MARU EKKAMAI 2 X PYONG
TWISTED SIMPLE AT MARU EKKAMAI 2
ความเรียบง่ายกับไลฟ์สไตล์หลากหลายที่ มารุ เอกมัย 2
สวัสดีครับ ผมเปียง ครั้งนี้ผมมาพร้อมกับเซตภาพใหม่ ที่ผมตั้งใจถ่ายภาพให้ทุกท่านชมกันครับ สำหรับคอนเทนต์วันนี้ผมอยากนำเสนอการถ่ายภาพคอนโด MARU EKKAMAI 2 ในมุมของผมที่ “อยากให้ทุกคนได้เห็นคอนโดของเราในแบบที่ยังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน” ซึ่งการถ่ายภาพก็สวยคนละแบบสำหรับนักเดินทางอย่างผม
เมื่อเดินทางไปถึง คอนโด MARU EKKAMAI 2 ครั้งแรก แม้ครั้งนี้ผมจะไม่ได้เดินทางไปเที่ยวที่ไหนไกล ๆ แต่คิดว่ามุมกล้องและเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของผมที่นำมาฝากในเซตนี้ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับไอเดียใหม่ ๆ ให้หลาย ๆ ท่านได้เลยล่ะครับ
ผมเดินทางมาคอนโด MARU EKKAMAI 2 ด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีก็ถึงที่คอนโด ด้วยคอนโดที่อยู่ ณ ย่านเอกมัย ระหว่างทางผมเห็นคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ชิค ๆ เยอะแยะมากมาย ทำให้ผมอยากแวะไปถ่ายรูปเช็กอิน เมื่อเข้ามาถึงโครงการก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอีกแบบ ที่เงียบ สงบ มีความเป็นส่วนตัวสูง ทั้ง ๆ ที่อยู่กลางใจเมืองย่านเอกมัย คอนโด MARU EKKAMAI 2 นับว่าเป็นคอนโดที่สูงพอที่จะทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบย่านเอกมัยและย่านทองหล่อ ได้มุมมอง 360 องศาแบบไม่มีตึกใด ๆ บดบัง
“มันคงจะดีเหมือนกันนะครับ หากบ้านของเราจะมีมุมสวย ๆ มากมายขนาดที่เราสามารถเก็บภาพใหม่ ๆ ได้ทุกวัน และยังสามารถทำทุกอย่างได้แบบที่ต้องการตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน” การมาทัวร์ทั่ว ๆ คอนโดแห่งนี้ MARU EKKAMAI 2 สร้างความรู้สึกแบบนี้ให้ผมครับ สีขาวสะอาด ตัดด้วยระแนงไม้สีน้ำตาลอมส้มสไตล์ minimal โดยหยิบเรื่องราวของลวดลาย เส้นสายแบบญี่ปุ่นมาเป็นแรงบันดาลใจที่พบเห็นได้ทั่วคอนโดแห่งนี้ ส่งเสริมให้ที่นี่ดูทันสมัย เป็นผู้ใหญ่ แต่ก็สนุกแบบสุขุมไปในเวลาเดียวกัน แม้ภายนอกดูเป็นคอนโดสวยแบบเรียบก็จริง แต่ด้านในเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมรู้สึกประทับใจ
ความสนุกคือการได้เซอร์ไพรส์ตลอดเวลาเมื่อผมค่อย ๆ เห็นถึงฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่คาดไม่ถึงในเรื่องของราคากับสิ่งที่ทางแบรนด์ได้ใส่รายละเอียดเข้ามา เติมเต็มให้ที่พักอาศัยนี้มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดจนน่าประทับใจ อีกทั้งยังชูคอนเซ็ปต์ pet friendly & wellness living ได้น่าสนใจครับ การมีสัตว์เลี้ยงในคอนโด, rooftop bar ในชั้นดาดฟ้า, ห้องซ้อมดนตรี, ห้องคาราโอเกะ, ห้องสำหรับอ่านหนังสือ, ฟิตเนส, ห้องสำหรับคลาสโยคะฟลาย, สระว่ายน้ำแบบ infinity edge pool ที่ยาวมากกว่า 20 เมตร , capacity ของที่จอดรถที่กินไปถึง 48 % และยังมีอะไรอื่น ๆ อีกมากมายที่สร้างขึ้นมาตอบรับความต้องการของผู้อาศัยโดยที่ยังไม่ได้ร้องขอ ทั้งเรื่องความสวยงาม ทำเล และการเป็นที่อยู่อาศัยในอุดมคติ เรียกได้ว่าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทุกรูปแบบได้ครบในทุก ๆ แง่มุมครับ
พอสังเขปกับการแนะนำก่อนเข้าไปทำความรู้จักกัน MARU EKKKAMAI 2 จริง พร้อมหรือยังครับ ตามไปชมภาพเซตใหม่และเรื่องราวต่างๆที่ผมตั้งใจถ่ายทอดมาให้ทุกคนกันครับ
ใครสนใจโครงการ MARU EKKAMAI 2
ตอนนี้ทางโครงการมีข้อเสนอพิเศษ 1 Bedroom เริ่ม 5 ล้านบาท อยู่ฟรี 2 ปี
และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://bit.ly/3uongex
เปียง
#MaruCondo #MaruEkkamai2 #PetFriendly #MajorDevelopment #MJDTH #PYONGXRealEstate
Director – Kantaphong Thongrong
Content Creator & Assistant Photographer – Pratchawin Sara
FACEBOOK – PYONG Traveller X Doctor
INSTAGRAM – pycaptain
MARU EKKAMAI 2 X PYONG
TWISTED SIMPLE AT MARU EKKAMAI 2
ความเรียบง่ายกับไลฟ์สไตล์หลากหลายที่ มารุ เอกมัย 2
ผม ณ คอนโด MARU EKKAMAI 2 ครับ วันนี้นำเซตภาพใหม่มาฝากทุกคนครับ
ณ บริเวณโซนพักผ่อนส่วนหนึ่งของคอนโดครับ
สีขาวสะอาด ตัดด้วยระแนงไม้สีน้ำตาลอมส้มสไตล์ minimal ที่พบเห็นได้ทั่ว ๆ คอนโดแห่งนี้ ส่งเสริมให้ที่นี่ดูทันสมัย เป็นผู้ใหญ่ แต่ก็สนุกแบบสุขุมไปในเวลาเดียวกัน แม้ภายนอกดูเป็นคอนโดสวยแบบเรียบ ๆ ก็จริง แต่ด้านในเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมรู้สึกประทับใจ
ความประทับใจของผมเกิดขึ้นตั้งแต่ก้าวแรกตั้งแต่ลงจากสถานีบีทีเอสเอกมัยเลยครับ MARU สามารถเดินมาจากสถานีบีทีเอสเอกมัยเพียงแค่ 450 เมตรเท่านั้นเอง ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ช่วงต้นซอยเอกมัย ระหว่างซอย 2 และ ซอย 4 ทำให้ระยะทางเพียง 5 นาทีของผม สะดวกสบาย คล่องตัวและรวดเร็วขึ้นในการเดินทาง อีกทั้งด้วยความเป็นเอกมัยที่ถือเป็นย่านใจกลางเมือง ทำให้มีร้านอาหาร คาเฟ่ เยอะแยะมากมาย สถานที่อำนวยความสะดวกที่ตั้งอยู่ระหว่างทางที่เดินเข้ามาหลากหลายรูปแบบ มีตัวเลือกมากขึ้นในการใช้ชีวิต ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่จริง ๆ
แน่นอนครับ อย่างที่ผมบอก การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าน่าจะเป็นทางเลือกที่รวดเร็วที่สุดสำหรับคนที่อาศัยในย่านนี้ สำหรับผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เดินทางบ่อย ใช้บริการทั้งรถโดยสารสาธารณะและรถส่วนตัวสลับกันไปตามแต่สถานการณ์ในแต่ละวัน การใช้ชีวิตอยู่ในย่านใจกลางเมืองเช่นเอกมัยแห่งนี้ การที่มี option ในการเดินทางหลากหลาย ไม่ว่าจะรถส่วนตัวที่ขับขี่เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง อาทิ ถนนสุขุมวิท ถนนพระราม 4 หรือ เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา และไม่ไกลจากจุดขึ้นลงทางด่วนหลายเส้นทาง เช่น ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร ที่สามารถเดินทางไปเชื่อมกับทางพิเศษศรีรัช, ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ รวมไปถึงทางพิเศษบูรพาวิถี หรือมอเตอร์เวย์บางนา-ชลบุรี เพื่อออกไปนอกเขตเมืองฝั่งตะวันออก ก็ได้ทั้งหมด รวมไปถึง รถโดยสารสาธารณะ ทั้งรถเมล์หรือรถแทกซี่ที่มีวิ่งผ่านตลอดทั้งวัน, วินมอเตอร์ไซค์ที่ลัดเลาะออกไปได้หลายเส้นทางในซอยย่อย ทำให้เบาใจในเรื่องการเดินทางไปได้ง่ายขึ้นมาก หายห่วงเรื่องนี้เลยครับ
MARU เอกมัย มีทำเลที่สะดวกสบาย connect กับไลฟ์สไตล์ในทุกรูปแบบครับ ในเรื่องของการช้อปปิ้ง จับจ่ายใช้สอย มีห้างสรรพสินค้าที่ใกล้กับตัวโครงการมากมายครับ อาทิ Gateway เอกมัย, Major Cineplex เอกมัย, Big C เอกมัย, J Avenue, Donki Donki, Park Lane, Villa Market, Emporium, Emquatier และ Terminal 21 ในระยะที่ไม่เกิน 4.5 กิโลเมตรเท่านั้น เราสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังใจกลางเมืองย่าน CBD กลางกรุงเทพฯ อย่าง เพลินจิต ชิดลม สยาม สีลม ได้สะดวกอีกเช่นกันครับ
และด้วยความที่ผมทำงานสายอาชีพแพทย์ เรื่องสุขภาพก็สำคัญ เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงครับ หากวันใดวันหนึ่งเราเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา มีโรงพยาบาลใกล้เคียงตั้งอยู่ไม่ไกลหลายที่ครับ เช่น โรงพยาบาลสุขุมวิท, โรงพยาบาลสมิติเวช, โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท, โรงพยาบาลกรุงเทพ และ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นต้น
สถานศึกษาก็สำคัญเช่นกันครับ แน่นอนล่ะ ลูกบ้านบางคน ก็อาศัยกันแบบครอบครัว หรือบางท่านก็กำลังศึกษาอยู่ MARU เอกมัยอยู่ห่างจาก โรงเรียนนานาชาติเอกมัย, โรงเรียนศรีวิกรม์, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล้วยน้ำไท, โรงเรียนสาธิตฯ ประสานมิตร และ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพียงแค่ชั่วอึดใจครับ เห็นหรือยังครับว่าที่นี่สะดวกมากสำหรับผมและทุก ๆ คนอย่างไร
สำหรับ MARU ในภาษาญี่ปุ่น まる หมายความถึง วงกลม หรือ ความสมบูรณ์แบบ และ ความบริสุทธิ์ สื่อถึงการมีชีวิตเรียบง่าย และมีความสุขในทุกเรื่องอย่างสมดุล ล้อไปกับแนวคิด Twisted Simple ของ MARU ที่ให้ความสำคัญกับความเรียบง่ายพร้อมรายละเอียดที่สดใหม่และสนุกสนานแบบองค์รวม ในขณะนี้ผมได้มาอยู่หน้าคอนโดที่ผมพูดถึงแล้วครับ เดี๋ยวเราลองมาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามผมมาครับ
MARU เอกมัย 2 เป็นคอนโดมิเนียม high rise สูง 32 ชั้น บนพื้นที่ต้นซอยเอกมัย ที่เรียกว่าเป็นทำเลทองของกรุงเทพมหานคร ในรัศมีรอบๆ ที่นี่ถือว่าสูงที่สุด ที่สามารถมองจากด้านบนของอาคารไปรอบ ๆ ได้สบาย ๆ แบบ 360 แต่ละชั้นมีไม่เกิน 15 ยูนิต ซึ่งทำให้ผมสัมผัสเห็นความเป็นส่วนตัวที่ทางแบรนด์ใส่ใจ
เริ่มกันที่ ภาพรวมโครงการ ครับ facilities ตัวโครงการ ถึงแม้จะมีพื้นที่เพียงแค่ 1 ไร่เศษและติดกับถนนเอกมัย แต่ตัวตึกจะร่นระยะสร้างเข้ามาด้านในเพื่อให้หลีกจากเสียงด้านนอกให้มากและเกิดความรู้สึก privacy สงบ ปลอดภัย มีความส่วนตัวมากที่สุด ซึ่งการร่นระยะเข้ามาด้านในนี้จะทำให้ได้ระยะร่นด้านหน้ามาจัดสรรเป็นพื้นที่สวนส่วนกลาง (on ground) ที่ไม่รวมกับสวนลอยฟ้า ทำให้มี benefit ของพื้นที่พักผ่อนภายในคอนโดเพิ่มขึ้น ลูกบ้านสามารถจูงสัตว์เลี้ยงออกมาเดินเล่นในสวนได้ โดยสวนจะแบ่งเป็นโซนด้านนอกที่ประกอบด้วยสวนสีเขียวแนว modern zen น้ำพุที่เป็น water feature ในบริเวณเดียวกันเรียกว่า Wellness Yard สามารถวิ่งเล่น เดินเล่น ออกกำลังกายได้
มี Community Pods เล็กๆ เป็นที่นั่งพักผ่อน outdoor เล่นระดับแบบทันสมัย ถัดมาโซนด้านใน จะเป็นสวนแบบ private yard ที่มี Teahouse Pavilion หรือศาลานั่งเล่น ให้ได้นั่งเล่นพักผ่อน หรือสังสรรค์กันได้เล็กน้อย สำหรับลูกบ้านที่มีรถส่วนตัว สามารถเลือกจอดรถได้ 2 วิธี คือ วนขึ้นไปจอดยังชั้นจอดแบบปกติ (Conventional Parking) และ อีกวิธีคือ แบบระบบอัตโนมัติ (Automatic Parking) ขับรถเข้ามาจอดเทียบแล้วให้ระบบอัตโนมัติยกรถเราขึ้นไปจอดเอง ส่วนลูกบ้านที่อยากจะล้างรถเอง ก็มี Car Wash Area ไว้ให้ครับ นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จพลังงานแบบไฟฟ้าสำหรับรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า โครงการจัดเตรียม EV Charger ไว้ให้ 2 outlets สะดวกสบายตามสไตล์คนยุคใหม่จริง ๆ ครับ
ด้านในสุดจะมีแผงน้ำตกขนาดกลาง ซึ่งลูกเล่นตรงนี้น่ารักมาก เรียกว่า Bark & Bike Wash ลูกบ้านสามารถพาหมาหรือแมวมาอาบน้ำ หรือ ล้างจักรยานได้ตรงนี้ เรียกว่าเป็นลานอาบน้ำสัตว์เลี้ยงของลูกบ้านที่โครงการจัดไว้ให้ก็ว่าได้ครับ ซึ่งในจุดนี้ก็สามารถบอกได้ว่า ทางโครงการสนับสนุนเรื่องการใช้จักรยานในการเดินทาง ลดการใช้พลังงาน หันมาดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกันอีกทางหนึ่งครับ และทางโครงการไม่ได้ลืมสิ่งสำคัญไปเลยครับ ได้จัดโซนจอดจักรยานไว้ให้ลูกบ้านด้วย
บรรยากาศสวนโดยรอบครับ ตกแต่งแบบอบอุ่น เรียบง่าย
เข้ามาโซน lobby ได้จัดพื้นที่ co-living area ไว้กว้างมากเลยทีเดียวครับ ตรงนี้สามารถนั่งพักผ่อน ชมสวนได้ บุคคลภายนอกที่มารอก็สามารถนั่งรอในส่วนนี้ได้
ตกแต่งด้วยงานศิลปะที่เราสามารถพบเห็นได้ตลอดทางเดิน
เข้ามายังชั้น 1 นอกจากจะเป็นชั้นต้อนรับ Lobby แล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานนิติฯ และ Mailbox อีกด้วยครับ
ลองเข้ามาชมที่ห้องกันครับ การตกแต่งภายในห้อง เน้นเรื่องการประหยัดพื้นที่ใช้สอยเป็นหลักครับ ห้องต่าง ๆ แบ่งโซนชัดเจน มีการทำ built in พิเศษเพื่อให้ฟังก์ชันได้ครบ เช่น ตู้เก็บรองเท้าที่เป็นกระจกได้ด้วย การใช้ walk in closet การใช้อ่างอาบน้ำที่มีไซส์เล็กพิเศษสำหรับเนื้อที่จำกัด ครัวแบบกะทัดรัด เพดานที่ไม่เตี้ยจนเกินไป หรือ การใช้กระจกประดับโดยรอบเพื่อความรู้สึกที่กว้างขึ้น โดยรวมแล้ว แม้ห้องไม่กว้างมาก แต่ไม่อึดอัดครับ
ห้องครัวของมารุ เอกมัย 2 ก็มีรายละเอียดที่ใส่ใจลูกบ้านเช่นกันครับ ทราบกันดีอยู่แล้ว เมื่อใดที่เราทำอาหาร พวกน้ำมัน ควัน เศษอาหาร อาจทำให้เกิดคราบสกปรกได้ ทางคอนโดฯ จึงเลือกใช้ผนังกันคราบสกปรก เช็ดล้างง่าย รวมไปถึงเคาน์เตอร์ครัวที่ทำจากหินสังเคราะห์ที่ทำความสะอาดได้และมีอายุการใช้งานยาวนานครับ สำหรับช่องเก็บของก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง เพื่อให้มีพื้นที่เก็บของ วางเครื่องใช้ในครัว และอุปกรณ์ซักล้างได้มากขึ้น แถมยังมีช่องเก็บอาหารสุนัข-แมวให้ด้วยครับ
มาพูดถึงเรื่องการเลี้ยงสัตว์ภายในตัวอาคารบ้างครับ ถึงแม้ว่าทางโครงการจะเน้นความเป็น pet-friendly แต่จริง ๆ แล้วก็ค่อนข้างเข้มงวดกับกติกา มารยาท ในเรื่องการดูแลสัตว์เลี้ยงของลูกบ้านที่เลี้ยงสัตว์ภายในโครงการนะครับ จะว่ากันตามตรง ก็จะมีลูกบ้านหลายท่านที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์หรือไม่ได้โปรดปานสัตว์เลี้ยง อย่าง น้องหมา น้องแมว ใด ๆ เลย จึงมีกฎกติกาที่ตั้งขึ้นมาสำหรับลูกบ้านที่เลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ปฏิบัติอย่างเข้มงวดร่วมกัน เช่น การนำสัตว์เลี้ยงขึ้นลงลิฟต์ จะต้องใช้ลิฟต์ service เท่านั้น และเมื่อนำสัตว์เลี้ยงออกมาวิ่งเล่นแล้ว เจ้าของจะต้องอยู่กับสัตว์เลี้ยงนั้นตลอดเวลา จะไม่ปล่อยให้วิ่งเพ่นพ่านไปมา ต้องใช้สายจูงตลอด พกอุปกรณ์ในการดูแลทำความสะอาดอุจจาระ ปัสสาวะของสัตว์เลี้ยง เพื่อสุขอนามัย ความสะอาด และความเป็นอยู่ที่ร่วมกัน รับผิดชอบต่อผู้อื่นด้วยครับ
ทำความรู้จักกับน้องนานะครับ (IG @goroandnana) นางแบบของเราในวันนี้ครับ
นานะมาทักทายนะครับ สำหรับใครที่สงสัยเรื่องเสียงของสุนัขหรือแมวเวลาอยู่ในห้อง ทางโครงการก็คิดมาอย่างดี เพราะแต่ละห้องมีการ seal เก็บเสียงตามขอบประตูอย่างดี สามารถมั่นใจว่าเสียงของสัตว์เลี้ยงเราจะไม่ดังออกไปรบกวนบ้านอื่นอย่างแน่นอนครับ
พื้นที่ส่วนกลางของ MARU เอกมัย 2 ถูกจัดให้กระจายตามชั้นต่าง ๆ หลายชั้น หลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความชอบและความสนใจของลูกบ้านที่แตกต่างกันครับ ชั้น 31 จะมี facilities แยกย่อย อาทิ co-creation space ซึ่งเปรียบเหมือนห้องอาหารเล็ก ๆ ของลูกบ้านทุกคน มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเช่น เครื่องครัว ตู้เย็น เตา ให้ลูกบ้านชวนกันมาทำอาหารหรือนั่งทานอาหารร่วมกันได้ โดยมีโต๊ะรับประทานอาหารแบบ long table ไว้ให้ลูกบ้านด้วยครับ
ที่ชั้น 31 นี้ยังมีสระว่ายน้ำแบบ infinity edge pool ห้องน้ำแยกชาย-หญิง พร้อมล็อกเกอร์ส่วนตัว และซาวน่า
ส่วนที่เป็น outdoor ด้านหน้าสุดถูกจัดเป็น balcony เล็ก ๆ พร้อม daybed สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน ช่วงแดดร่มลมตก บรรยากาศดีมากครับ
สระน้ำใสสะท้อนแสงเป็นประกายในช่วงบ่าย
และแสงจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มขึ้นในช่วงเย็น
เกิดเป็นเงาสะท้อนดังในภาพ
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งผมจะพาไปชมกันแต่ละห้องครับ
ห้องคาราโอเกะ พร้อมอุปกรณ์โฮมเธียเตอร์แบบครบวงจร
ห้องซ้อมดนตรี และห้องอัดเสียงครับ
ยังมีห้องพักผ่อนแบบเงียบ สำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบหรือนั่งทำงานที่ต้องใช้สมาธิระหว่างวัน ออกแบบคล้ายห้องพักแคปซูลญี่ปุ่นเลยครับ
MARU EKKAMAI 2 นับว่าเป็นตึกที่สูงอันดับต้น ๆ จากพื้นที่โดยรอบ จึงสามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลโดยไม่มีตึกไหนที่สูงพอจะบดบังทิวทัศน์ได้
Lounge บนชั้น 32 ครับ ถือเป็นอีกที่ ที่ลูกบ้านสามารถออกมาพบปะพูดคุยกัน มีปฏิสัมพันธ์กันได้ เป็นโซนที่วิวดีและอากาศดีมาก จุดนี้ชมวิวกรุงเทพชั้นในได้แบบกว้าง ๆ เลยครับ
บนชั้น 32 นี้ก็ยังมีฝั่งของ wellness เป็นห้องสำหรับกิจกรรมด้านสุขภาพและการออกกำลังกายต่าง ๆ จัดเตรียมไว้ อาทิ ห้องโยคะฟลาย และ ฟิตเนส จัดไว้ให้อย่างสวยงาม
ฟิตเนสแบบครบวงจรกับวิวมุมกว้างของกรุงเทพฯ
นับว่าเป็นคอนโดที่ได้วิวสวยและกว้างมาก ๆ ครับ สำหรับการตั้งอยู่ในย่านเอกมัยแบบนี้
ชั้นดาดฟ้า คือพื้นที่ส่วนกลางอีกจุดหนึ่งที่เปิดใช้งานแบบ open area ที่ลูกบ้านทุกคนสามารถขึ้นมาใช้บริการได้ โดยจัดพื้นที่ได้อย่างลงตัว มีพื้นที่นั่งเล่น เดินเล่น สนามเด็กเล่น ฐานปีนป่ายแบบค่ายลูกเสือ โซนนั่งชมวิวที่เรียกว่า Star Gazing Deck รวมไปถึง Terrarium House ใช้งานเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่หรือห้องสังสรรค์บนดาดฟ้า โดยชั้นดาดฟ้านี้ ลูกบ้านสามารถนำสัตว์เลี้ยงขึ้นมาเดินเล่นได้
ตกแต่งในโทนเดียวกับด้านล่างแบบ minimal ด้วยสีขาว ตัดกับไม้ระแนงสีน้ำตาลส้ม
มุมแบบ rooftop bar ที่ลูกบ้านสามารถเห็นแบบนี้ได้ทุกวัน
ผมสังเกตเห็นไอเดียเล็ก ๆ ที่นำเสนอการขยับร่างกายของเราให้ได้ออกกำลังได้นิดหน่อยด้วยการขยายส่วนกระดานหมากฮอสขึ้นมาเป็นแบบ big size ใช้เล่นได้จริง ทั้งสนุกและได้ออกกำลังกายด้วยครับ
โซนนั่งชมวิวที่เรียกว่า Star Gazing Deck
Terrarium House เป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่หรือห้องสังสรรค์ระหว่างลูกบ้าน สามารถขึ้นมานั่งเล่นได้ตลอดเวลา
Terrarium House บนชั้นดาดฟ้า
สนามเด็กเล่น ฐานปีนป่ายแบบค่ายลูกเสือ ใส่ใจลูกบ้านที่อยู่อาศัยแบบครอบครัวครับ
มองลงไปที่ชั้น 31 จะเห็นสระว่ายน้ำอยู่ด้านล่างครับ
จบไปกับเซตภาพสวย ๆ จากผม พร้อมเรื่องราวของ MARU EKKAMAI 2 ครับ
สำหรับใครที่สนใจโครงการ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่ : https://bit.ly/3uongex
แล้วพบกันใหม่ในคอนเทนต์หน้านะครับ
เปียง