
Oasis Sea World นั้นนอกจากการเป็นหนึ่งในสถานที่โชว์โลมาไม่กี่แห่งในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งแหล่งเพาะพันธุ์ปลาโลมาสำคัญของประเทศไทย โดยมีโลมา 2 สายพันธุ์หลักของไทยคือ โลมาปากขวด หรือโลมาสีชมพู และโลมาหัวบาตร หรือโลมาอิระวดี นอกจากนี้เรายังสามารถลงไปเล่นกับน้อง ๆ โลมาได้อีกด้วย มีค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 300 บาทและเด็ก 200 บาท ตามลำดับ

ในขณะรอชมการแสดงโชว์ปลาโลมา เพลงและพิธีกรก็บิ๊วสร้างบรรยากาศเหลือเกินครับ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจะต้องสนุกและเปียกแน่ ๆ

ในส่วนของการแสดงโชว์ปลาโลมาเป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจมาก ยิ่งทำให้ผมทึ่งในความรอบรู้ของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้มากกว่าเดิม เป็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลไม่กี่ชนิดที่สามารถถูกฝึกสอนให้เข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนได้ สุดยอดมากครับ

ล่าสุดมีใส่แว่นด้วยครับ ใครจะไปทนความน่ารักนี้ไหวกันนะ

โลมาทุกตัวได้รับการดูแลอย่างดีครับ ดูสบายตัวเชียว

มาถึงที่แล้วจะพลาดได้อย่างไรครับ ขออนุญาตลงไปถ่ายภาพกับน้องสักหน่อย ตัวนี้เป็นโลมาสีชมพู หรือโลมาปากขวดนั่นเองครับ น้องน่ารักและเป็นมิตรมาก

บ้านแสงจันท์
อีกหนึ่งโครงการดี ๆ ของโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ซึ่งได้แรงบุญจิตอาสาจากหลายภาคส่วนมาก ๆ จนก่อเกิดขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง โดยผมได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมชมในระหว่างทริปจันทบุรีครั้งนี้ครับ บ้านแสงจันท์เป็นบ้านพักเพื่อผู้ป่วยยากไร้ที่ไม่สามารถไป ๆ มา ๆ ระหว่างโรงพยาบาลบ่อย ๆ ได้

โครงการนี้คือความตั้งใจดีของพี่ ๆ แพทย์ และบุคคลากรทางการแพทย์หลากหลายแผนก โครงสร้างได้รับแรงบันดาลใจมาจาก บ้านหลวงราชไมตรี ครับ

บ้านแสงจันท์แห่งนี้มีทั้งห้องพักเดี่ยวและห้องพักรวมแบ่งชายหญิง สำหรับผู้ป่วยหลายประเภทแบ่งกันไปตามความจำเป็นในการรักษาครับ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อากาศถ่ายเท ปลอดโปร่ง โล่งสบาย

โครงการบ้านแสงจันท์โดยโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี เป็นอีกโครงการที่ดีมาก ๆ เป็นสัญลักษณ์ถึงความเป็นมิตร เอื้ออาทร ช่วยเหลือกันของคนไทย ที่ร่วมกันสร้างสิ่งดี ๆ ให้สังคมไทยน่าอยู่ เป็นอีกความน่ารักของคนไทยที่รู้สึกชื่นใจทุกครั้งที่ได้สัมผัสครับ

หาดแหลมสิงห์
หาดแหลมสิงห์ เป็นชายหาดสีน้ำตาลอมแดง ปนดินเลนเนื่องจากเป็นปากอ่าวที่แม่น้ำจันทบุรีไหลออกมา ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ห่างจากตัวเมือง 30 กิโลเมตร โดยเดินทางไปตามถนนสุขุมวิท เส้นทางไปจังหวัดตราด ถึงกิโลเมตร 347 มีทางแยกขวาไปหาดแหลมสิงห์อีก 16 กิโลเมตร วันนี้ผมมาถึงก็เย็นแล้ว อาจจะไม่ได้ครึกครื้นเหมือนตอนเที่ยงตามปกติของหาดหลาย ๆ ที่ แต่สำหรับบรรยากาศตอนเย็นของหาดนั้นเป็นอีกอย่างที่ผมชอบมาก ๆ มันมีความสงบ เชื่องช้า ไม่ร้อนจนเกินไป อบอุ่นกำลังดี ที่สำคัญคือการได้มาชมพระอาทิตย์ที่เคลื่อนลับปลายขอบฟ้าไป

ตามแนวหาดแหลมสิงห์มีทิวสนให้ร่มเงาตลอดตั้งแต่ต้นยันปลาย มีที่นั่งพักผ่อนและร้านอาหารเล็ก ๆ ให้บริการ หรือสำหรับใครที่อยากพักแรมเขาก็มีที่พักให้บริการเช่นกันครับ หากมองจากบริเวณหาดออกไปจะเห็นเกาะจุฬา และเขาแหลมสิงห์ สามารถเช่าเรือเพื่อออกไปสำรวจเกาะจุฬาและเกาะนมสาวได้

ชื่อแหลมสิงห์ เกิดจากตำนานสิงโตคู่ที่แหลมสิงห์ ตั้งอยู่ ณ “เขาแหลมสิงห์” บริเวณปากน้ำจันทบุรี เหตุที่เรียกว่าเขาแหลมสิงห์ เพราะด้านหน้าเขามีหินเป็นแก่งเกาะยื่นล้ำออกไปในทะเล และในบรรดาก้อนหินเหล่านี้ มีอยู่ 2 ก้อนลักษณะคล้ายตัวสิงโต โดยมีตำนานที่กล่าวกันว่าบนเขาแหลมสิงห์มีสิงโตจริง ๆ อยู่คู่หนึ่ง สิงโตตัวผู้ตัวเมียคู่นี้จะไปไหนด้วยกันเสมอ และลงอาบน้ำทะเลด้วยกันทุกวัน
ต่อมามีพวกชาวฝรั่งเศสคอยดักทำร้ายสิงโตคู่นี้ทำให้สิงโตตัวหนึ่งถึงแก่ความตาย อีกตัวหนึ่งวิ่งหนีลงทะเลทัน ตัวที่หนีลงทะเลไปก็ตรอมใจตายในน้ำ กลายมาเป็นศิลารูปสิงห์อยู่ในทะเล ส่วนตัวที่โดนฆ่าก็จะมีสภาพผุพังหน่อย ตั้งอยู่ริมหาด ก็เป็นที่มาที่ไปของหินรูปสิงโตที่กลายมาเป็นจุดยึดถือในการเดินเรือของนักเดินเรือในยุคโบราณนั่นเองครับ แต่ในบทความนี้เขาวิเคราะห์กันว่าฝรั่งเศสน่าจะไม่ใช่ตัวร้ายของเรื่อง เพราะหลักฐานที่ปรากฎนี้มีมาก่อนวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ครับ เป็นอีกประวัติศาสตร์ที่ยังถกเถียงกันไม่เสร็จสิ้นสักที
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.silpa-mag.com/culture/article_7419

หาดแหลมสิงห์, จันทบุรี

ชุมชนริมน้ำจันทบูร
ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นชุมชนเก่าแก่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำจันทบุรี ในอดีตมีชาวจีนและญวนอพยพตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก เมื่อก่อนบริเวณนี้ถูกเรียกว่า “ย่านท่าหลวง” จริง ๆ แล้วมีการค้าขายและตั้งรกรากของผู้คนมาตั้งแต่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชตั้งแต่ในยุคกรุงศรีอยุธยาครับ

ช่วงที่ผมไปจะมีฝนตกตลอดวัน ตึกแถว 2 ชั้นเรียงรายไปตามแนวถนนสร้างด้วยโครงสร้างจากไม้และปูน ในวันที่ฟ้าสดใสไม่มีฝนน่าจะคึกครึ้นน่าดูครับ

บ้านเมืองริมแม่น้ำจันทบุรี อาคารหลายแห่งรวมทั้งห้างร้านที่ยังคงรูปแบบเดิมจากยุคก่อน ให้ความรู้สึก nostalgia และรุ่มรวยไปด้วยร่องรอยจากอดีตกาล หลาย ๆ ร้านที่ทำขึ้นใหม่ก็ยึดดีไซน์แบบย้อนยุค ทำให้รู้สึกกลมกลืน และไม่ทำให้เอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงนี้หายไปครับ

ชุมชนริมน้ำจันทบูร, จันทบุรี

ศาลเจ้าตั้วเล่าเอี๊ย หรือศาลเจ้าพ่อเสือ ซึ่งในทุกปีจะมีประเพณีเทศกาลทิ้งกระจาด เป็นการกระจายบุญ มอบข้าวสารให้กับชาวบ้านที่มาเข้าร่วมในพิธีด้วย การมีอยู่ของศาลเจ้าแห่งนี้สะท้อนวิถีชีวิตของชาวไทยเชื้อสายจีนในเมืองจันทบุรีได้เป็นอย่างดีครับ

ไอศกรีมตราจรวด แค่ซองก็บ่งบอกอายุอานามได้แล้วครับว่าขายมากี่ปี อร่อยดีนะครับ รับประทานไปพลาง ๆ ระหว่างที่เราจะเดินไปสำรวจที่พักของผมในทริปนี้กัน

บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี
‘บ้านหลวงราชไมตรี Historical Inn บ้านพักประวัติศาสตร์อายุราว 150 ปี
ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี ผู้สร้างคุณูปการให้กับชาวจันทบุรี เป็นบ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชนริมน้ำจันทบูร สถานที่ที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมโบราณ ผนวกกับวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้านไว้ นี่จึงเป็นเข้าการพักเพื่อพาคุณไปพบอดีต…ที่เดินทางกลับมาอยู่ ณ ปัจจุบัน’
คำโปรยจากในเว็ปไซต์ของที่พักดึงดูดให้ผมเลือกที่จะพัก ณ สถานที่แห่งนี้จากประวัติศาสตร์อันน่าสนใจของเขาที่มีต่อตัวเมืองจันทบุรี โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนจันทบูรนี้ครับ

และแล้วเราก็เดินทางมาถึงบ้านเลขที่ 252 ต้อนรับเราด้วยโครงสร้างภายนอกกับสถาปัตยกรรมแบบไทยในยุคหลังรัชกาลที่ 5 เป็นบ้านไม้สองชั้นที่ใหญ่และโอ่โถ่ง ไม่รอช้าครับ ขนสัมภาระออกจากเกวียนเครื่อง และเข้าไปลงบันทึกการเข้าพักข้างในกันเลยครับ

‘มันทวิภพมากเลยว่ะมอส’ ผมกล่าวกับผู้ติดตามคู่ใจ คือบรรยากาศมันย้อนยุคจริง ๆ ครับ อย่างที่ปลายเตียงยังมีบันไดให้ขึ้นเหยียบ ถือว่าเก็บรายละเอียดของยุคก่อนมาดีมาก ๆ

ตัวห้องพักมาพร้อมกับระเบียงส่วนตัว เตียงใหญ่พร้อมมุ้ง สำหรับตัวห้องน้ำมี rainshower พร้อมกับอ่างไม้เล็ก ๆ ให้ความรู้สึกย้อนยุค ที่เจ๋งก็คือโครงสร้างและเฟอร์นิเจอร์ไม้สักต่าง ๆ ที่หาชมได้ยาก ส่วนใหญ่เป็นของเก่าจากยุคนั้นที่นำมาบูรณะใหม่ครับ

รับประทานอาหารเช้าและกาแฟร้อน ๆ ริมแม่น้ำจันทบุรี ตอนเช้าค่อนข้างเงียบสงบครับ บางทีก็นึกอิจฉาคุณหลวงแกนะครับ ตื่นมาพบกับบรรยากาศแบบนี้ในทุก ๆ วัน เป็นชีวิตที่สงบโดยแท้จริงครับ

ก๋วยเตี๋ยว และปลาท่องโก๋จิ้มนมข้นและน้ำบ๊วยเจี่ยะ มาพร้อมขนมล้างปาก และน้ำสมุนไพร สดชื่นมากครับ เกร็ดความรู้เล็ก ๆ คือเมนูก๋วยเตี๋ยวเป็นเมนูที่หลวงราชไมตรีไม่โปรดครับ ท่านจะชอบรับประทานอาหารง่าย ๆ อย่างเช่นผัดคะน้าปลาเค็ม มีเรื่องเล่ากันว่ากระดูกปลาเค็มที่เหลือ ท่านก็ให้บ่าวในบ้านนำไปโม่ให้กลายเป็นผง สามารถนำมาผัดรับประทานได้ในมื้อต่อ ๆ ไป เป็นตัวอย่างความติดดินที่น่าทึ่งครับ

บริเวณชั้นล่างของบ้านพักเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวมรวมเอาสิ่งของต่าง ๆ จากอดีตกาลที่ถูกใช้งานจริง ๆ โดยผู้คนที่อาศัยในบ้านหลังนี้ในยุคก่อน ซึ่งสำหรับประวัติของคุณหลวง ฯ ผมจะขอเล่าในส่วนต่อ ๆ ไปครับ

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นบันทึกเอกสารต่าง ๆ ในสภาพที่สมบูรณ์ เครื่องชามลายครามที่เคยถูกใช้งานจริง รวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเรือนและบริเวณโดยรอบ หากมีโอกาสได้เข้าพักอยากให้ลองมาเดินศึกษากันดูครับ นับว่าน่าสนใจและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์โดยแท้จริง

หลวงราชไมตรี แต่เดิมนั้นมีนามว่า ปูม ปุณศรี เป็นบุตรคนที่สองของหลวงประมวญราชทรัพย์ (จีนจำปา) จางวาง นายกองส่วนทองคำ โรงงานหวายพัศเดา กับนางเปี่ยม ปุณศรี ในวัยเด็กท่านเริ่มศึกษาที่โรงเรียนวัด และไปศึกษาต่อที่ปีนังเมื่อครั้งติดตามบิดาไปค้าขายยังประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ เมื่อเติบใหญ่ได้ดำเนินธุรกิจการค้าสืบต่อแนวทางของบิดาจนเจริญก้าวหน้ามีชื่อเสียงโด่งดัง
และด้วยความขยันหมั่นเพียร คุณงามความดีที่ท่านทำประโยชน์ไว้ให้กับแผ่นดินมากมาย โดยเฉพาะในการพัฒนาเศรษฐกินในเมืองจันทบุรี โดยเฉพาะในเรื่องของอุตสาหกรรมยางพารา เพราะท่านเป็นคนนำยางพาราเข้ามาปลูกในเมืองจันท์เป็นคนแรก ซึ่งสร้างรายได้และเป็นอีกหนึ่งในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของเมืองแห่งนี้ สร้างอาชีพทำกินให้กับผู้คนมากมาย จนกับได้รับการขนานนามว่าเป็น บิดาแห่งยางพารา (แห่งภาคตะวันออก) โดยการนี้เอง ทำให้ท่านได้รับโปรดเกล้า ฯ จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น “หลวงราชไมตรี” โดยไม่เคยรับราชการอย่างเป็นทางการเลยแม้แต่ระยะเวลาเดียว

ยังไม่เหมือนคุณหลวงเสียทีเดียว เพราะมีเรื่องเล่าว่าคุณหลวงเองนั้นชอบนั่งเก้าอี้ขาหักตัวหนึ่ง จนเมื่อคณะเดินทางจากกรุงเทพฯ มาเห็น ถึงกับเอาไปเล่าต่อ ขนานนามท่านเป็นเศรษฐีขาเก้าอี้หัก สะท้อนถึงคุณค่าความมัธยัสถ์ ประหยัดและไม่ฟุ้งเฟ้อของตัวท่านครับ

โบสถ์อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล หรือเรียกสั้นๆ ว่า โบสถ์คริสต์เมืองจันท์ ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกซึ่ง อยู่คู่กับชุมชนชาวไทยเชื้อสายเวียดนามมากว่า 300 ปี
โดยในช่วงก่อน ปี 2254 ช่วงปลายรัชสมัยของพระเจ้าท้ายสระแห่งกรุงศรีอยุธยา มีชาวญวณกลุ่มหนึ่งราว 130 คน อพยพมาทางเรือ เพื่อมาตั้งรกรากอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจันทบูรในปัจจุบัน ชาวญวณเหล่านี้เป็นชาวคาทอลิกหรือผู้นับถือศาสนาคริสต์ ที่ถูกกดขี่เบียดเบียนทางศาสนา โดยมีหลวงพ่อท่านหนึ่งทำหน้าที่ดูแลในการเดินทางเข้ามาประเทศไทย

รอบตัวโบสถ์เป็นศิลปะแบบโกธิค มีรูปนักบุญในศาสนาคริสต์ รูปปั้นพระแม่มารีสีหน้าสงบ เปี่ยมประกายเมตตายืนอยู่หน้าวิหาร โดยโบสถ์แห่งนี้มีการก่อสร้างและโยกย้ายไปมาอยู่ในย่านนี้อยู่หลายครั้ง สมัยแรกเริ่มสร้างด้วยไม้ จึงทรุดโทรมไปบ้างตามกาลเวลา ปัจจุบันนับเป็นโบสถ์หลังที่ 5 และเป็นหลังที่คงทนถาวรมากที่สุด

จำลองแบบมาจากอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส ณ ประเทศฝรั่งเศส คือหน้าต่างโค้ง ประดับด้วยลายฉลุ สร้างบนพื้นฐานการออกแบบจากศิลปะสไตล์โกธิกซึ่งจำลองแบบมาจาก อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส ประเทศฝรั่งเศส ประดับด้วยกระจกสี (Stained Glass) ใหญ่โตโอ่โถง และถือว่าเป็นอีกโบสถ์คริสต์ที่สำคัญที่สุดแหงหนึ่งของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ครับ

เดิมมียอดแหลมแต่ได้รื้อออกเมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 2483 เพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายในการทิ้งระเบิด โดยโบถส์แห่งนี้ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี 2542 จากสมาคมสถาปนิก สยามการันตี ส่วนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็ยกให้โบสถ์วัดแม่พระฯ เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ประเภทมุมมองใหม่อีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://chanthaburicity.weebly.com/36113619363236233633360…

ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว
มาเดินเล่นในบริเวณชุมชนริมคลองหนองบัว หรือที่เรียกกันว่าชุมชนขนมแปลกครับ ที่ว่าแปลกก็เพราะว่าเขามีขนมโบราณที่หารับประทานได้ยากมาก ผลิตโดยตัวจริงจากยุคก่อน เป็นลุง ๆ ป้า ๆ ที่กุมความลับสูตรขนมโบราณเหล่านี้ส่งต่อกันมากี่ชั่วอายุคนแล้วก็ไม่อาจทราบ โดยมีอายุอานามของชุมชนร่วมร้อยกว่าปีแล้วครับ

ที่นี่เขาเปิดเป็น Walking Street สามารถเดินได้อย่างสบายใจตลอดแนวถนนเลยครับ ตามรายทางก็คือบ้านเรือนของเหล่าปรมาจารย์ขนมไทย ที่ขนสูตรเด็ดมาให้พวกเราได้ลองลิ้มชิมรสชาติกัน ว่าแล้วก็ไปลุยกันดีกว่าครับ

ชื่อขนมบางอย่างนี่ก็น่ารักดีนะครับ ตั้งชื่อกันตามคำโบราณที่เขาเรียกกันสนุกสนานนั่นแหละ รสชาติดีนะครับสำหรับหลาย ๆ ตัวที่มีโอกาสได้ลองรับประทานดู ตัวอย่างเช่นน้ำเยี่ยววัว หรือขนม คว_ลิง เห็นชื่ออาจจะต้องมีสะดุ้งกันนิดนึงอย่างที่เห็นในภาพที่ผมได้นำมาฝากทุกท่านนี่แหละครับ

ในภาพนี้อาจจะเป็นขนมที่ไม่ได้หารับประทานยากมากนักแต่มีลักษณะพิเศษครับ อย่างขนมช่อม่วงนี่ก็ดั้งเดิมมาก ๆ รวมทั้งตระกูลของกวนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกาละแม พุทรากวน ข้าวเหนียวแดง กินจุ๊บกินจิ๊บวนไปครับ

แก๊งค์นี้จะเป็นขนมท้องถิ่นครับ อย่างน้ำอ้อยหนองบัว ผมเองก็ซื้อกลับบ้านไปกระปุกใหญ่ แช่เย็น ๆ สดชื่นมากครับ หรือมัดไต้นี้ก็เป็นขนมของภาคตะวันออกที่เหมือนกับข้าวต้มมัด แต่จะเป็นเป็นอันเล็ก ๆ ส่วนอีกอันก็คือขิงดองน้ำมะปิ๊ด นี่ก็ถือว่าหายากมาก สายหมักดองเปรี้ยวจี๊ดน่าจะชื่นชอบกัน แกล้มเครื่องดื่มมอลท์เข้ากันอย่าบอกใครครับ

ขนมเกสรลำเจียก ขนมหันตรา ขนมถ้วยตะไลน้ำอ้อย ข้าวตังครก ล่าเตียง สิ่งเหล่านี้แอดวานซ์เกินองค์ความรู้ที่เรา ๆ มีกันไปเยอะครับ รสชาติดีทุกอันเลย เอาเป็นว่าควรค่าแก่การมาเดินจริง ๆ ครับ บางอันอร่อยถึงขั้นว่าอยากจะกระซิบถามเลยว่าทำยังไง

หน่วยงานรัฐร่วมกับคณะสถาปัตยกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกันศึกษาชุมชน จึงมีใบข้อมูลแสดงโครงสร้างและวัสดุของอาคารแทบทุกหลัง โดยมีหน่วยงานหลายภาคส่วนมาช่วยในการบูรณะอีกด้วยครับ

นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ของศิลปิน ในการแสดงและจัดจำหน่ายผลงาน ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียน เครื่องสานต่าง ๆ ซึ่งจริง ๆ ของดีในงานหัตถกรรมก็คือเสื่อจันทบูรครับ ลองไปเลือกชมกันดูนะครับ

แกรนด์แคนยอน จันทบุรี
ตั้งอยู่ ณ ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จันทบุรี เรียกได้ว่าหากทุเรียนคือผลไม้ฮีโร่ของเมืองจันท์ แกรนด์แคนยอนก็คงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ไม่ว่าใครที่มาเยือนจังหวัดนี้จะพลาดไม่ได้ครับ อดีตเป็นเหมืองแร่ดีบุก (นึกถึงภาพยนตร์ มหา’ลัยเหมืองแร่ ที่มีเรือกลใหญ่ ๆ ขุดหาแร่ในคลอง อย่างนั้นแหละครับ) จนมาถึงจุดหนึ่งที่ทรัพยาการที่ได้จากการทำเหมืองไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนแล้ว จึงมีการขุดเอาหน้าดินที่เหลือไปขาย เมื่อฝนตกลงมาจึงเกิดเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ พร้อมกับภูมิประเทศดินแดง ที่แลดูละม้ายคล้ายกับ แกรนด์ แคนยอน หุบเหวภูเขาดินแดง ณ รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเองครับ

ในช่วงหน้าฝน เมื่อน้ำได้ชำระล้างแร่ธาตุจากข้างบนจนภูเขา จะทำให้น้ำในแอ่งกลายเป็นสีฟ้าเขียวมรกกตใสสวยงาม แต่เวลามาเที่ยวจะค่อนข้างลำบากนิดนึง เพราะทางเข้าหลาย ๆ ทางจะปิด แนะนำให้มาเที่ยวในช่วงหน้าแล้งอย่างที่ผมมาจะดีกว่า


CONCLUSION
สำหรับใครที่คิดถึงจันทบุรีแล้วมีภาพทุเรียนลอยเข้ามาในหัวเป็นอย่างแรก คิดว่าหลังจากอ่านคอนเทนต์นี้จบน่าจะมีมุมมองและภาพจำใหม่สำหรับเมืองนี้ครับ จันทบุรีถือว่าเป็นอีกเมืองประวัติศาสตร์ชั้นดีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่สมัยก่อตั้งลากยาวมาจนถึงช่วงยุครัชกาลที่ 5 ที่มีอิทธิพลตะวันตกเข้ามา ความหลากหลายในวิถีชีวิต ทั้งชุมชนติดทะเล ชุมชนปากแม่น้ำ รวมทั้งกลไกทางเศรษฐกิจที่ถูกขับเคลื่อนไปในทิศทางต่าง ๆ ผ่านอุตสาหกรรมหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นยางพารา การเกษตร การประมง หรือการค้าขาย หากใช้เวลาให้นานสักนิด จะพบกับรายละเอียดต่าง ๆ มากมายอย่างที่ผมได้พบเจอมาในทริปนี้เป็นอย่างแน่นอนครับ
สำหรับทริปต่อไปจะพาไปจังหวัดไหนหรือประเทศอะไร อย่าลืมติดตามกันไว้ให้ดี เอาจริงก็ไม่อยากจะแกงตัวเองเท่าไหร่ แต่หลังรถของผมตอนนี้เต็มไปด้วยทุเรียนที่หยิบติดไม้ติดมือไปฝากพระที่บ้านครับ ก็ของเขาอร่อยจริงนี่หน่า
ไว้เจอกันใหม่ในทริปหน้า
สวัสดีครับ
เปียง