LIPE
หลีเป๊ะ ตอนที่ 1
สวัสดีครับ ผมเปียง กลับมาทักทายกันอีกครั้งหลังจากห่างหายกันไปนานมาก กับทริปต่าง ๆ ของผมครับ หากให้นับกันจริง ๆ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว หลีเป๊ะถือเป็นทริปแรกและทริปเดียวของปีครับ ก่อนสถานการณ์ในปัจจุบัน ประกอบกับหลายเดือนที่ผ่านมา ชีวิตช่วงกำลังเรียนต่อเฉพาะทางของผม เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างยุ่งมากกับหลายหน้าที่ใหม่ ตามสไตล์เรสสิเดนท์ ทั้งการเรียน งานโรงพยาบาล งานวิจัย ฯลฯ ทำให้ไม่ได้ออกไปไหนไกล ๆ สักเท่าไหร่ หลีเป๊ะเป็นสถานที่ที่ผมตั้งใจว่าจะหาโอกาสไปเยือนมาสักพักใหญ่แล้วครับ ทริปนี้มันจึงเป็น 3 วันที่พิเศษมาก ๆ สำหรับผม
อะไรคือเสน่ห์ของหลีเป๊ะ?
วันนี้หยิบเอามาเล่าให้ฟังให้เป็นหนึ่งใน Bucket List Destination ครับ เกาะหลีเป๊ะ ถือเป็นเกาะที่อยู่ตอนใต้สุดของทะเลอันดามันของไทย เป็นหนึ่งในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ที่นี่ขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องความสวยงามของทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ ที่หาที่ไหนเทียบไม่ได้อีกแล้ว คงจะเป็นเรื่องการดำน้ำดูปะการังแบบ snorkeling ด้วยระบบนิเวศน์ทางทะเลที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก ทำให้เรายังสามารถมองเห็นปะการังและปลาหลากสีตามธรรมชาติได้ทั่วไปในจุดดูปะการังต่าง ๆ ปลานกแก้ว และ ปลาการ์ตูน ว่ายน้ำให้เราเห็นได้ปกติเลยที่หลีเป๊ะ ถือว่าเป็นเแหล่งที่มีปะการังสวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทยก็ว่าได้ครับ
หลายคนอาจจะสงสัยกันนะครับ ว่า “หลีเป๊ะ” แปลว่าอะไร คำนี้เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า Nipis (นีปิส) ภาษาสิงหล ซึ่งเป็นภาษาพื้นเมืองโบราณของกลุ่มภาษาอินโด-อารยัน แปลว่า บาง ๆ แบน ๆ คล้ายกับลักษณะรูปทรงของเกาะ หากนำโดรนขึ้นบินสำรวจมุมมองด้านบนของเกาะ จะเห็นเป็นรูปทรงคล้ายกับบูมเมอแรงครับ ลักษณะพื้นที่โดยทั่วไปของเกาะ มีชายหาดที่น้ำไม่ลึกมาก ถือเป็นเกาะขนาดเล็ก มีภูเขาที่ไม่สูงชัน มีทรัพยากรป่าไม้อยู่พอสมควร
ในพาร์ทแรกก่อนจะพาไปชมจุดดำน้ำต่าง ๆ ครั้งนี้เดี๋ยวเราจะไปชมรอบเกาะกันก่อนครับ เราจะมาเล่าถึงประสบการณ์การเดินทางไปที่เกาะหลีเป๊ะ และโลเคชั่นที่ไปมารอบเกาะครับ จากหาดใหญ่ สู่ท่าเรือปากบาราที่สตูล กว่า 2 ชั่วโมงบนเรือสู่หลีเป๊ะ ผ่านเกาะแก่งต่าง ๆ ที่มีความสวยงามเฉพาะตัว ดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดพิเศษที่หาดซันเซ็ต ชมพระอาทิตย์ตกในทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของเกาะ เก็บภาพสวย ๆ ระหว่างทาง ชมวิถีชีวิตรอบ ๆ และมองธรรมชาติบนเกาะ ที่นี่มีอะไรน่าสนใจอยู่เยอะเลยครับ
ห่างหายกันไปนาน ตามไปชมภาพจากทริปล่าสุดของผมครั้งนี้กัน
เปียง
#LIPE #PYONGDOCTOR
ปากบารา
เกาะตะรุเตา
เกาะไข่
หาดพัทยา
Sawan Sunset Resort
Walking Street
Zodiac See Sun Beach Bar
หาดซันเซ็ต
LIPE
หลีเป๊ะ ตอนที่ 1
สะพานหิน บนเกาะไข่ สิ่งมหัศจรรย์ตามธรรมชาติ บนเกาะไข่
บรรยากาศบนเกาะหลีเป๊ะ โขดหิน ท้องฟ้า และสีน้ำทะเลที่เข้ากับอย่างลงตัว บนหาดซันเซ็ต
ตามผมไปชมทริปพิเศษทริปนี้ของผมกันครับ
ปากบารา
เปิดมาที่สถานที่แรกเลยครับ ณ ขณะนี้ ผมอยู่ที่ท่าเรือปากบารา ท่าเรือสำคัญของสตูล
สำหรับหลีเป๊ะ หลังจากได้ตามดูรีวิวต่าง ๆ ผมคิดว่าช่วงเวลาที่นี่ไม่ควรต่ำกว่า 3 วัน 2 คืนครับ เหตุผลแรกเลยก็คือ การเดินทางไปหลีเป๊ะไม่ง่าย คนที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เสร็จสรรพราว ๆ 5-6 ชั่วโมงกว่าถึงจะถึงเกาะ ต้องนั่งเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่หรือตรังเนื่องจากสตูลไม่มีสนามบิน จากนั้นนั่งรถไปที่ท่าเรือปากบาราจังหวัดสตูลอีก 1 ต่อ โดยรถโดยสารที่ว่านี้อาจเป็นรถเช่าหรือรถขนส่งก็ได้ รายละเอียดตรงนี้ ลองโทรถามที่สนามบินที่ท่านใช้บริการได้ครับ
บรรยากาศผู้คนที่ท่าเรือปากบารา ถึงจะจอแจ แต่ก็ทำให้เราได้เห็นสไตล์ต่าง ๆ ที่หลากหลายและน่าสนใจครับ ที่นี่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ช่วงนี้จะเป็นคนไทยเกือบทั้งหมด แต่โดยปกติแล้วที่นี่เป็นแหล่งรวมของคนต่างชาติ ไม่ต่างกับสนามบินเลยทีเดียว
อะไรคือเสน่ห์ของหลีเป๊ะ?
เกาะหลีเป๊ะ ถือเป็นเกาะที่อยู่ตอนใต้สุดของทะเลอันดามันของไทย มีอาณาเขตใกล้กับประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีเกาะที่มีชื่อเสียงอย่าง เกาะลังกาวี อยู่ห่างออกไปในเขตน่านน้ำสากลของมาเลเซียเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น เกาะหลีเป๊ะ เป็นหนึ่งในหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 51 เกาะ ที่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวอย่างมากที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา อาทิ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี และเกาะหลีเป๊ะแห่งนี้
หากแต่จะพูดถึงจังหวัดสตูลเป็นที่ตั้งของเกาะหลีเป๊ะแห่งนี้นั้น มิได้มีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาในพื้นที่รับผิดชอบเพียงอุทยานเดียว แต่ยังรวมถึงอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราอีกด้วย ทำให้จังหวัดสตูลครอบคลุมพื้นที่เกาะมากมายถึง 73 เกาะ ซึ่งหมายความว่า ถึงแม้ สตูล อาจดูเป็นจังหวัดเล็ก ๆ ที่คนมักไม่ค่อยพูดถึง แต่ที่นี่มีหมู่เกาะที่มีความสำคัญมากในทะเลอันดามัน มีทรัพยากรทางทะเลอันอุดมสมบูรณ์ที่มีค่ามหาศาล ยังความมั่งคั่งให้ธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัด สร้างงาน สร้างรายได้แก่คนในท้องถิ่นมูลค่าสูงกว่า 8822 ล้านบาทในปี 2561 โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในสตูลมากถึง 1.52 ล้านคนในปีเดียวกัน (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติจังหวัดสตูล – รายงานสถิติจังหวัดสตูล ประจำปี 2563)
ราว ๆ 1.30 – 2 ชั่วโมง เราจะถึงท่าเรือปากบารากัน โดยจะเห็นว่าเรือโดยสารที่ว่านี้มีหลากหลายแบรนด์ด้วยกันครับ ไม่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก ขึ้นกับช่วงเวลาที่เรือออกจากท่ามากกว่า ลองเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตแล้วจองดูได้เลยง่าย ๆ หรือจะลองตรงไปที่ท่าเรือก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากมีที่พักแล้ว วิธีการที่ง่ายที่สุด ผมแนะนำให้ประสานกับที่พักบนเกาะก่อนอื่นใดทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรือไปหลีเป๊ะ หรือ การเดินทางในเกาะ เขาจะให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์มาก ๆ และมักจะช่วยประสานงานให้เราด้วย ติดต่อที่เดียวจะรู้ข้อมูลครบทุกอย่าง หรือ ถ้าจะให้ง่ายที่สุด อาจเลือกแพ็กเกจเที่ยวหลีเป๊ะก็ได้ สำหรับคนที่อาจไม่มีเวลามากในการหาข้อมูล
เรือโดยสารเขาจะวิ่งในเส้นทางที่ผ่านเกาะสำคัญ 2 เกาะ ซึ่งปกติแล้วทางเรือ จะให้เราลงไปเที่ยวชมกัน นั่นก็คือ เกาะตะรุเตา เกาะที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของสตูล และเกาะไข่ เกาะที่มีสะพานหินสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สวยงามมาก ติดต่อที่เดียวจะรู้ข้อมูลครบทุกอย่าง หรือ ถ้าจะให้ง่ายที่สุด อาจเลือกแพ็กเกจเที่ยวหลีเป๊ะก็ได้ สำหรับคนที่อาจไม่มีเวลามากในการหาข้อมูล
ถึงเวลาขึ้นเรือกันแล้วครับ
ราว 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เราได้มาถึงสถานที่แห่งแรกครับ เกาะตะรุเตา บน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา แวะนมัสการศาลเจ้าพ่อตะรุเตาและเยี่ยมชมศูนย์นิทรรศการแห่งชาติตะรุเตา พร้อมเก็บภาพบรรยากาศบริเวณอ่าวพันเตมะละกา
สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าชายหาด มีทิวสนทะเลเลียบไปตามชายทะเล หาดทรายขาว ตะรุเตา เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 8 และ เป็นอุทยานทางทะเลแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ถูกประกาศให้เป็น มรดกแห่งอาเซียน จากองค์การยูเนสโกได้ ตั้งอยู่บริเวณช่อง แคบมะละกา มหาสมุทรอินเดีย ซึ่งอยู่ในเขตทะเลอันดามันของไทย มีพื้นที่ทั้งหมด 1,490 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยหมู่เกาะสำคัญ 2 หมู่เกาะ ได้แก่ หมู่เกาะตะรุเตา และ หมู่เกาะอาดัง-ราวี มีเกาะใหญ่น้อยจำนวน 51 เกาะ กระจายอยู่ในทะเลอันดามัน นอกจากนี้ยังมีอ่าวน้อยใหญ่ที่มีชายหาดสวยงามอยู่หลายแห่ง “ตะรุเตา” เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “ตะโละเตรา” ในภาษามลายู แปลว่า มีอ่าวมาก อุทยานแห่งชาติตะรุเตาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในความใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวทั่วไป เนื่องจากเป็นจุดรวมของความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ ทั้งบนเกาะ และในน้ำ มีป่าที่อุดมสมบูรณ์เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด ในน้ำก็งดงามด้วยกลุ่มปะการังหลากสีสวยสด จนเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วโลก ในแง่ประวัติศาสตร์
น้ำสีสวยมากๆครับ บริเวณเกาะแห่งนี้ สวยขนาดนี้ แต่ยังไม่สวยที่สุดนะครับ
หาดทรายที่ขาวบริสุทธิ์ เม็ดทรายเนื้อละเอียด
ครั้งหนึ่งเกาะแห่งนี้ยังเคยถูกใช้เป็นทัณฑสถานควบคุมนักโทษมากกว่า 4000 คน เป็นระยะเวลาถึง 37 ปี จนถูกยกเลิกไปและประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติตั้งแต่ ปี 2516 เป็นต้นมา
เดินทางต่อครับ ก่อนถึงหลีเป๊ะ เราจะแวะอีกเกาะหนึ่ง เป็นเกาะที่ 2
ดูน้ำทะเลที่นี่สิครับ ผมประทับใจมาก ๆ เลย
ถึงแล้วครับ เกาะไข่ เกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ก่อนถึงเกาะ อาดัง–ราวี แวะชมสะพานหินกันที่นี่
ตอนกลางวันกับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงกลางหัว สะท้อนน้ำทะเลได้ออกมาสีสวยมากที่สุด
มุมนี้ ผมคิดว่าสวยมากเลยครับ
กิ่งไม้แห้งริมหาดที่อยู่แบบสุ่ม ๆ ดูตัดกันอย่างดีกับทุกอย่างในองค์ประกอบตรงนี้ สวยงามมากครับ
สะพานหินธรรมชาติ ซุ้มประตูซึ่งเชื่อกันว่าหนุ่ม–สาว คู่ใดได้ลอดผ่านใต้ซุ้มประตูแห่งนี้จะได้แต่งงานกัน
เกาะไข่ยังมีหาดทราย ที่ขาวสะอาด และนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นกลุ่มปะการัง ได้จากบนเรือ
นั่งเรืออีกไม่นาน รวมทั้งหมดราว ๆ 2 ชั่วโมง ผมมาถึงแล้วในที่สุดครับ เกาะหลีเป๊ะ เรือจอดที่แรกครับ หาดพัทยา ประสานกับที่พักให้เรียบร้อยครับ ปกติที่พักจะจัดสรรรถมารับเราไป
หาดพัทยา เป็นชื่อเรียกกันในปัจจุบัน ที่เพี้ยนมาจากคำว่า บันดาหยา หรือ ปะไตตายา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปมากที่สุด ใกล้กับท่าเรือเฟอร์รีและสปีดโบ้ท ว่ากันว่าเพราะความสวยงามของหาดแห่งนี้ที่คล้ายคลึงกับหาดพัทยาที่จังหวัดชลบุรี ในสมัยก่อน นักท่องเที่ยวจึงนิยมเรียกเปรียบเปรยกับหาดพัทยา ที่ชลบุรีว่า หาดพัทยา จนติดปากกันถึงปัจจุบันนี้เอง
เกาะหลีเป๊ะ ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามชนิดที่นักท่องเที่ยวให้ฉายาว่า มัลดีฟส์แห่งเมืองไทย ห่างจากฝั่งจังหวัดสตูล 85 กิโลเมตร มีความกว้างระหว่างหัวเกาะไปถึงท้ายเกาะประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีความสงบมาก รอบ ๆ เกาะ มีแนวปะการังรายล้อม ถือเป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงมากของประเทศไทย มีเวิ้งอ่าวที่สวยงามตัดกับหาดทรายเม็ดละเอียดนิ่มนวลขาวเหมือนผงแป้ง และยังมีพันธุ์ปลามากมายหลายชนิดรวมทั้งเต่าทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์อาศัยอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาแห่งนี้ด้วย เกาะหลีเป๊ะ มีชายหาดที่สำคัญ ๆ อยู่ 4 หาด ได้แก่ หาดพัทยา หาดซันไรส์ หาดคาร์มา และ หาดซันเซ็ต
ที่นี่มีถนนเส้นเล็กทั้งเกาะครับ หลายจุดเป็นทาง one way มีทางลาดชัน และ ถนนมีหลุมบ่อตามการใช้งาน รถที่ใช้บนเกาะเป็นรถ 3 ล้อที่ที่นี่เรียกว่า taxi ครับ จากภาพจะเห็นว่า มีบางมุมที่ขับยากมาก คนขับต้องชำนาญพื้นที่มาก ๆ
ย้อนไปถึงการค้นพบและจุดเริ่มต้นของเกาะหลีเป๊ะนั้น เมื่อกว่าร้อยปีก่อน มีชาวเลจากน่านน้ำอินโดนีเซียรอนแรมล่องเรือมาตามเกาะต่าง ๆ เรื่อยมาเพื่อหาแหล่งลงหลักปักฐานอาศัยอยู่ โต๊ะฮีรี บุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของชาวเกาะหลีเป๊ะ ล่องเรือมากับพรรคพวก ได้มาพบเกาะหลีเป๊ะแห่งนี้ที่มีความพิเศษตรงที่ หากทดลองขุดบ่อน้ำจืดจะพบแหล่งน้ำอยู่ไม่ไกลจากชายหาด ไม่ต้องเดินไปไกล ไม่ว่าจะขุดจากด้านไหนของเกาะก็ตาม จึงตัดสินใจอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ เรียกตนเองว่า ชาวอุลักกาโว้ย สร้างบ้านเรือนอยู่อาศัย ทำมาหากิน นับแต่นั้นเป็นต้นมา
Sawan Sunset Resort
มาถึงแล้วครับ ที่พักของผม
สาเหตุที่เราเลือกที่นี่เป็นเพราะวิวทิวทัศน์จากเนินเขาครับ ในเวิ้งของหาดซันเซ็ตที่สวยงามมาก ๆ สวยขนาดไหน ตามไปชมกันครับ
ที่พักทรงไทยแบบที่เราคุ้นเคยครับ แต่พิเศษกว่า ตรงที่ตั้งบนเนินเขาที่เปิดหน้าหันหาทะเล สามารถเห็นทะเลได้จากในห้อง เป็นอะไรที่พิเศษมาก
บรรยากาศภายในที่พักครับ
ห้องอาหารของโรงแรมครับ หันหน้าเข้าหาชายหาด
ช่วงบ่ายแก่ ๆ กับชายหาดทรายผสมหิน
กิจกรรมของทางรีสอร์ตครับ พายเรือคายัก และ snorkeling
โขดหินบริเวณชายหาด
บรรยากาศช่วงเย็นที่รีสอร์ต
ถนนคนเดิน หรือ Walking Street Lipe
ปกติแล้วเราจะมาที่นี่ช่วงกลางคืนครับ แต่ถ้ามาตอนเช้า เราจะเห็นอะไรที่น่าสนใจหลายอย่าง ที่นี่เป็นถนนคอนกรีตทอดยาวจากด้านหน้าเกาะไปถึงด้านหลังของเกาะหลีเป๊ะ ในเส้นทางจะมีร้านอาหาร บาร์ ร้านยา ร้านสะดวกซื้อ สปา และที่พักอีกมากมาย มีร้านขายของที่ระลึกที่มีความเป็นสไตล์เฉพาะของหลีเป๊ะด้วย
บรรยากาศช่วงกลางวันครับ
มาสตูลทั้งที สินค้าขึ้นชื่อที่เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักแน่ ๆ นั่นก็คือชาชักนั่นเองครับ ผมแวะมากินโรตีและชาชักของบังรุน เป็นเจ้าดังของที่นี่
ดูลีลาซะก่อนครับ
โรตีแป้งนมน้ำตาล เพลนๆ เนี่ยแหละครับ อร่อยที่สุดแล้ว
พอค่ำหน่อยที่นี่จะคึกคักมากขึ้น
เจลาโต้ครับ มีอยู่ 1 ร้านที่นี่
อาหารทะเลที่นี่ค่อนข้างโอเคเลยนะ สดและอร่อยมากหลาย ๆ ร้านครับ มีคนบอกผมว่าที่นี่ของจะแพงมาก แต่พอเข้ามาเที่ยวจริง ๆ ผมมองว่าราคาอยู่ในระดับที่รับได้ครับ ไม่ได้แรงจนเกินไป
บรรยากาศสนุก ๆ แบบ walking street
เดินมาที่หน้าชายหาด โซนนี้จะคึกคักเป็นพิเศษครับ เราจะเห็น beach bar ตั้งอยู่มากมาย เรียงตามแนวชายหาด
แน่นอนครับ beach bar ต้องมาพร้อมกับโชว์ควงกระบองไฟด้วย
Zodiac See Sun Beach Bar
เป็นอีก beach bar ที่อยากพาทุกคนไปรู้จักกันครับ นับว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะเลยก็ว่าได้
บริเวณนี้เป็นแหลมที่ตัดกันของ 2 หาดพอดี คือ ซันเซ็ตและซันไรส์ เราจึงสามารถเห็นหาดได้ทั้ง 2 ฝั่ง
บรรยากาศสนุก ๆ โครงสร้างจากไม้ไผ่ ตกแต่งแบบ Tiki bar ครับ
ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกกับแสงสีส้มโรแมนติก
ค่อย ๆ มองดูดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป เป็นภาพที่สวยมาก ๆ ครับ
เก็บความทรงจำดี ๆ นี้เอาไว้ครับ เป็นช่วงเวลาพิเศษที่เราไม่ได้พบบ่อยผ่านภาพนี้ ผมยังจำทุกอย่างได้ดี
จบไปกับพาร์ทแรกของหลีเป๊ะกับการเที่ยวชมรอบ ๆ ตัวเกาะครับ อาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่ก็นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เราได้พักผ่อนอย่างแท้จริง
กลับมาสู่คำถาม อะไรคือเสน่ห์ของหลีเป๊ะ? ผมคิดว่ามันคงเป็นความกลมกล่อมของคนท้องถิ่น ธรรมชาติ และนักท่องเที่ยวครับ บรรยากาศสนุก แต่ก็อยู่ในระดับที่ยังไม่วุ่นวายจนเกินไป มีสิ่งอำนวยความสะดวกโอเค และยังให้ความไพรเวตอยู่
ก่อนจะตัดสินใจว่าจะไปที่นี่ไหม ผมอยากให้รอชมอีกพาร์ทนึงก่อน กับอีกหลาย ๆ มุม ที่ผมจะเก็บภาพธรรมชาติของที่นี่มาให้ชมแบบเต็ม ๆ ติดตามชมกันนะคับ
เปียง
#LIPE #PYONGDOCTOR