8 WORTH-A-TRY RESTAURANTS IN CHIANGMAI SEXY DISH : 8 พิกัด “ร้านอาหารดีที่ควรลอง” รอบเชียงใหม่

WORTH-A-TRY RESTAURANTS IN CHIANGMAI
8 พิกัด “ร้านอาหารดีที่ควรลอง” รอบเชียงใหม่

สวัสดีครับ ผมเปียง วันนี้เราจะพามาคุยเกี่ยวกับเรื่อง “อาหารเหนือ” กันครับ ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ เชียงใหม่กำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยว และเชื่อจริงๆว่าวันหยุดใกล้ๆนี้ เชียงใหม่อาจจะเป็นช้อยส์ต้นๆของหลายๆคน สำหรับผมในช่วงปีที่ผ่านมาก็ได้ไปเยือนเชียงใหม่หลายครั้งด้วยกัน ได้รับประทานอาหารอร่อยๆมาพอสมควร จึงถือโอกาสรวบรวมร้านอาหารดี ๆ  ที่มีแบรนด์สตอรี่ดี ๆ ในช่วง “SEXY DISH” มาฝากทุกคนกันครับ เผื่อเป็นประโยชน์กับใครก็ตามที่กำลังวางแพลนเที่ยวเชียงใหม่ในเร็วๆนี้ ทุกร้านผมไปมาแล้ว และ รับประกันว่า “ควรค่า” แก่การไปลิ้มลองสักครั้งครับ

“อาหารเหนือ” ในปี 2020 กลายเป็นการอาหารที่เกิดการตีความใหม่อย่างโลดโผนครับ มันคงไม่ใช่อะไรที่เราจะสามารถจำกัดความได้ด้วยคำว่า “แคบหมูน้ำพริกหนุ่ม” หรือ “ไส้อั่ว” อีกต่อไปแล้วล่ะ แต่มันมีความสนุก การค้นหา และ การพัฒนา ให้อาหารที่ทำออกมามีความล้ำลึกที่เพิ่มขึ้น และเข้าถึงผู้บริโภคที่มีความเฉพาะกลุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผม อาหารเหนือที่ผมคาดหวัง อาจจะเป็นอาหารเหนือแบบต้นตำรับ สมุนไพรจัดๆ รสชาติขมเผ็ดซ่าชัดๆไปเลย ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็อาจจะปลื้มในแง่การนำเสนอแบบใหม่ๆ ที่สวยงามและสร้างสรรค์มากขึ้น รวมไปถึงการเลือกวัตถุดิบพิเศษมาใช้ หรือถ้าไม่เช่นนั้นก็อาจจะเป็นการผสมเทคนิคของอาหารสัญชาติอื่นๆลงไป กลายเป็นแนว fusion ก็น่าสนใจเหมือนกันครับ ทั้งนี้ มันคือความพิเศษที่เราอยากจะสัมผัสในทริปเชียงใหม่แต่ละครั้ง สำหรับร้านอาหารที่ผมนำมารวบรวมให้ในวันนี้มีทั้งหมด 8 ร้านด้วยกันครับ มีความหลากหลายมากทั้งสไตล์ เรื่องราว และประเภท คุณจะได้ชมอาหารเหนือในรูปแบบที่หลากหลายตั้งแต่อาหารเหนือรสดั้งเดิม อาหารเหนือยอดฮิต อาหารเหนือ fusion ไปจนถึง อาหารเหนือ chef’s table ผมก็ได้รวบรวมมาไว้ในที่นี้เช่นกัน

ตามมาครับ ตามไปชมทั้ง 8 พิกัดนี้ด้วยกันครับ
เปียง

#PYONGSEEWHATISEE #PYONGsDish

8 WORTH-A-TRY RESTAURANTS IN CHIANGMAI
SEXY DISH : 8 พิกัด “ร้านอาหารดีที่ควรลอง” รอบเชียงใหม่

กิติพานิช
แกงเวฬา
สวนเกษตรอินทรีย์บ้านวสุนธารา
BLACKITCH ARTISAN KITCHEN
The House by Ginger
ร้านอาหารเจริญสวนแอก
เฮือนใจ๋ยอง
ข้าวซอยแม่มณี

อาหาร เรื่องราว กรรมวิธี ของอาหารเหนือ เป็นอีกเสน่ห์ที่ทำให้เราอยากไปเชียงใหม่บ่อย ๆ ครับ

วิธีการนำเสนอที่แตกต่าง แต่แสดงจุดแข็งที่น่าสนใจร่วมกันของความเป็นอาหารเหนือ ในการชูความสดใหม่ของวัตถุดิบ

พร้อมไปตะลุยกับทั้ง 8 ร้านด้วยกันหรือยังครับ หากพร้อมแล้ว ตามผมมาเลย

กิติพานิช

ร้านแรกของผม ขอเริ่มที่ร้านแห่งนี้ครับ “กิติพานิช” ร้านอาหารเหนือระดับ fine dining ในอาคารพาณิชย์โบราณนับร้อยปี กับสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ริมถนนท่าแพ ในจุดที่ไม่ว่าผ่านไปผ่านมาต้องสัมผัสถึงความสง่างามของตึกเก่าหลังนี้

ณ ท่าแพ ถนนหลักที่สำคัญทางการค้าของเชียงใหม่มาตั้งแต่อดีต เป็นถนนสายเอกที่เชื่อมการคมนาคมจากแม่น้ำปิงสู่เมือง ชาวล้านนาทำมาค้าขายติดต่อการค้ากับชาวอังกฤษ กิติพานิช อาคารโบราณที่มีอายุมากกว่า 132 ปี แห่งนี้ ถูกเรียกติดปากว่าตึกเหลือง หรือ yellow mansion โดดเด่นอยู่คู่ย่านประตูท่าแพมานานแสนนาน เป็นอาคารเก่าแห่งเดียวในย่านนี้ที่เอาศิลปะพม่ามาผสมกับสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษแต่เป็นเอกลักษณ์มาก ภาพจำของคนพื้นที่คือเมื่อก่อนด้านหน้าจะเป็นแผงร้านขายหนังสือ ซินกีง้วน แต่เดิมตึกหลังนี้เปิดดำเนินกิจการเป็นห้างสรรพสินค้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 ใช้ชื่อว่า ย่งไท้เฮง เป็นห้างที่ทันสมัย มีสินค้าที่ in-trend ที่สุด บรรดาคหบดี เจ้านายฝ่ายเหนือ และผู้มีอันจะกิน นิยมแวะเวียนเข้ามาช้อปปิ้งประจำ เป็นห้างแรกๆในสมัยนั้นที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา ต่อมาเมื่อห้างได้เลิกกิจการ ก็ได้เปลี่ยนเป็นร้านเสริมสวยสตรี จนมาถึงคลินิกรักษาโรค ซึ่งเป็นธุรกิจสุดท้าย ก่อนปิดตัวลง พร้อมๆกับการปิดตายตึกไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2509

Kiti Panit

กลับมาที่ปัจจุบันครับ ผ่านมากว่า 60 ปี คุณรุ่งโรจน์ ทายาทเจ้าของตึก พบโฉนดที่ดินมรดกที่สะสมไว้โดยบังเอิญ จึงได้เกิดไอเดียในการนำมา renovate คุณรุ่งโรจน์จับมือหุ้นส่วนเชฟต้น (จากร้าน Le Du ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์) พลิกฟื้นตึกหลังนี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยเข้าไปแตะโครงสร้างและของตกแต่งดั้งเดิมให้น้อยที่สุด เพื่อรักษาความเป็นอดีตให้คงอยู่มากที่สุด ภายหลังก็ได้ร่วมมือกับหุ้นส่วนอีกท่านอย่างคุณ Frederic Meyer เบื้องหลังความสำเร็จของ Issaya Siamese Club ที่มาดูแลเรื่องการสร้างสรรค์ธุรกิจให้ร่วมสมัยมากขึ้น กลายเป็นร้านอาหารที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกับตึกโครงสร้างเก่าที่เรียกได้ว่าสวยงามและคลาสสิคแบบ timeless

ภาพปัจจุบันของ กิติพานิช คือร้านอาหารล้านนาในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมลูกผสมอิทธิพลพม่า ภายในร้านประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณที่ตกทอดอยู่ในภายอาคาร นำมาปัดฝุ่นซ่อมแซมกลายเป็นงานชิ้น masterpiece ที่ตั้งเรียงรายจำนวนมาภายในร้าน

ป้ายเก่า ๆ นิตยสารเก่ ๆ รูปภาพเก่า ๆ ก็ยังตกทอดมาถึงปัจจุบัน เป็นร้านที่เดินดูรอบ ๆก็สนุกแล้วครับ

เสิร์ฟอาหารร่วมสมัยที่ออกแบบเมนูโดยเชฟอ้อมและเชฟเปเปอร์ จากร้าน Saawaan ทำให้ทั้งรสชาติและบรรยากาศ blend เข้ากันได้อย่างลงตัว ส่วนมากเป็นอาหารเหนือที่ใส่ลูกเล่นลงไปให้แต่ละเมนูมีความสนุกมากยิ่งขึ้น ทุกจานมี presentation ที่สวยงามน่ารับประทาน หากจะให้แนะนำสัก 2-3 เมนู ผมยกให้ แกงฮังเลของที่นี่เลยครับ นุ่มหนุบหนับ และ juicy มาก ๆ อร่อยอันดับต้นๆที่เคยรับประทานมาเลย อีกเมนูหนึ่งคือ ข้าวเหนียวมะม่วงครับ ที่นี่เขาจะนำมะม่วงไปย่างก่อน ดังนั้นเราจะได้กลิ่นถ่านอ่อน ๆ หอมอร่อย เวลาเรารับประทานด้วย

แคบหมูกับเชียงใหม่เป็นอะไรที่ต้องไม่พลาด ที่นี่ทำได้ดีครับ

มะม่วงที่กล่าวถึงก่อนนี้ อร่อยมาก ๆ ครับ

แกงเวฬา KANG VELA

แค่ตัวร้านก็ดึงดูดและน่าค้นหาอย่างยิ่งแล้ว สำหรับ แกงเวฬา ที่ภายนอกแทบจะเดาไม่ออกเลยว่าเป็นคาเฟ่หรือแกลเลอรีศิลปะสักอย่างหรือเปล่า แต่โกดังดิบ ๆ แนว Thai Vintage Loft แห่งนี้คือ “ร้านข้าวแกง” เหนือความคาดเดาไปเสียอย่างนั้น แกงเวฬา ออกจะเป็นร้านข้าวแกงที่มีความ outstanding จากร้านข้าวแกงทั่วไปอยู่มาก มันคือร้านข้าวแกงแนว ๆ ร้านข้าวแกงเท่ ๆ มีความใช้ลูกเล่นและความเป็นงานอาร์ตเข้ามาพลิกภาพของร้านข้าวแกงบ้านๆ ให้กลายเป็นร้านข้าวแกงสุด exclusive ใจกลางเมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี

KANG VELA แกงเวฬา

โดยมีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจมากคือเมนูจะมีการเปลี่ยนอยู่ตลอด ไม่ทำเมนูซ้ำจำเจ มีตั้งแต่เมนูข้าวแกงคุ้นตาธรรมดา ไปจนถึงเมนูหากินยาก ทำยาก เมนูโบราณในตำนาน กันเลยทีเดียว ทางร้านการันตีความพิเศษด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นเป็นหลักผ่านการรังสรรค์เมนูที่เทียบเท่ากับอาหารแบบ fine dining ที่นี่จึงกลายเป็นที่รวมของวัฒนธรรมอาหารในหลากรูปแบบ แต่นำมารวมไว้ในสถานที่ที่เป็นวัฒนธรรมสมัยใหม่อย่างไม่ขัดเขิน

ภายในร้านให้บรรยากาศ homey เป็นกันเอง ตกแต่งด้วยตกไม้ ประดับด้วยงานศิลปะต่างๆ ถือเป็นอีกร้านที่น่ารักมากทีเดียวครับ

อาหารมาแล้ว ลองมาชมกันดีกว่าครับ

การตกแต่งหน้าตาอาหารทุกจาน ประณีตน่ารับประทานมาก ยกระดับความเป็นข้าวแกงไปอีกระดับเลยครับ น่ารักมาก

เมนูมีตั้งแต่เมนูธรรมดาที่เรารู้จักกันอย่างแกงเขียวหวานจานนี้ครับ

ไปจนถึงเมนูอาหารพื้นเมืองต่างๆที่นำมาปรับให้รับประทานได้ง่ายขึ้น

สวนเกษตรอินทรีย์บ้านวสุนธารา

อาจจะงงเล็กน้อยว่า ดอกไม้บางชนิดเราก็เอามารับประทานได้ด้วยหรอ แต่ที่นี่แสดงให้เห็นแล้วครับว่า อาหารเหนือยังไปได้อีกขั้นผ่านการตีความแบบใหม่ๆ และที่นี่คืออีกตัวอย่างที่เรามองเห็นครับ สวนเกษตรอินทรีย์บ้านวสุนธารา เป็น ร้านอาหารออร์แกนิกในบ้านป่าลาน อำเภอสันทราย ที่เกิดขึ้นจากแนวคิดที่มองเห็นเทรนด์ของการบริโภคอาหารที่มาจากพืชเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มวีแกน ที่นิยมรับประทานอาหารอินทรีย์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ของบ้านวสุนธาราจึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองแนวคิดของเจ้าของ

Wasunthara Eatery Farm

นอกเหนือจากการได้ครีเอทเมนูอาหารจากพืชผลออร์แกนิกจากเกษตรกรโดยตรงแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้สู่ชุมชน เกิดการรวมตัวสร้างกลุ่ม มีพื้นที่ออกร้านร่วมกัน และสามารถเป็นผู้กำหนดทุน กำหนดราคาขายได้เอง แถมผู้บริโภคก็ยังได้รับประทานอาหารเมนูหลากหลาย presentation ของอาหารสวยงาม จัดวางอย่างลงตัว เป็นการเพิ่มมูลค่าให้อาหารได้อีกด้วย

จะเห็นได้จากการหยิบเอาไม้ดอก ไม้ใบหลายๆชนิดที่ปลูกภายในสวน มาตกแต่งดัดแปลงให้เข้ากับเมนูนั้นๆ เช่น เมนูบุปผาที่นำดอกไม้มาปรุงเป็นอาหาร หรือเป็นข้าวยำ โดยนั่งรับประทานแบบ chef table เสิร์ฟแบบคอร์ส 6-7 เมนู อย่างภาพที่เห็นเป็นเมนูแรกของๆของคอร์สครับ มะม่วง smoothie

เมี่ยงดอกไม้ น่ารักและอร่อยมากทีเดียว

ไอศกรีมกับการตกแต่งที่น่ารัก

ข้าวยำที่นำกลีบดอกไม้มาเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลัก

บรรยากาศที่นี่ดีมากนะครับ ขับออกมาจากตัวเมืองไม่นานมาก

ท่ามกลางธรรมชาติริมป่าของเชียงใหม่ กลิ่นน้ำค้าง ลมอ่อน ๆ และเสียงนกรอบ ๆ รับรองว่ายังอิ่มท้อง อิ่มใจ และได้สุขภาพที่ดีกลับออกมาอย่างแน่นอน ภายในฟาร์มขนาด 14 ไร่แห่งนี้ยังมีโฮมสเตย์ที่มุ่งหวังให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ได้ใช้เวลาในที่พักแบบช้า ๆ ใช้ชีวิตแบบผ่อนคลาย ฟื้นฟูจิตใจจากความวุ่นวายภายนอกอีกด้วย

BLACKITCH ARTISAN KITCHEN

ในเชียงใหม่ ถ้าพูดถึงเชฟในแนวทาง Chef’s Table สายเลือดใหม่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง ต้องมีชื่อของเชฟแบล็ก ภานุภน ปรากฏขึ้นแน่นอน เชฟแบล็กเชี่ยวชาญอย่างมากในการ collaborate อาหารไทยและญี่ปุ่นในรูปแบบฟิวชั่นตามสมัยนิยม และถ้าคุณถวิลหาความพรีเมียมของเมนูแต่ละจานแบบนี้ Blackitch Artisan Kitchen โดยเชฟแบล็ก คือคำตอบของมื้อนี้ของคุณ

Blackitch Artisan Kitchen

นอกจากอาหารที่ปรุงด้วยความพิถีพิถันแล้ว วัตถุดิบที่เชฟเลือกใช้นั้นก็ต้องสด ใหม่ สะอาด แหล่งวัตถุดิบส่งมาโดยตรงจากหลายๆที่ทั่วประเทศไทยที่ถูกคัดสรรแล้วว่ายอดเยี่ยมที่สุด บางอย่างเช่นปลาที่นำมาใช้เป็นปลาดิบโอมากาเสะแบบไทย ก็คัดปลาพันธุ์ที่หายากมาทำ เครื่องปรุงอย่างน้ำปลา ปลาร้า เครื่องหมัก เซฟก็คิดสูตรและหมักเอง ครีเอทเมนูเองและเป็นคนพรีเซนต์เองทั้งคอร์ส แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง เพราะทางร้านลิมิตลูกค้าแค่ 10 ที่ต่อวันเท่านั้น

ร้านตั้งอยู่ในซอยนิมมานฯ7 การ reserve โต๊ะอาจจะยากหน่อย เพราะบางคนก็รอคิวเป็นเดือน ยังไงก็ลองไปสัมผัสเรื่องราวและรสชาติผ่านเมนูอาหารของเชฟแบล็กกันได้ครับ

ถ้วยชามต่าง ๆ ที่เชฟเลือกมาใช้

เสิร์ฟแต่ละจานออกมา พร้อมด้วยเรื่องราวจากการถ่ายทอดของเชฟโดยตรง

รสชาติอาหารไม่ผิดหวัง หลายๆคำเราจะพบกับอะไรที่มัน complex มาก ๆ นับเป็นอีกสีสันของประสบการณ์อาหารอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเด่นไปทาง ไทย – ญี่ปุ่น แต่ก็ยังได้กลิ่นของความเป็นอาหารเหนือแทรกมาให้เราลิ้มรสอยู่เรื่อยๆในแต่ละคอร์ส เรียกว่าเป็นการรับประทานอาหารที่อร่อย และสนุกมากทีเดียว

The House by Ginger
นับเป็นอีกคาเฟ่ระดับสากลที่ชาวเชียงใหม่ภาคภูมิใจ เพราะ Bib Gourmand จาก Michelin ที่ได้มาในปีล่าสุดคือตัวยืนยันว่า The House by Ginger มีมาตรฐานสูงขนาดไหน ทั้งการออกแบบตกแต่งร้าน พร็อพและโทนสีที่เลือกใช้ ไปในทิศทางเดียวกัน มองมุมไหนก็น่าถ่ายรูปไปหมด มีการนำงานศิลปะเข้ามาตกแต่ง ทำให้ภาพรวมเป็นการผสมผสานกันระหว่าง western classic และ eastern classic แบบ East meets West ได้อย่างลงตัวและอบอุ่นเหมือนชวนกันมาทานข้าวในบ้าน

The House by Ginger

พาไปชมบรรยากาศรอบ ๆ ร้านครับ

ต้องยกให้ว่าอร่อยทุกเมนูของจริงครับ ตกแต่งสวยมากทุกจาน แต่ที่สุดแล้วต้องให้เนื้อต้มกะทิครับ ยกให้เป็นเมนูในใจเลยครับ กลมกล่อม อูมามิ เป็นที่สุด (ขวาล่าง) ควรสั่งนะครับ รองลงมาให้ซี่โครงหมูอบซอสมะขามครับ (ขวาบน)

เมนูอาหารของที่นี่ได้รับการคิดสร้างสรรค์มาอย่างดี มีความวิจิตรสลักเสลาในรายละเอียดแต่ไม่ลืมใส่ความเป็นไทยโบราณและภาคเหนือลงไปในทุกเมนู เมนูบางอย่างเห็นได้ว่าใส่ความคิดมาหลายขั้นตอนกว่าจะออกมาเป็นหนึ่งเมนู โดยทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบออร์แกนิกที่หาได้จากท้องถิ่นและวัตถุดิบพรีเมียมที่คัดสรรอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละเมนูคือความพิเศษจริง ๆ

เจริญสวนแอก

คีย์เวิร์ดที่อธิบายความเป็นตัวตนของร้านอาหาร เจริญสวนแอก ก็คือ อาหารเหนือสาย deep ที่คนเมืองแต๊ ๆ ก็อาจจะยังไม่เคยลิ้มลอง ว่ากันว่า บางเมนูคือเมนูอาหารเหนือแบบโบราณมากๆที่ทางร้านอยากนำเสนอและสืบสานตำราอาหารให้ยังคงมีชีวิตอยู่ ร้านอาหารเหนือหลายร้านก็แทบจะไม่ทำเมนูบางอย่างแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ความพิเศษนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ เจริญสวนแอก ซึ่งในปีล่าสุด Michelin Guide ได้มอบการันตี The Plate ให้บรรดานักชิมต้องขวนขวายมาลองความแปลก ความดิบ ความเป็นเมนูอาหารป่าของทางร้านนี้ให้จงได้

สวนอาหารเจริญสวนแอก

ทางร้านยึดเอารสชาติดั้งเดิมแท้ ๆ มานำเสนอลูกค้า โดยไม่ปรับรสให้เข้ากับลิ้นคนไทยภาคกลางหรือเอาใจนักท่องเที่ยวเลย สังเกตได้ว่าจะเห็นคนเมืองเดินเข้าออกร้านอยู่เนือง ๆ ตลอด ซึ่งนี่ก็อาจเป็นภาพที่ยืนยันความเป็นเมืองแท้ ๆ ของเมนูร้านได้ดียิ่งนัก เมนูเปิบพิสดารที่ถ้าใครอยากลองชาเล้นจ์ตัวเองนั้น ขอให้ลอง เมนูแมลงๆหรือของแปลกตามฤดูกาลต่างๆ เช่น น้ำพริกต่อ (ตัวต่อ) คั่วแมงมัน จ่อมไข่แมงมัน ยำไข่แมงมัน หรือเมนูแปลกๆ อย่างแกงป่ากบ รังผึ้ง ไข่มดแดง เป็นต้น

อร่อยทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเมนูทอดต่างๆ ที่ทางร้านทำออกมา อาหารเหนือที่นี่มีสมุนไพรผสมอยู่มาก ความสมุนไพรนี้ดีต่อสุขภาพอยู่มาก แต่อาจจะไม่เหมาะกับบางคนที่ท้องไส้ปั่นป่วนง่ายนะครับ

เฮือนใจ๋ยอง

ร้านอาหารเหนือต้นตำรับพื้นเมืองแท้ๆอีกหนึ่งร้าน ที่เมื่อเข้ามาแล้วให้ความรู้สึกว่ามานั่งกินข้าวใต้ถุนบ้านไม้เมืองเหนือในบรรยากาศจริงๆ โดยทางร้านก็ยังแบ่งโซนขันโตกนั่งทานแบบพื้นเมืองและโซนดินเนอร์แบบไพรเวทไว้รองรับกลุ่มใหญ่ด้วย เฮือนใจ๋ยอง เป็นร้านดังในอำเภอสันกำแพง เปิดมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2545 พื้นเพของเจ้าของร้านสืบเชื้อสายมาจากชาวยอง รัฐฉานของพม่า จึงเป็นที่มาของชื่อร้านเฮือนใจ๋ยองแห่งนี้

ด้วยความที่เป็นคนรักศิลปะ คุณนก เจ้าของร้าน จึงสร้างหอศิลป์ที่ตั้งชื่อว่า เฮือนศิลป์ใจ๋ยอง ไว้อีกหลังข้าง ๆ ร้าน ไว้เป็นแกลเลอรี่แสดงภาพวาดงานศิลปะหลายขนาดจากศิลปินหลายท่านและจัดจำหน่ายงานศิลป์ชิ้นนั้นๆอีกด้วย อีกทั้งภายนอกและภายในร้านยังแทรกการประดับตกแต่งข้าวของเครื่องใช้ ของสะสมโบราณล้านนาไว้ตามมุมต่าง ๆ ของตัวร้านอีกด้วย ถ้ามาที่นี่สามารถพูดได้เต็มปากว่ามาเสพงานศิลป์ กินอาหารเหนือ แบบครบจริง ๆ

เฮือนใจ๋ยอง

ทางร้านมีเมนูมากกว่า 50 อย่างรวมถึงบุฟเฟต์ขนมจีนน้ำเงี้ยวแบบตักเองด้วย ที่นี่เน้นการปรุงแบบรสจัดจ้านเหมือนรสปากชาวเหนือแท้ ๆ รสที่กินกันเองในบ้าน หลายเมนูจึงเป็นเมนูหาทานยาก ทำยาก แต่ที่นี่อยากนำเสนอวัฒนธรรมอาหารให้ลูกค้าได้ลิ้มรสความเป็นเหนือและล้านนามากที่สุด ไม่เน้นการตกแต่งจานแบบเลิศหรู

จะสังเกตว่าจานชามที่ใช้เป็นสังกะสีบ้าง ชามกระเบื้องแบบง่ายๆบ้าง สัมผัสอารมณ์พื้นบ้านแบบไม่ต้องมีพิธีรีตรองมาครอบมากมาย ผ่านการกินอาหารอย่างแท้จริง

จริง ๆ แล้วสั่งมาเยอะมากเลยครับ แต่ไฟล์ภาพพาร์ทอาหารมีปัญหาเลยอดนำมาอวดให้ดูครับ อาหารเป็นแบบเหนือแท้ ๆ มีความเผ็ด ชา ขมผสมๆกัน อยากให้ได้มาลองกันนะครับ

ข้าวซอยแม่มณี

ทางเข้าหน้าร้านเราจะนึกถึงร้านสไตล์บ้าน ๆ แบบร้านอาหารตามสั่งทั่วไปที่มีเพียงไม่กี่ที่นั่ง แต่ความธรรมดานี้ ไม่ได้เป็นตัวอธิบายตำนานความอร่อยสไตล์แม่มณีที่เราจะได้รับประทานต่อไปนี้เลยล่ะครับ หากเราจะหาร้านข้าวซอยดีๆซักสักร้าน ร้านข้าวซอยเมืองแท้ ๆ สูตรของแม่มณี เป็นอีกที่ที่ควรค่าแก่การไปลองครับ

ข้าวซอยแม่มณี

ร้านนี้ทำอาหารเมนูเส้นต่างๆมาตั้งแต่ปี 1984 แต่เมนูที่ทำให้ร้านโด่งดังสร้างชื่อได้คือ ข้าวซอย การันตีด้วยรางวัลร้านแนะนำจากมิชลินไกด์ปี 2020

ด้วยเส้นหมี่ไข่สีเหลืองและน้ำซุปเข้มข้มข้นจากพริกแกงและหัวกะทิชั้นดี ทั้ง หมู ไก่ เนื้อ ที่เคี่ยวอย่างดี เสิร์ฟคู่กับหอมแดง หอมเจียว บีบมะนาวพร้อมผักดอง ครบเครื่องกลมกล่อมจนกลายเป็นตำนานข้าวซอยเชียงใหม่มาช้านาน

จบลงไปแล้วครับกับ 8 ร้านที่ผมได้แวะเวียนไปในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า บางทีการได้ลองอะไรที่หลากหลายและแปลกใหม่ก็เป็นอะไรที่สนุกดีครับ บางวันรับประทานอาหารในร้านราคาแพงบ้าง ราคาถูกบ้าง บางวัน สตรีทฟู้ดบ้าง บางวันอาจลองรับประทานอาหารพื้นเมืองแปลก ๆ บ้าง ซึ่งเชียงใหม่สนุกตรงนี้ เพราะที่นี่ตอบโจทย์เหล่านี้ได้ทั้งหมดเลย หวังว่าจะถูกใจและเป็นประโยชน์กับหลายๆท่านนะครับ มีใครชอบร้านไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?

แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า
รัก, เปียง